นครศรีธรรมราช - สลดพบซากโลมาสีมชมพูเพศเมียขนาดใหญ่ตาย คลื่นซัดเกยหาดปากพนังอีกแล้วเป็นตัวที่ 2 ในรอบ 3 วัน ขณะที่ชาวประมงชายฝั่งแฉขบวนการล่าปลาโลมา ใช้เรืออวนลากคู่เข้ามาหาปลาล่าโลมาเป็นของแถม
วันนี้ (22 พ.ย.) ที่ จ.นครศรีธรรมราช ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ชาวบ้านตำบลปากพนังฝั่งตะวันออก อำเภอปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช แจ้งให้เจ้าหน้าที่เข้ามาตรวจสอบซากโลมาสีชมพู หรือโลมาหลังโหนกเพศเมียขนาดใหญ่ยาวราว 2 เมตร น้ำหนักประมาณ 200 กก. สภาพตายมาแล้วไม่น้อยกว่า 5 วัน ถูกคลื่นลมซัดมาเกยชายหาดหมู่ที่ 6 ตำบลปากพนังฝั่งตะวันออก
นางอาภรณ์ เจริญผล อายุ 53 ปี ระบุว่า คลื่นลมกำลังแรงซัดเข้ามาฝั่งได้ยินเสียงสุนัขที่วิ่งเล่นแถวชายหาดเห่า จึงเดินมาดูก่อนพบว่า มีซากโลมาตัวนี้เกยหาดอยู่แล้ว โดยในย่านนี้จะเป็นพบเห็นโลมาอาศัยหากินหลายฝูงหลายชนิด เข้าใจว่าอาจเกิดอะไรบางอย่างขึ้น
นอกจากนี้ นางอาภรณ์ ยังระบุว่า มีขบวนการล่าโลมาจากต่างถิ่นใช้เรืออวนลากคู่มาลากปลาอย่างผิดกฎหมายบริเวณหน้าอ่าวปากพนัง และลักลอบจับโลมาใส่แท็งค์ขนาดใหญ่ไปด้วย ซึ่งคาดว่าน่าจะส่งออกไปขายต่างประเทศ เช่นเดียวกับชาวประมงพื้นบ้านอีกรายระบุว่า พวกเรืออวนลากคู่ไม่ใช่คนแถบภาคใต้แน่นอน เข้าใจว่าจะเป็นกลุ่มที่มาจากสมุทรปราการ หรือใกล้เคียง เพราะช่วงที่แล่นเรือไปใกล้ๆ จะพูดคุยกันเป็นสำเนียงคนภาคกลาง “เรือเหล่านี้มากันคราวละราว 20 คู่ ลากปลาหน้าอ่าวปากพนังอย่างไม่เกรงกลัวใคร หรือเกรงกลัวกฎหมาย แต่ถ้าได้โลมาเขาจะเอาไปด้วย ใส่เรือแท็งค์มีระบบปั่นออกซิเจนขนาดใหญ่ และเชื่อว่าน่าจะมีสัตว์น้ำอย่างอื่นด้วย” ชาวบ้านรายนี้กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า โลมาหลังโหนกตัวนี้เป็นตัวที่ 2 ในรอบ 3 วันที่พบกลายเป็นซากถูกคลื่นซัดมาเกยหาด โดยตัวแรกนั้นพบที่ อ.สิชล จ.นครศรีธรรมราช ท่ามกลางก้อนปิโตรเลียมจำนวนมาก และถัดมาอีก 2 วัน จึงมาพบตัวนี้ซึ่งมีขนาดอายุ และความยาวไล่เลี่ยกันกับตัวแรก
ขณะที่นักวิทยาศาสตร์รายหนึ่งซึ่งไม่ประสงค์ออกนามเปิดเผยว่า ขบวนการล่าโลมานั้นมีอยู่จริงตามที่ชาวบ้านระบุ ส่วนใหญ่จะล่าด้วยเรือประมงขนาดใหญ่ที่มีเครื่องมือขนาดใหญ่ มีการล่าแบบไม่ตั้งใจคือ การลากสัตว์น้ำเศรษฐกิจตามปกติ แต่หากโลมากินสัตว์น้ำในอวนเขาจะจับโลมานี้ด้วยโดยเตรียมแท็งเกอร์ไว้เรียบร้อย หลังจากได้แล้วการซื้อขายจะมีขึ้นกลางทะเล ถ้ามีความสภาพสมบูรณ์แข็งแรงจะมีราคาหลักแสนบาท โดยตลาดของโลมาจากอ่าวไทย จะอยู่ย่านอาเซียน และย่านใกล้เคียงที่มีอควาเรียมแสดงสัตว์น้ำขนาดใหญ่ โดยเฉพาะที่มีการแสดงของโลมา
“ชาวประมงที่เห็นเหตุการณ์ควรพยายามหาช่องทางในการบันทึกภาพไว้เป็นหลักฐาน และไม่ควรเข้าใกล้ เนื่องจากอาจถูกประสงค์ร้ายจากเรือเหล่านี้ ขณะที่กรมประมง หรือกรมทรัพยากรธรรมชาติทางทะเล ควรเพิ่มมาตรการในการป้องกันสัตว์คุ้มครองเหล่านี้” นักวิทยาศาสตร์รายนี้กล่าว