กระบี่ - เลขาธิการสหพันธ์ชาวสวนยางแห่งประเทศไทย จี้ คสช.เร่งสางปัญหาราคายางพาราตกต่ำ แก้วิกฤติเกษตรกร ระบุบางคนต้องลดค่าขนมลูกไปโรงเรียน รถถูกยึด
นายบุญส่ง นับทอง เลขาธิการสหพันธ์ชาวสวนยางพาราแห่งประเทศไทย และนายกสมาคมชาวสวนยางพาราจังหวัดกระบี่ กล่าวว่า สำหรับปัญหาราคายางพาราตกต่ำ โดยเริ่มลดต่ำลงตั้งปี 2546 เกษตรกรต้องขายยางในราคาต่ำกว่าทุน ทำให้รายได้ไม่พอต่อรายจ่ายในการดำรงชีพ และเกิดปัญหาตามมามากมาย บางคนต้องกู้หนี้ยืมสิน ทั้งในระบบ และนอกระบบ แต่ส่วนใหญ่จะกู้เงินนอกระบบ ซึ่งต้องจ่ายดอกเบี้ยสูงมากแบบขูดเลือดขูดเนื้อ ลมหายใจเฮือกสุกท้ายก็คือ การโค่นต้นยางเพื่อขายไม้ แต่ก็พบว่าราคาไม้ยางก็ได้ลดลงเช่นเดียวกัน ชาวสวนยางจึงตกอยู่ในภาวะจำยอม
สำหรับราคายางพาราได้ตกต่ำอย่างสุดขีดในรอบหลายปี โดยวันนี้ (10 ก.ย.) ราคายางรมควันชั้น 3 ตลาดกลางหาดใหญ่ อยู่ที่ราคากิโลกรัมละ 47 บาท และมีแนวโน้มลดลงอีก ซึ่งสถานการณ์เช่นนี้จะฉุดให้ราคารับซื้อในท้องถิ่นต่ำลงไปอีก โดยพบว่ามีการซื้อขายกันที่ราคา 44-45 บาท เศษยาง ราคา 20 บาท และพ่อค้าเองก็ชะลอการรับซื้อ ซึ่งทาง คสช.และหน่วยงานที่รับผิดชอบจะต้องเร่งแก้ไขปัญหา เพราะทราบว่าปัญหาที่เกิดขึ้นตามมากับเกษตรกรมีเป็นจำนวนมากบางคน ต้องลดค่าขนมลูกไปโรงเรียน ส่วนรถที่เคยผ่อนไว้ก็ถูกยึด ก่อนที่จะเกิดการล่มสลายของอาชีพชาวสวนยาง
นายบุญสง กล่าวอีกว่า สำหรับยางในสต๊อก จำนวน 2.1 แสนตันที่มีอยู่ ทราบว่าทาง คสช.ได้ขายออกไปแล้ว ยังคงเหลืออีกจำนวน 1 แสนตัน จึงขอวิงวอนไปยัง คสช.หากไม่มีความจำเป็นก็อย่าขายยางที่เหลือออกไป ให้เก็บเอาไว้ เพราะทราบว่าทาง คสช.ได้อนุมัติงบประมาณกว่า 800 ล้านบาท สร้างถนนทั้งหมด 37 สาย ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ จึงขอให้นำยางที่เหลือทั้งหมดมาใช้ภายในประเทศ โดยการนำมาทำถนน และหากว่า ทาง คสช.ประกาศเป็นนโยบายออกมาจะนำยางทั้งหมดมาใช้ทำถนนทั่วประเทศ ก็จะทำให้ราคายางหยุดไหลลงอย่างแน่นอน