ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่ชมรมแพทย์ชนบท ออกมาเปิดเผยข้อมูล นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) มีพฤติกรรมส่อทุจริต เช่น ระหว่างดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมสุขภาพจิต ได้รับเงินค่ารถประจำตำแหน่ง แต่ยังใช้อำนาจสั่งการใช้รถของราชการประจำ เป็นต้น จน ศ.นพ.รัชตะ รัชตะนาวิน รมว.สาธารณสุข ตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง นพ.ณรงค์ ซ้ำ โดยมี นพ.ทวี ตั้งเสรี ผู้ทรงคุณวุฒิกรมสุขภาพจิตเป็นประธาน ซึ่งให้เวลาในการดำเนินการสอบสวนให้แล้วเสร็จใน 30 วัน
ล่าสุด เมื่อวานนี้ ( 23 ก.ค.) นพ.ณรงค์ ได้มอบให้ทนายความส่วนตัวยื่นหนังสือต่อ ศ.นพ.รัชตะ และ นพ.ทวี นอกจากนี้ ยังให้ทนายทำหนังสือเพื่อขอข้อมูลที่เกี่ยวข้องทั้งหมด พร้อมทั้งแนวทาง กระบวนการสืบข้อเท็จจริง เพื่อดำเนินการปกป้องเกียรติและศักดิ์ศรีของตนเอง
นพ.ณรงค์ กล่าวว่า การตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงกรณีไม่สนองนโยบายรัฐบาล และ รมว.สธ.นั้น ตนเคารพในการตัดสินใจของนายกรัฐมนตรี ซึ่งตั้งแต่ไปปฏิบัติหน้าที่ ที่สำนักนายกรัฐมนตรีเกือบ 4 เดือน ก็พยายามสงบนิ่ง เพราะไม่อยากให้ปัญหาของตนไปกระทบการปฏิรูปประเทศ แต่คณะกรรมการฯ ชุดที่ รมว.สธ. แต่งตั้งเป็นคนละเรื่อง เพราะตั้งคณะกรรมการฯ ขึ้นมาอีกชุด โดยไม่แจ้งตนในฐานะที่ถูกตรวจสอบ ไม่มีข้อมูลข้อเท็จจริง ตนจึงมีสิทธิจะปกป้องตนเอง โดยอาศัยสิทธิตามพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี พ.รบ.วิธีปฏิบัติราชการทางปกครองฯ พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสารของทางราชการ และ พ.ร.บ.อำนวยความสะดวกในการพิจารณาอนุญาตของทางราชการฯ
"เมื่อคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงกรณีไม่สนองนโยบายฯ มีข้อสรุป และมีข่าวว่า จะมีการให้กลับกระทรวงสาธารณสุข กลับมีกระบวนการสกัดกั้นโดยการออกข่าวใส่ร้ายป้ายสี เริ่มตั้งแต่วันที่ 29 มิ.ย. 58 มีการตั้งโต๊ะแถลงข่าว แจกเอกสารที่มีข้อมูลเป็นเท็จ และมีการรับลูกโดยการตั้งกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงอย่างรวดเร็ว ในวันที่ 7 ก.ค. 58 สังคมน่าจะมองออกว่า เป็นเพราะไม่ต้องการให้ผมกลับใช่หรือไม่ โดยคนที่ออกมาเคลื่อนไหวก็ไม่สนใจวิธีการและผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับกระทรวงเลย" ปลัด สธ. กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า จะมีการฟ้องร้องดำเนินคดีกับแพทย์ชนบทที่ออกมาข้อมูลหรือไม่ นพ.ณรงค์ กล่าวว่า ตนยังไม่ดำเนินการใดๆ ขอพิจารณาก่อน แต่ที่อยากบอกคือ ขนาดตนเป็นปลัด สธ. ยังถูกกระทำเช่นนี้ จึงจำเป็นต้องออกมาปกป้องศักดิ์ศรีและเกียรติยศของตนเอง และครอบครัว เรียกร้องความเป็นธรรมโดยอาศัยกระบวนการยุติธรรม ซึ่งตนเชื่อว่ายังคงมีอยู่ในสังคมไทย
แหล่งข่าวแวดวงสาธารณสุข กล่าวว่า ขณะนี้ทนายของ นพ.ณรงค์ กำลังดำเนินการตามกฎหมาย โดยพิจารณาข้อกล่าวหาของชมรมแพทย์ชนบทว่า ประเด็นใดที่เป็นเรื่องเท็จ ซึ่งอาจมีความเป็นไปได้ ในการเตรียมดำเนินคดีต่อไป เพราะเป็นการหมิ่นศักดิ์ศรีข้าราชการ ขนาดปลัดกระทรวงฯ ยังถูกกระทำเช่นนี้ ในอนาคตข้าราชการทุกคนที่ต้องการความเป็นธรรม หรือแสดงความคิดเห็น คงไม่สามารถทำได้ หากไม่ใช่พรรคพวกเดียวกัน เห็นได้ชัดจากการตั้งคณะกรรมการชุดที่มีปลัดกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธาน กว่าผลสอบจะออก ใช้เวลามากกว่า 3 เดือน แต่คณะกรรมการสืบข้อเท็จจริงฯ ที่ รมว.สธ. ตั้ง กลับมีการเรียกประชุมแล้ว 2 ครั้ง และในวันที่ 24 ก.ค. จะประชุมครั้งที่ 3 ซึ่งรวดเร็วมากจนน่าตกใจ
นพ.อารักษ์ วงศ์วรชาติ ผอ.รพ.สิชล จ.นครศรีธรรมราช และกรรมการชมรมแพทย์ชนบท กล่าวว่า การที่ นพ.ณรงค์ จะมาขอข้อมูลจากคณะกรรมการฯ ชุด นพ.ทวี ถือเป็นสิทธิที่พึงกระทำ ส่วนที่บอกว่าชมรมฯให้ข้อมูลไม่จริง เรื่องนี้ไปต่อสู้ในกระบวนการตรวจสอบ หรือกระบวนการยุติธรรมได้ ถือเป็นสิทธิ แต่ขอยืนยันว่า ที่ผ่านมาการนำเสนอข้อมูลใดๆก็ตาม ชมรมฯ รวบรวมหลักฐานพร้อมตลอด ที่สำคัญ ข้อมูลข้อร้องเรียน นพ.ณรงค์ ล้วนมีคนส่งมาให้ และชมรมฯได้มีการตรวจสอบรวบรวมหลักฐานหมดแล้ว จะเห็นว่าทุกครั้งที่มีอะไรไม่ชอบมาพากลในกระทรวงฯ ทางชมรมฯ จะได้ข้อมูลตลอด จึงกล้าออกมาพูดแบบนี้ และขอยืนยันว่า ไม่เกี่ยวข้องกับการสกัดกั้นการกลับมาของ นพ.ณรงค์ แต่ตั้งข้อสังเกตว่า ที่ผ่านมาปัญหาความขัดแย้งภายในกระทรวงฯ มีอยู่ แต่เมื่อ นพ.ณรงค์ ไม่อยู่ ทุกอย่างราบรื่น ทำงานได้ อย่างไรก็ตาม ไม่กังวลว่าจะถูกฟ้อง หากจะทำก็ทำได้ ก็ไปสู้ในกระบวนการยุติธรรม เพราะชมรมฯ ก็มีหลักฐานข้อเท็จจริง
ด้าน นพ.วชิระ บถพิบูลย์ ผอ.รพ.ชุมพวง จ.นครราชสีมา และกรรมการชมรมแพทย์ชนบท กล่าวว่า หาก นพ.ณรงค์ จะฟ้อง ก็ถือว่าเป็นสิทธิตามกฎหมาย และก็พร้อมที่จะถูกตรวจสอบ ส่วนที่ระบุว่าเป็นการสกัดไม่ให้ นพ.ณรงค์ กลับมา ถือเป็นอีกประเด็น และเป็นเรื่องของกระบวนการบริหารทางกฎหมาย ก็ต้องปล่อยให้เป็นไปตามกฎหมาย และตนก็ไม่ได้กังวล เรื่องลักษณะนี้เคยเกิดขึ้นมาหลายสมัย ส่วนเรื่องที่ตนนำไปเปิดเผยก็มั่นใจว่าเป็นเรื่องจริงทั้งหมด
ล่าสุด เมื่อวานนี้ ( 23 ก.ค.) นพ.ณรงค์ ได้มอบให้ทนายความส่วนตัวยื่นหนังสือต่อ ศ.นพ.รัชตะ และ นพ.ทวี นอกจากนี้ ยังให้ทนายทำหนังสือเพื่อขอข้อมูลที่เกี่ยวข้องทั้งหมด พร้อมทั้งแนวทาง กระบวนการสืบข้อเท็จจริง เพื่อดำเนินการปกป้องเกียรติและศักดิ์ศรีของตนเอง
นพ.ณรงค์ กล่าวว่า การตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงกรณีไม่สนองนโยบายรัฐบาล และ รมว.สธ.นั้น ตนเคารพในการตัดสินใจของนายกรัฐมนตรี ซึ่งตั้งแต่ไปปฏิบัติหน้าที่ ที่สำนักนายกรัฐมนตรีเกือบ 4 เดือน ก็พยายามสงบนิ่ง เพราะไม่อยากให้ปัญหาของตนไปกระทบการปฏิรูปประเทศ แต่คณะกรรมการฯ ชุดที่ รมว.สธ. แต่งตั้งเป็นคนละเรื่อง เพราะตั้งคณะกรรมการฯ ขึ้นมาอีกชุด โดยไม่แจ้งตนในฐานะที่ถูกตรวจสอบ ไม่มีข้อมูลข้อเท็จจริง ตนจึงมีสิทธิจะปกป้องตนเอง โดยอาศัยสิทธิตามพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี พ.รบ.วิธีปฏิบัติราชการทางปกครองฯ พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสารของทางราชการ และ พ.ร.บ.อำนวยความสะดวกในการพิจารณาอนุญาตของทางราชการฯ
"เมื่อคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงกรณีไม่สนองนโยบายฯ มีข้อสรุป และมีข่าวว่า จะมีการให้กลับกระทรวงสาธารณสุข กลับมีกระบวนการสกัดกั้นโดยการออกข่าวใส่ร้ายป้ายสี เริ่มตั้งแต่วันที่ 29 มิ.ย. 58 มีการตั้งโต๊ะแถลงข่าว แจกเอกสารที่มีข้อมูลเป็นเท็จ และมีการรับลูกโดยการตั้งกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงอย่างรวดเร็ว ในวันที่ 7 ก.ค. 58 สังคมน่าจะมองออกว่า เป็นเพราะไม่ต้องการให้ผมกลับใช่หรือไม่ โดยคนที่ออกมาเคลื่อนไหวก็ไม่สนใจวิธีการและผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับกระทรวงเลย" ปลัด สธ. กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า จะมีการฟ้องร้องดำเนินคดีกับแพทย์ชนบทที่ออกมาข้อมูลหรือไม่ นพ.ณรงค์ กล่าวว่า ตนยังไม่ดำเนินการใดๆ ขอพิจารณาก่อน แต่ที่อยากบอกคือ ขนาดตนเป็นปลัด สธ. ยังถูกกระทำเช่นนี้ จึงจำเป็นต้องออกมาปกป้องศักดิ์ศรีและเกียรติยศของตนเอง และครอบครัว เรียกร้องความเป็นธรรมโดยอาศัยกระบวนการยุติธรรม ซึ่งตนเชื่อว่ายังคงมีอยู่ในสังคมไทย
แหล่งข่าวแวดวงสาธารณสุข กล่าวว่า ขณะนี้ทนายของ นพ.ณรงค์ กำลังดำเนินการตามกฎหมาย โดยพิจารณาข้อกล่าวหาของชมรมแพทย์ชนบทว่า ประเด็นใดที่เป็นเรื่องเท็จ ซึ่งอาจมีความเป็นไปได้ ในการเตรียมดำเนินคดีต่อไป เพราะเป็นการหมิ่นศักดิ์ศรีข้าราชการ ขนาดปลัดกระทรวงฯ ยังถูกกระทำเช่นนี้ ในอนาคตข้าราชการทุกคนที่ต้องการความเป็นธรรม หรือแสดงความคิดเห็น คงไม่สามารถทำได้ หากไม่ใช่พรรคพวกเดียวกัน เห็นได้ชัดจากการตั้งคณะกรรมการชุดที่มีปลัดกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธาน กว่าผลสอบจะออก ใช้เวลามากกว่า 3 เดือน แต่คณะกรรมการสืบข้อเท็จจริงฯ ที่ รมว.สธ. ตั้ง กลับมีการเรียกประชุมแล้ว 2 ครั้ง และในวันที่ 24 ก.ค. จะประชุมครั้งที่ 3 ซึ่งรวดเร็วมากจนน่าตกใจ
นพ.อารักษ์ วงศ์วรชาติ ผอ.รพ.สิชล จ.นครศรีธรรมราช และกรรมการชมรมแพทย์ชนบท กล่าวว่า การที่ นพ.ณรงค์ จะมาขอข้อมูลจากคณะกรรมการฯ ชุด นพ.ทวี ถือเป็นสิทธิที่พึงกระทำ ส่วนที่บอกว่าชมรมฯให้ข้อมูลไม่จริง เรื่องนี้ไปต่อสู้ในกระบวนการตรวจสอบ หรือกระบวนการยุติธรรมได้ ถือเป็นสิทธิ แต่ขอยืนยันว่า ที่ผ่านมาการนำเสนอข้อมูลใดๆก็ตาม ชมรมฯ รวบรวมหลักฐานพร้อมตลอด ที่สำคัญ ข้อมูลข้อร้องเรียน นพ.ณรงค์ ล้วนมีคนส่งมาให้ และชมรมฯได้มีการตรวจสอบรวบรวมหลักฐานหมดแล้ว จะเห็นว่าทุกครั้งที่มีอะไรไม่ชอบมาพากลในกระทรวงฯ ทางชมรมฯ จะได้ข้อมูลตลอด จึงกล้าออกมาพูดแบบนี้ และขอยืนยันว่า ไม่เกี่ยวข้องกับการสกัดกั้นการกลับมาของ นพ.ณรงค์ แต่ตั้งข้อสังเกตว่า ที่ผ่านมาปัญหาความขัดแย้งภายในกระทรวงฯ มีอยู่ แต่เมื่อ นพ.ณรงค์ ไม่อยู่ ทุกอย่างราบรื่น ทำงานได้ อย่างไรก็ตาม ไม่กังวลว่าจะถูกฟ้อง หากจะทำก็ทำได้ ก็ไปสู้ในกระบวนการยุติธรรม เพราะชมรมฯ ก็มีหลักฐานข้อเท็จจริง
ด้าน นพ.วชิระ บถพิบูลย์ ผอ.รพ.ชุมพวง จ.นครราชสีมา และกรรมการชมรมแพทย์ชนบท กล่าวว่า หาก นพ.ณรงค์ จะฟ้อง ก็ถือว่าเป็นสิทธิตามกฎหมาย และก็พร้อมที่จะถูกตรวจสอบ ส่วนที่ระบุว่าเป็นการสกัดไม่ให้ นพ.ณรงค์ กลับมา ถือเป็นอีกประเด็น และเป็นเรื่องของกระบวนการบริหารทางกฎหมาย ก็ต้องปล่อยให้เป็นไปตามกฎหมาย และตนก็ไม่ได้กังวล เรื่องลักษณะนี้เคยเกิดขึ้นมาหลายสมัย ส่วนเรื่องที่ตนนำไปเปิดเผยก็มั่นใจว่าเป็นเรื่องจริงทั้งหมด