รมว.ทรัพย์ เผยวาง จนท.เสริม 35 ชุด ดับไฟป่าเหนือ วอน ปชช.จำเป็นต้องออกประกาศห้ามเข้าพื้นที่ป่าอนุรักษ์ จะหาของป่าต้องขอผู้ว่าฯ ก่อน หลังพบมีจุดไฟ รับกระทบเศรษฐกิจ-ท่องเที่ยว แจงจับมือเผาได้ 10 ราย ลั่นลงโทษหนัก ฝนหลวงต้องรอสภาพอากาศ ตอบไม่ได้จะเบาลงตอนไหน ชี้ที่อยู่ที่ชาวบ้าน
วันนี้ (17 มี.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ให้สัมภาษณ์ภายหลังประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ได้สรุปสถานการณ์ปัญหาไฟป่า และควันไฟ ในพื้นที่ภาคเหนือตอนบนต่อที่ประชุมครม.ขณะที่การแก้ไขปัญหากระทรวงได้เพิ่มกำลังเจ้าหน้าที่ดับไฟป่าจากจังหวัดในพื้นที่อื่นๆ เข้าไปเสริมอีก 35 ชุด จำนวน 400 คน ทั้งนี้ ตนขอร้องประชาชนว่าเราจำเป็นต้องออกประกาศห้ามเข้าไปในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ หลังจากเคยอนุโลมให้ประชาชนเข้าไปหาของป่าได้ เพราะพบว่าประชาชนมีการมีการจุดไฟในการหาของป่า ทำให้เกิดเหตุไฟไหม้ป่าขึ้นมา สำหรับพื้นที่ป่าสงวนที่ผู้ว่าฯ มีอำนาจในการอนุญาตตั้งแต่วันนี้ถึงสิ้นเดือนเมษายน หากจะเข้าไปหาของป่าต้องขออนุญาตผู้ว่าฯ ก่อน เนื่องจากพบว่าไฟป่าที่เกิดขึ้นครึ่งหนึ่งเกิดในพื้นที่ป่าอนุรักษ์และป่าสงวน โดยเฉพาะป่าสงวนพบว่าเกิดจากประชาชนเผาไร่ของตัวเอง
พล.อ.ดาว์พงษ์กล่าวว่า ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) สั่งการว่าจะทำอย่างไรไม่ให้มีการเผาป่า และจะทำอย่างไรที่จะช่วยเขาได้ แต่ในช่วงนี้เป็นสถานการณ์เฉพาะหน้า เพราะมีผลกระทบทางเศรษฐกิจ และการท่องเที่ยวทางภาคเหนือ ที่วันนี้สถานการณ์หมอกควันในภาคเหนือจาก 10 จังหวัด ลดลงเพียง 3 จังหวัด อีก 6 จังหวัดสถานการณ์หนักมากขึ้น โดยเฉพาะ จ.เชียงใหม่ และ 1 จังหวัดสถานการณ์คงที่ ขณะที่ผู้ลักลอบเผาป่าได้มีการจับกุมเดือนกุมภาพันธ์จับได้ 10 ราย ซึ่งการดำเนินคดีผู้เผาป่าสงวนและป่าอนุรักษ์ มีบทลงโทษหนัก และจะมีการลงโทษเพื่อเป็นคดีตัวอย่าง สำหรับการทำฝนหลวงต้องรอสภาพอากาศก่อน ส่วนการช่วยเหลือด้านอื่นๆ กระทรวงมีการหารือกันอยู่ แต่นายกฯก็ยังเป็นห่วงและอยากให้กลับไปคุยให้แน่ว่าจะมีมาตรการเพิ่มเติมอีกหรือไม่
เมื่อถามว่า สถานการณ์จะเบาบางลงได้เมื่อไร พล.อ.ดาว์พงษ์กล่าวว่า ตอบไม่ได้ อยู่ที่ชาวบ้านว่าต้องเข้าใจ ต้องขอร้องกัน เราไม่อยากใช้กฎหมาย แต่ก็ถึงเวลาที่ต้องใช้ กับเพื่อนบ้านอย่างเวียดนาม ลาว และกัมพูชา มีการประสานกันอยู่แล้วในการแก้ไขปัญหาร่วมกัน โดยมติของปีนี้ให้ทุกประเทศคุมจุดฮอตสปอตให้ได้