ศูนย์ข่าวภูเก็ต - ด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ ร่วมกับด่าน ตม.ท่าอากาศยานภูเก็ต เพิ่มความเข้มมาตรการตรวจสอบนักท่องเที่ยวที่เดินทางจาก 4 ประเทศเสี่ยงแพร่ระบาดเชื้อไวรัสอีโบล่า พบผู้ที่เดินทางจากประเทศเสี่ยง 7 ราย ส่วนใหญ่มาจากไนจีเรีย ตรวจสอบเบื้องต้นยังไม่พบอาการบ่งชี้ ขณะนี้ยังอยู่ในภูเก็ต 4 ราย ส่งเจ้าหน้าที่ติดตามเฝ้าระวังจนครบตลอด 21 วัน
กรณีที่กระทรวงสาธารณสุขสั่งเพิ่มความเข้ม 5 สนามบินทั่วประเทศ เฝ้าระวังผู้ติดเชื้อไวรัสอีโบล่า จาก 4 ประเทศที่มีการระบาด และประเทศที่พบผู้เสียชีวิต ได้แก่ ประเทศกินี เซียร์ราลีโอน ไลบีเรีย และไนจีเรีย ที่จะเดินทางเข้ามาในประเทศผ่านสายการบินต่างๆ มายังประเทศไทย
ในวันนี้ (22 ส.ค.) ที่อาคารผู้โดยสารขาเข้าระหว่างประเทศ ท่าอากาศยานนานาชาติจังหวัดภูเก็ต เจ้าหน้าที่ด่านควบคุมโรคระหว่างประเทศ ได้ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจด่านตรวจคนเข้าเมือง ท่าอากาศยานภูเก็ต ทำการตรวจเข้มประวัติการเดินทางของนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะผู้ที่มีประวัติเดินทางไปยัง 4 ประเทศ เพื่อคัดแยกมาสอบประวัติ และตรวจร่างกาย ก่อนติดตามเฝ้าระวังเป็นระยะเวลา 21 วัน
นายทัสสยุ เดชะโชติ หัวหน้าด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ ท่าอากาศยานภูเก็ต กล่าวว่า มาตรการเฝ้าระวังของจังหวัดภูเก็ต ได้เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคมที่ผ่านมา และจนถึงขณะนี้พบผู้เข้าข่ายเฝ้าระวังที่เดินทางมาจาก 4 ประเทศเสี่ยง หรือมีประวัติการเดินทางมาจากประเทศที่มีการระบาดแล้วทั้งหมด 7 ราย ยังพำนักอยู่ในภูเก็ต 4 ราย เดินทางไปต่างประเทศแล้ว 1 ราย และไปต่างจังหวัด 2 ราย คือ กรุงเทพฯ และจังหวัดสงขลา โดยทั้งหมดไม่พบอาการบ่งชี้ว่าจะติดเชื้อไวรัสอีโบล่า แต่เนื่องจากเดินทางมาจากประเทศดังกล่าว จึงต้องอยู่ในช่วงเฝ้าระวัง 21 วันนับตั้งแต่เดินทางมา เจ้าหน้าที่จึงต้องมีการติดตามจนกว่าจะพ้นระยะฟักเชื้อ 21 วัน
ในส่วนของนักท่องเที่ยว 4 ราย ที่ยังอยู่ในภูเก็ตนั้น มีจำนวน 3 ราย เดินทางมาจากเมืองลากอส ประเทศไนจีเรีย ซึ่งเป็นประเทศที่พบผู้เสียชีวิต แต่ยังไม่มีการระบาด เจ้าหน้าที่ต้องไปติดตามดูอาการ และตรวจร่างกายทุกวัน ส่วนอีก 1 ราย เป็นนักท่องเที่ยวชาวอังกฤษ ที่มีประวัติเดินทางไปยังประเทศไนจีเรีย ก่อนจะเดินทางมายังภูเก็ต รายนี้สมัครใจไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลเองทุกวันเนื่องจากอยู่ใกล้บ้าน
ส่วน 2 รายที่เดินทางไปกรุงเทพมหานคร และจังหวัดสงขลา ซึ่งตรวจสอบแล้วไม่มีอาการบ่งชี้ เจ้าหน้าที่ได้ประสานไปยังกองควบคุมโรคของจังหวัดที่นักท่องเที่ยวเดินทางไปให้มีการติดตามดูอาการ และตรวจร่างกายทุกวัน
ขณะที่มาตรการอื่นๆ ภายในจุดเช็กอินของด่านตรวจคนเข้าเมือง ช่องผู้โดยสารขาเข้าระหว่างประเทศ เจ้าหน้าที่ได้มีการนำป้ายไวนิลขนาดใหญ่แจ้งให้ผู้ที่เดินทางมาจาก 4 ประเทศเสี่ยงเข้ารายงานตัวตามพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พร้อมทั้งเปิดช่องทางพิเศษ 2 ช่องทาง เพื่อคัดแยกผู้ที่มีความเสี่ยงเข้าแจ้งประวัติการเดินทาง ก่อนเข้าสอบประวัติ และตรวจร่างกาย พร้อมทั้งกรอกแบบฟอร์ม ต.8 เพื่อแจ้งการรายงานตัว ซึ่งนักท่องเที่ยวกลุ่มดังกล่าวหากไม่ไปรายงานตัว หรือให้เจ้าหน้าที่ติดตามผลทุกวันจนครบ 21 วัน ก็จะไม่สามารถเดินทางออกจากประเทศได้
นอกจากนี้ ในเรื่องการรักษาความสะอาด ด่านควบคุมโรคและท่าอากาศยานภูเก็ต ได้กำชับเรื่องการทำความสะอาดภายในอาคารผู้โดยสารเป็นพิเศษ มีการตั้งจุดบริการเจลล้างมือในพื้นที่หลายจุด ทั้งจุดเช็กอิน ห้องน้ำ ที่นั่ง และทางเดินเพื่อป้องกันเชื้อไวรัสแฝงที่จะมาจากการสัมผัสสารคัดหลั่งจากร่างกาย เช่น น้ำมูก น้ำลาย เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม หัวหน้าด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศยังกล่าวว่า สำหรับจังหวัดภูเก็ต ไม่มีสายการบินตรงจาก 4 ประเทศเสี่ยงมายังภูเก็ต แต่มีสายการบินที่ต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ 2 สายการบินเท่านั้น ได้แก่ สายการบินกาตาร์แอร์เวย์ บินมาจากโดฮา ซึ่งมีวันละ 1-2 เที่ยวบิน และสายการบินเอดมิเรตส์ ที่มีเพียงสัปดาห์ละ 1 เที่ยวบิน โดยเจ้าหน้าที่จะต้องเข้มงวดเป็นพิเศษ เนื่องจากนักท่องเที่ยวจาก 4 ประเทศดังกล่าวมักต่อเครื่องมายังประเทศไทย และประเทศเพื่อนบ้าน ล่าสุด พบว่าที่ประเทศเวียดนาม มีการกักตัวผู้โดยสารไนจีเรีย 2 รายที่มีอาการป่วย แต่ยังไม่ทราบแน่ชัด ส่วนผู้โดยสายจากสายการบินที่มาจากกลุ่มประเทศอื่นๆ ที่ยังไม่มีการระบาด เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองจะดูประวัติการเดินทางย้อนหลังในหนังสือเดินทาง รวมถึงสังเกตอาการ หากมีอาการป่วยก็จะต้องนำเข้าตรวจสอบทันที