ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - “เครือข่ายปกป้องกระบี่จากถ่านหิน” เคลื่อนไหวเข้ากรุงหนุนการเดินเท้า “ขาหุ้นปฏิรูปพลังงาน” กระจายยื่นหนังสือจี้ “เลขาธิการ สผ.-ผู้ว่าฯ กฟผ.” ระงับการจัดทำเวทีรับฟังความคิดเห็น ค.3 โครงการท่าเทียบเรือถ่านหินบ้านคลองรั้ว จ.กระบี่ 28 ก.ย.นี้ ชี้ทำผิดกฎหมาย และระเบียบการจัดทำ EHIA
วันนี้ (8 ก.ย.) เครือข่ายปกป้องกระบี่จากถ่านหิน หนึ่งในเครือข่ายที่เข้าร่วมเป็นขาหุ้นปฏิรูปพลังงาน ซึ่งประกอบขึ้นจากชาวบ้านจาก อ.เกาะลันตา บ้านแหลมหิน บ้านเกาะจำ และบ้านปกาสัย อ.เหนือคลอง จ.กระบี่ ได้รวมตัวกันเดินทางเข้ากรุงเทพฯ เพื่อไปยื่นหนังสือต่อ 2 หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อการผลักดันก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานถ่านหินใน จ.กระบี่ ประกอบด้วย เลขาธิการสำนักนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) และผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ของให้ทบทวนการก่อสร้างโรงไฟฟ้าดังกล่าว
ทั้งนี้ หนังสือที่ยื่นต่อเลขาธิการ สผ.และผู้ว่าฯ กฟผ.มีเนื้อหาในทำนองเดียวกัน อีกทั้งได้มีการสำเนาถึงคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รมว.พลังงาน คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน และคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติด้วย โดยมีเนื้อหาสำคัญคือ เรื่องขอให้ระงับการจัดทำเวทีรับฟังความคิดเห็น ค.3 โครงการท่าเทียบเรือถ่านหินบ้านคลองรั้ว จ.กระบี่
ตามที่ กฟผ.โดยบริษัทที่ปรึกษาฯ จัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ (EHIA) ได้จัดทำ “รายงานสรุปผลการประชุมรับฟังความคิดเห็นของประชาชนและผู้มีส่วนได้เสียในการกำหนดขอบเขตและแนวทางการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (Public Scoping) (ค.1) โครงการท่าเทียบเรือบ้านคลองรั้ว” และได้เผยแพร่ในเว็บไซต์http://www.thia.in.th/welcome/article_read/347 ของศูนย์ประสานงานการพัฒนาระบบและกลไกการประเมินผลกระทบด้านสุขภาพ สำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติไปแล้วนั้น
รายงานการสรุปดังกล่าวมิได้นำข้อห่วงกังวลเพิ่มเติมที่ประชาชน ชาวบ้านในพื้นที่ และหรือผู้มีส่วนได้เสียที่ได้ให้ความเห็นไว้หลายประการมาใส่ไว้ตามที่บริษัทที่ปรึกษาคือ บริษัท ทีม คอนซัลติ้ง เอนจิเนียริ่ง แอนด์ แมเนจเม้นท์ จำกัด ได้นำออกเผยแพร่เพื่อดำเนินการจัดเวทีการประชุมครั้งที่ 3 (ค.3) จึงไม่เป็นไปตามวิธีการ และขั้นตอนตามเจตนารมณ์ในประกาศของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ลงวันที่ 29 ธ.ค.2552 เรื่องกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ ระเบียบ และแนวทางในการจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม สำหรับโครงการหรือกิจการที่อาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อชุมชนอย่างรุนแรง ทั้งด้านคุณภาพสิ่งแวดล้อม ทรัพยากรธรรมชาติ และสุขภาพ
การไม่นำข้อห่วงกังวลที่ประชาชน ชาวบ้าน และหรือผู้มีส่วนได้เสียส่งเพิ่มเติมไปเป็นส่วนหนึ่งของเอกสารประกอบการประชุมรับฟังความคิดเห็นของประชาชน และผู้มีส่วนได้เสียในการทบทวนร่างรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม(Public Review) (ค.3) ของโครงการท่าเทียบเรือบ้านคลองรั้ว จึงเป็นการดำเนินการที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย
กรณีดังกล่าวเมื่อตรวจสอบจากเอกสารประกอบการประชุมรับฟังรับฟังความคิดเห็นของประชาชนและผู้มีส่วนได้เสียในการทบทวนร่างรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (Public Review) ค.3 ของโครงการท่าเทียบเรือบ้านคลองรั้ว ซึ่งมีกำหนดจัดประชุมในวันที่ 28 ก.ย.2557 พบว่า มีการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดของโครงการที่เป็นสาระสำคัญไปจากข้อมูลเอกสารประกอบการจัดเวที ค.1 และผลสรุปการจัดเวที ค.1
นอกจากนั้น ผลการศึกษาไม่ได้นำข้อห่วงกังวลที่ได้จากการรับฟัง รวมทั้งที่ปรากฏในเอกสารประกอบการรับฟัง ค.1 ไปศึกษาเพื่อจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (Public Review) ค.3 โครงการท่าเทียบเรือบ้านคลองรั้ว และการจัดทำมีเนื้อหาไม่เป็นไปตามประกาศของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ลงวันที่ 29 ธ.ค.2552 เรื่องกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ ระเบียบ และแนวทางในการจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม สำหรับโครงการ หรือกิจการที่อาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อชุมชนอย่างรุนแรง ทั้งด้านคุณภาพสิ่งแวดล้อม ทรัพยากรธรรมชาติและสุขภาพ
ในฐานะหน่วยงานที่มีอำนาจหน้าที่ในการกำกับ ควบคุม ดูแล สั่งการ และหรืออนุมัติ อนุญาต หรือเห็นชอบโครงการต่างๆ ตามประกาศของกระทรวงข้างต้น ได้โปรดตรวจสอบและสั่งการให้ กฟผ. โดยบริษัทที่ปรึกษาต้องดำเนินการและให้มีการนำข้อห่วงกังวลต่างๆ ของประชาชน ชาวบ้าน และหรือผู้มีส่วนได้เสียนำไปศึกษาจัดทำรายงาน EHIA ให้ครบถ้วน และให้เป็นไปตามประกาศของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ลงวันที่ 29 ธ.ค.2552 ใหม่เสียก่อนเท่านั้น ก่อนที่จะมีการดำเนินการจัดเวทีรับฟังความคิดเห็นของประชาชน และผู้มีส่วนได้เสียในการทบทวนร่างรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (Public Review) ค.3 ของโครงการท่าเทียบเรือบ้านคลองรั้ว ซึ่งมีกำหนดจัดประชุมในวันที่ 28 ก.ย.2557 ณ ศาลาประชาคม อ.เหนือคลอง จ.กระบี่
“หวังเป็นอย่างยิ่งว่า ท่านจักใช้อำนาจตามกฎหมายในการดำเนินการตามข้อร้องเรียนนี้ และหากท่านได้ดำเนินการมีผลเป็นประการใดแล้ว กรุณาแจ้งให้พวกข้าพเจ้าทราบด้วย ทั้งนี้ตาม พ.ร.บ.วิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ.2539 ประกอบ พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ.2540 และระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี พ.ศ.2546” ข้อความที่หนังสือระบุไว้ในตอนท้าย
