พปส.ร้อง สขร.จี้ กทม.เปิดข้อมูลทางเชื่อมเซ็นทรัลฯ หลังถูกบ่ายเบี่ยง

ภาคประชาชนร้องเรียน คกก.ข้อมูลข่าวสารฯ บี้ กทม.เปิดข้อมูลสร้างทางเชื่อมเซ็นทรัลฯ หลังทวงถามแล้วบ่ายเบี่ยง ด้าน สขร.รับลูกเร่งประสาน กทม. ยกหลักกฎหมายหน่วยราชการต้องมีคำตอบใน 15 วัน

วันนี้ (24 มี.ค.) ที่สำนักงานคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารราชการ ทำเนียบรัฐบาล นายฉันทวิทย์ เทียมรัตนานนท์ เลขาธิการกลุ่มพิทักษ์กฎหมายเพื่อประโยชน์สาธารณะ (พปส.) ได้เข้ายื่นหนังสือร้องเรียนต่อคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารราชการ (สขร.) เพื่อเร่งรัดให้กรุงเทพมหานคร (กทม.) เปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับการอนุญาตก่อสร้างสะพานลอยทางเชื่อมอาคารเซ็นทรัล ชิดลม และอาคารเซ็นทรัล เอ็มบาสซี ปาร์ก โดยมีนายวีระเชษฐ์ จรรยากูล นักวิเคราะห์แผนและนโยบาย เป็นผู้รับหนังสือ

นายฉันทวิทย์กล่าวว่า พปส.ได้เคยทำเรื่องโดยตรงไปยัง กทม. โดยขอใช้สิทธิตาม พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสารของทางราชการ พ.ศ. 2540 เพื่อให้ข้อมูลข้อเท็จจริงเกี่ยวกับขออนุญาตและการให้อนุญาตก่อสร้างสะพานลอยทางเชื่อมดังกล่าวแล้ว ตั้งแต่เมื่อวันที่ 13 ก.พ. 58 พร้อมกันนี้ยังได้ร้องเรียนถึงนายกรัฐมนตรีอีกทางหนึ่ง หลังจากนั้นทาง สำนักปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (สปน.) ก็ได้มีหนังสือถึง กทม.ให้ตรวจสอบและเปิดเผยข้อมูลตามที่ พปส.ได้ร้องเรียนไว้ แต่จนบัดนี้ทาง กทม.ก็ยังมิได้ดำเนินการใดๆ และไม่ได้มีการประสานข้อมูลมาให้แก่ พปส.แต่อย่างใด เมื่อทวงถามไปก็ยังมีพฤติกรรมบ่ายเบี่ยงโดยตลอด จึงขอให้คณะกรรมการข้อมูลข่าวสารราชการ (ขสร.) ติดตามทวงถามเรื่องนี้ เพราะถือเป็นการใช้สาธารณสมบัติผิดวัตถุประสงค์ ไม่ได้เป็นไปเพื่อสาธารณประโยชน์ เข้าข่ายการเอาเปรียบสังคม

“ที่ผ่านมา กทม.ไม่เพียงเพิกเฉยต่อคำร้องของ พปส.เท่านั้น ยังไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของ สปน.อีกด้วย แต่ พปส.ก็จะติดตามเรื่องนี้อย่างถึงที่สุด เพื่อสร้างความเป็นธรรมให้เกิดขึ้นในสังคม และเป็นกรณีศึกษาเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดพฤติกรรมการเอาสมบัติของรัฐมาเป็นของตน หรือเพื่อประโยชน์กลุ่มตนเอง เพราะปัจจุบันยังมีกรณีที่เอกชนใช้ประโยชน์จากพื้นที่สาธารณะอย่างไม่ถูกต้องอีกเป็นจำนวนมาก”

ด้านนายวีระเชษฐ์กล่าวว่า หากมีการขอข้อมูลมายังหน่วยราชการต่างๆ ตามระเบียบของทางราชการ ทั้งมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 28 ธ.ค. 2547 และพระราชกฤษฎีกา (พ.ร.ฎ.) ว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี พ.ศ. 2546 รวมไปถึง พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสารฯ หน่วยราชการนั้นๆ ควรมีการดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่งภายใน 15 วัน ไม่ว่าจะเป็นการให้ข้อมูล ปฏิเสธการให้ข้อมูล หรือแจ้งว่าอยู่ในขั้นตอนใด แต่ในกรณีนี้ล่วงเลยมากว่า 1 เดือนครึ่งแล้ว ซึ่ง สขร.จะเร่งประสานงานและแนะนำการปฏิบัติตามกฎหมายและระเบียบไปยัง กทม.ว่าต้องมีคำตอบให้แก่ผู้ที่ยื่นเรื่องมา ไม่ว่าจะตอบรับหรือปฏิเสธ หากปฏิเสธก็ต้องมีเหตุผลชี้แจงประกอบด้วย ทั้งนี้หาก กทม.ปฏิเสธที่จะให้ข้อมูล ทาง พปส.ก็มีสิทธิที่จะยื่นอุทธรณ์มายัง สขร.ได้อีกครั้ง