ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - คณะเศรษฐศาสตร์ สงขลานครินทร์ รับลูก คสช.จัดระดมความเห็นปฏิรูปประเทศ เผย “หนี้ครัวเรือน” พุ่งสูงจากประชานิยมสามานย์ แนะสร้างวินัยทางการเงินประชาชน ที่ประชุมเห็นตรงกันจี้รัฐออกกฎหมายเก็บภาษีที่ดิน-มรดก ตัวการทำประเทศเหลื่อมล้ำ เตือน! คนใต้เฝ้าระวัง “โรงไฟฟ้าถ่านหิน-ปิโตรเคมี” ทำมลพิษมหาศาล ย้ำต้องปฏิเสธอย่างเด็ดขาด
วานนี้ (18 ก.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานจากคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตหาดใหญ่ มีการจัดเสวนาระดมความคิดเห็นเพื่อเสนอ คสช.สู่การปฏิรูปประเทศ ในหัวข้อเรื่อง “การปฏิรูปเศรษฐกิจไทยเพื่อลดความเหลื่อมล้ำ” โดยคณะเศรษฐศาสตร์ได้รับมอบหมายให้เป็นเจ้าภาพในการจัดเสวนาระดมความคิดในครั้งนี้
ตามที่ คสช. ได้มีแนวคิดให้มีการปฏิรูปประเทศไทยในทุกๆ ด้านเพื่อนำข้อเสนอจากทุกภาคส่วนนำเสนอต่อสภาปฏิรูปประเทศ (สปช.) เพื่อการปฏิรูปประเทศ ในการเสนอข้อคิดเห็นเพื่อพัฒนาด้านเศรษฐกิจอย่างเป็นรูปธรรม ลดช่องว่างทางสังคม ยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนทุกกลุ่ม นอกจากนั้น ทางคณะทำงานยังเปิดเวทีรับฟังความคิดเห็นทางเว็บไซต์คณะเศรษฐศาสตร์ www.economics.psu.ac.th
ศ. (เกียรติคุณ) ดร.อารี วิบูรณ์พงศ์ คณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ ม.อ. กล่าวว่า สิ่งที่ประเทศจะต้องจัดการอย่างจริงจังคือ ปัญหาการ “คอร์รัปชัน” ซึ่งจากสถิติประเทศไทยจัดอยู่ในอันดับ 3 ของโลกที่มีปัญหาด้านคอร์รัปชัน ซึ่งถือเป็นสิ่งที่นักลงทุนจากต่างประเทศต่างพูดกันเป็นเสียงเดียวกันว่า การคอร์รัปชันในประเทศไทยเป็นสิ่งที่น่ากังวลมากที่สุดสำหรับการลงทุน อีกทั้งการคอร์รัปชันยังถือเป็น “ต้นทุนมืด” ในการทำธุรกิจ พร้อมกันนี้ ประเทศไทยยังมีปัญหาด้านแรงงานมีคุณภาพต่ำ กล่าวคือ เป็นแรงงานไร้ฝีมือ ขาดทักษะทางด้านวิชาชีพ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “แรงงานภาคการเกษตร” ซึ่งขาดองค์ความรู้ในการทำเกษตรให้มีประสิทธิผลสูงสุด
นายธีระพร ศรีรัตน์ ตัวแทนจากธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานภาคใต้ กล่าวว่า “สถานการณ์ราคายางพาราที่ตกต่ำในปัจจุบันนี้ ที่ลดลงเหลือกิโลกรัมละประมาณ 40 กว่าบาท เนื่องจากประเทศจีนซึ่งเป็นผู้รับซื้อน้ำยางรายใหญ่จากประเทศไทยเกิดการชะลอตัวทางเศรษฐกิจ จึงส่งผลให้การซื้อน้ำยางจากประเทศไทยลดน้อยลงไปด้วย”
“ปัญหาอีกประการคือ ในช่วงที่ผ่านมา รัฐบาลมีนโยบาย “ประชานิยม” ไม่ว่าจะเป็นโครงการรถคันแรก บ้านหลังแรก หรือแม้กระทั่งโครงการรับจำนำข้าวแบบทุกเมล็ด ทำให้เกิดการทุจริตคอร์รัปชันอย่างเป็นวงจรอุบาทว์ ส่งผลให้ “หนี้ภาคครัวเรือน” เพิ่มสูงขึ้น ดังนั้น สิ่งที่ตนอย่างเสนอให้ คสช.นำไปพิจารณาสู่การปฏิรูปคือ คือตนอยากให้ปลูกฝังให้คนไทยสร้าง “วินัยทางการเงิน” เช่น การออมเงิน การลงทุนในผลิตภัณฑ์ทางการเงินชนิดต่างๆ การใช้จ่ายเงินทุกบาทอย่างชาญฉลาด” นายธีระพร กล่าว
รศ.ดร.สมบูรณ์ เจริญจิระตระกูล อาจารย์ประจำสาขาวิชาเศรษฐศาสตร์การเกษตร กล่าวว่า “ในปัจจุบันประเทศไทยมีอัตราเฉลี่ยพื้นที่ในการทำเกษตร “4 ไร่ ต่อ 1 แรงงาน” ซึ่งถือว่าเป็นจำนวนที่น้อยมาก น้อยกว่าประเทศที่เจริญแล้วอย่างอเมริกาเสียอีก เนื่องจากเราจะสังเกตได้ว่าที่ดินของประเทศไทยส่วนใหญ่อยู่กับกลุ่มคนเพียงไม่กี่กลุ่ม ซึ่งกลุ่มคนเพียงไม่กี่กลุ่มดังกล่าวนี้ถือครองที่ดินในประเทศเป็นจำนวนมาก และส่วนใหญ่เป็นที่ดินที่ไม่ได้ใช่ประโยชน์ ไม่ก่อให้เกิดการสร้างมูลค่า กล่าวคือ “ประชาชนเพียง 10% ของประเทศ ถือครองที่ดิน 90% ของประเทศ”
“ดังนั้น ตนจึงของเสนอให้มีการออกกฎหมายเรียกเก็บ “ภาษีที่ดิน” ซึ่งเป็นการเรียกเก็บจากผู้ที่ถือครองที่ดินเป็นจำนวนมากแต่ไม่ได้ใช้ประโยชน์ในที่ดินดังกล่าว เพื่อนำรายได้จากการเก็บภาษีดังกล่าวเข้าสู่รัฐ เพื่อลดความเหลื่อมล้ำทางด้านการถือครองที่ดิน อันอาจส่งผลให้เกษตรกรมีที่ดินทำกินมากขึ้น และสามารถนำเงินที่ได้จากการเก็บภาษีที่ดินดังกล่าวมาจัดสวัสดิการแก่ประชาชนคนยากจนที่มีอยู่เป็นจำนวนมากในประเทศ” รศ.ดร.สมบูรณ์ กล่าว
รศ.ดร.สมบูรณ์ เจริญจิระตระกูล ยังกล่าวเสริมต่อว่า “อยากประชาชนในพื้นที่ภาคใต้เฝ้าระวังอุตสาหกรรมหนักที่จะมีโครงการก่อสร้างในพื้นที่หลายแห่งในภาคใต้ เช่น “โรงไฟฟ้าถ่านหิน” และ “อุตสาหกรรมปิโตรเคมี” เนื่องจากอุตสาหกรรมดังกล่าวเป็นอุตสาหกรรมที่มีแต่ก่อให้เกิดมลพิษ อีกทั้งยังส่งผลกระทบต่อภาค “ธุรกิจประมง” และ “ธุรกิจท่องเที่ยว” ในท้องถิ่น ซึ่งเป็นภาคธุรกิจที่กระจายรายได้แก่ชาวบ้านได้เป็นอย่างดี โดยครั้งหนึ่งประธานาธิบดีแห่งประเทศสหรัฐอเมริกา นายบารัค โอบามา เคยกล่าวไว้ว่า “ประเทศอเมริกาจะต้องไม่มีโรงไฟฟ้าถ่านหินเป็นอันขาด เนื่องจากก่อให้เกิดอันตรายต่อชาวอเมริกาอย่างรุนแรง และมีมลพิษอย่างมากที่สุด” ดังนั้น เราต้องปฏิเสธอุตสาหกรรมหนักในพื้นที่ภาคใต้อย่างเด็ดขาด”
ในช่วงท้ายของการเสวนา ได้เปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็น เพื่อจัดทำเป็นรายงานนำเสนอต่อคณะ คสช.สู่การปฏิรูปประเทศ ซึ่งมีผู้ร่วมเสวนาท่านหนึ่งเป็นแพทย์ประจำโรงพยาบาลหาดใหญ่ (ขอสงวนนาม) ได้กล่าวไว้อย่างน่าสนใจว่า “การครอบครองที่ดินเป็นจำนวนมากนอกจากจะต้องแก้โดยการออกกฎหมายเก็บภาษีที่ดินแล้ว ยังจะต้องออก “ภาษีมรดก” กล่าวคือ เก็บภาษีจากมูลค่าของมรดกที่ได้รับ เนื่องจากการซื้อเก็บไว้และครอบครองเป็นจำนวนมากก็เพื่อความสุขสบายของลูกหลานที่ได้รับมรดก ดังนั้นลูกหลานที่ได้รับมรดกถือว่าได้รับทรัพย์มาโดยได้เปล่า จึงควรเสียภาษีให้แก่รัฐตามส่วนที่ตนควรจะเสีย”
