ศูนย์ข่าวภูเก็ต - นายแพทย์ก้องเกียรติ เกษเพชร์ ประธานคณะผู้บริหารเครือโรงพยาบาลกรุงเทพ แถลงการบริหาร และการให้บริการของโรงพยาบาลสิริโรจน์ หลังเข้าไปซื้อกิจการยังเหมือนเดิมทุกอย่าง ไม่ปลดพนักงาน ไม่ขึ้นราคาค่ารักษาพยาบาล พร้อมวางโรงพาบาลกรุงเทพภูเก็ตเป็นฮับในการรับต่อคนไข้ที่เป็นโรคซับซ้อน และต้องการแพทย์เฉพาะทาง
เมื่อเวลา 09.00 น.วันนี้ (8 ก.ย.) นายแพทย์ก้องเกียรติ เกษเพชร์ ประธานคณะผู้บริหารเครือโรงพยาบาลกรุงเทพ ซึ่งประกอบด้วย โรงพยาบาลกรุงเทพภูเก็ต โรงพยาบาลกรุงเทพหาดใหญ่ โรงพยาบาลบกรุงเทพสมุย โรงพยาบาลกรุงเทพพระประแดง และคลินิกเวชกรรมดีบุก แถลงข่าวชี้แจงต่อสื่อมวลชนถึงกรณีที่ บมจ.กรุงเทพดุสิตเวชการ (BGH) เจ้าของเครือโรงพยาบาลกรุงเทพ เข้าซื้อ และรับโอนกิจการทั้งหมดของ บริษัท ภูเก็ต อินเตอร์เนชั่นแนลฮอสปิตอล จำกัด (ภูเก็ตอินเตอร์เนชั่นแนล) เจ้าของโรงพยาบาลสิริโรจน์ ทั้งหมด โดยชำระราคารับโอนกิจการเป็นเงินสดจำนวน 3,607.50 ล้านบาท พร้อมรับโอนหนี้สินทั้งหมดของภูเก็ตอินเตอร์เนชั่นแนล จำนวน 416 ล้านบาท ณ โรงพยาบาลกรุงเทพภูเก็ต ว่า
การโอนถ่ายกิจการของโรงพยายาลสิริโรจน์ในครั้งนี้ เป็นการเจรจาและเห็นพ้องร่วมกันของผู้ถือหุ้นทั้งสองฝ่าย ในลักษณะของการโอนย้ายกิจการ ทรัพย์สิน หนี้สิน และบุคลากรทั้งหมดเข้าสู่บริษัทใหม่
โดยทางโรงพยาบาลกรุงเทพ จะเข้าไปบริหารโรงพยาบาลสิริโรนจ์ ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 2557 เป็นต้นไป ภายใต้ บริษัท โรงพยาบาลกรุงเทพภูเก็ตอินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (กรุงเทพภูเก็ตอินเตอร์เนชั่นแนล) ซึ่งทางผู้บริหารของโรงพยาบาลกรุงเทพได้ให้นโยบายมาแล้วว่า การดำเนินการทุกอย่างของโรงพยาบาลสิริโรจน์ จะไม่มีการเปลี่ยนแปลง จะเปลี่ยนแปลงเฉพาะผู้ถือหุ้นเท่านั้น ทุกอย่างยังเหมือนเดิม ไม่มีการเปลี่ยนชื่อโรงพยาบาลแต่อย่างใด ยังคงใช้ชื่อโรงพยาบาลสิริโรจน์เหมือนเดิม ผู้บริหารตั้งแต่ระดับผู้อำนวยการโรงพยาบาลลงมา ยังเป็นคนเดิม และจะไม่มีการปลดพนักงานออกแม้แต่คนเดียว ทุกคนยังคงทำงาน และหน้าที่ของตัวเองเหมือนเดิมทุกอย่าง รวมทั้งไม่มีนโยบายที่จะปรับค่ารักษาพยาบาลอีกด้วย
นายแพทย์ก้องเกียรติ กล่าวต่อว่า การซื้อกิจการโรงพยาบาลสิริโรจน์ ในครั้งนี้ จะทำให้มีโรงพยาบาลในเครือของโรงพยาบาลกรุงเทพถึง 3 แห่งในภูเก็ต คือ โรงพยาบาลกรุงเทพภูเก็ต โรงพยาบาลสิริโรจน์ และคลินิกเวชกรรมดีบุก จึงได้วางตำแหน่งการให้บริการด้านการรักษาพยาบาลที่แตกต่างกัน โดยโรงพยาบาลกรุงเทพภูเก็ตนั้น จะเน้นการรักษาโรคเฉพาะทาง และโรคที่มีความซับซ้อนมากขึ้นเป็นหลัก ซึ่งทางโรงพยาบาลมีความพร้อมทั้งในเรื่องแพทย์ บุคลากร และเครื่องมือต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นโรคมะเร็ง โรคไขสันหลัง โรคหัวใจ เป็นต้น โดยเฉพาะการรักษาโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ เป็นสิ่งที่ทางโรงพยาบาลกรุงเทพภูเก็ตมีความพร้อมมากทั้งแพทย์ และอุปกรณ์เครื่องมือแพทย์ และเมื่อปีที่แล้ว ทางโรงพยาบาลก็ได้เป็นแกนนำในการจัดประชุมทางวิชาการนานาชาติเกี่ยวกับการผ่าตัดมะเร็งลำไส้ใหญ่ และจะมีการประชุมกันอีกครั้งในปลายปีหน้า
ส่วนโรงพยาบาลสิริโรจน์นั้น จะให้บริการในการรักษาพยาบาลโรคทั่วไปที่มีอยู่แล้วในปัจจุบัน รวมทั้งโรคเฉพาะทางบางโรคที่ทางโรงพยาบาลสิริโรจน์มีความโดดเด่น และภายหลังจากที่โรงพยาบาลกรุงเทพเข้าไปบริหารแล้ว จะมีการเพิ่มในสิ่งที่ยังขาดอยู่ เช่น เพิ่มจำนวนแพทย์ให้ครอบคลุมการรักษาในทุกๆ โรค เพิ่มเครื่องมือและอุปกรณ์ต่างๆ เพี่อให้การให้บริการมีความคล่องตัว และมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
ส่วนคลินิกเวชกรรมดีบุก ที่บริเวณถนนเจ้าฟ้าตะวันตกนั้น จะเป็นโรงพยาบาลที่รักษาโรคทั่วไปที่ไม่ซับซ้อน โดยได้ก่อสร้างแล้วเสร็จและเปิดให้บริการแล้วจำนวน 32 เตียงในเฟสแรก ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนของการให้กระทรวงสาธารณสุขมาทำการทดสอบสถานพยาบาลเพื่อยกระดับเป็นโรงพยาบาลดีบุก และจะเปิดเป็น 64 เตียง ในเดือน มี.ค.2558 นี้ หลังจากนั้น ก็จะก่อสร้างเพิ่มเป็น 100 เตียง ในเดือน ต.ค.2558 นี้ ด้วยงบลงทุนทั้งสิ้น 670 ล้านบาท
โดยโรงพยาบาลกรุงเทพภูเก็ต จะเป็นศูนย์กลางในการส่งตัวคนไข้ทั้งจากโรงพยาบาลสิริโรจน์ และคลินิกเวชกรรมดีบุก หากคนไข้เป็นโรคที่มีความซับซ้อน และต้องการแพทย์เฉพาะทาง
สำหรับคนไข้ที่ใช้บริการโรงพย่าบาลกรุงเทพภูเก็ตนั้น ร้อยละ 80 เป็นคนไทย และร้อยละ 20 เป็นคนต่างชาติ และนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ