สธ.เตรียมชง คสช.ประกาศ อีโบลา เป็นโรคติดต่ออันตรายในสัปดาห์นี้ ระบุคนที่เดินทางมาจากพื้นที่ระบาด ตั้งแต่ มิ.ย. - 7 ส.ค. ตรวจแล้ว 381 คน ไม่พบรายใดมีอาการผิดปกติ
วันนี้ (8 ส.ค.) นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า ขณะนี้ สธ. ติดตามประเมินสถานการณ์โรคอีโบลาอย่างต่อเนื่อง โดยมีมาตรการเฝ้าระวังผู้ที่เดินทางมาจากประเทศที่มีการระบาดที่ท่าอากาศยานนานาชาติทุกแห่ง เตรียมความพร้อมทีมแพทย์ในโรงพยาบาลทั่วประเทศ และการตรวจทางห้องปฏิบัติการเพื่อการตรวจวินิจฉัย นอกจากนี้ ยังเพิ่มประกาศให้โรคติดเชื้อไวรัสอีโบลาเป็นโรคติดต่ออันตราย ตาม พ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ. 2523 จากเดิมที่มี 5 โรค ได้แก่ อหิวาตกโรค ไข้ทรพิษ ไข้เหลือง กาฬโรค และโรคซาร์ส เพื่อให้เจ้าหน้าที่สาธารณสุขสามารถดำเนินการป้องกันควบคุมโรคได้อย่างเข้มข้น โดยจะเสนอขออนุมัติที่ประชุมของฝ่ายสังคมและจิตวิทยา คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ในสัปดาห์หน้านี้ เพื่อประกาศในราชกิจจานุเบกษาและมีผลบังคับทันที
นพ.โสภณ เมฆธน อธิบดีกรมควบคุมโรค (คร.) กล่าวว่า จากการประชุมวอร์รูมติดตามสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสอิโบลา สถานการณ์การแพร่ของโรคยังอยู่ที่ 3 ประเทศ คือ กินี ไลบีเรีย และเซียร์ราลีโอน จนถึงวันที่ 4 ส.ค. 2557 มีผู้ป่วยติดเชื้อ 1,440 ราย ในจำนวนนี้เสียชีวิตไปแล้ว 887 ราย ผลการเฝ้าระวังผู้โดยสารที่มาจากประเทศดังกล่าวที่ท่าอากาศยานนานาชาติในวันที่ 7 ส.ค. มีจำนวน 5 คน อยู่ในข่ายการติดตามเฝ้าระวังภายใน 21 วัน 1 คน ไม่มีรายใดป่วยหรือมีอาการไข้ ยอดสะสมการเฝ้าระวังตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2557- 7 สิงหาคม 2557 รวม 381 คน ทุกรายปกติ
นพ.โสภณ กล่าวต่อว่า ภายหลังจากประกาศให้โรคติดเชื้อไวรัสอีโบลาเป็นโรคติดต่ออันตรายในราชกิจจานุเบกษาแล้ว มาตรการสำคัญที่เจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องต้องดำเนินการ เช่น 1.มาตรการป้องกันและควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศที่ช่องทางและด่านตรวจคนเข้าเมือง สามารถตรวจตราพาหนะและตรวจผู้เดินทาง สิ่งของหรือสัตว์ที่มากับพาหนะ ตรวจตราและควบคุมให้เจ้าของพาหนะหรือผู้ควบคุมพาหนะ แก้ไขการสุขาภิบาลของพาหนะให้ถูกสุขลักษณะ รวมทั้งกำจัดสิ่งอันอาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพในพาหนะ ห้ามเจ้าของพาหนะหรือผู้ควบคุมพาหนะ เป็นต้น 2.กรณีที่มีโรคติดต่ออันตรายหรือมีเหตุสงสัยว่าได้มีโรคติดต่อดังกล่าวเกิดขึ้น ให้บุคคลต่างๆ เช่น เจ้าบ้าน เจ้าของพาหนะ แพทย์หรือสถานพยาบาลผู้ให้การรักษาผู้ป่วย แจ้งต่อเจ้าพนักงานสาธารณสุขหรือพนักงานเจ้าหน้าที่ เพื่อสอบสวนโรค ควบคุมและป้องกันการระบาดของโรค หรือคุมไว้สังเกตอาการจนกว่าจะได้รับการตรวจว่าพ้นระยะติดต่อแล้ว เป็นต้น
นพ.โสภณ กล่าวต่อว่า เชื้อไวรัสอีโบลา มีอัตราตายค่อนข้างสูงถึงร้อยละ 50-90 เชื้อมีระยะฟักตัว 2-21 วัน อาการของผู้ป่วย คือ มีไข้สูงทันที อ่อนเพลียปวดกล้ามเนื้อ และปวดศีรษะมาก ตามด้วยอาการเจ็บคอ อาเจียน ท้องเสีย และมีผื่นนูนแดงขึ้นตามตัว ในรายที่อาการรุนแรง เสียชีวิตมักเกิดร่วมกับภาวะตับถูกทำลาย ไตวาย มีอาการทางระบบประสาทส่วนกลางและช็อก อวัยวะหลายระบบเสื่อมหน้าที่ จึงขอให้ประชาชนติดตามข่าวสารของกระทรวงสาธารณสุข โดยช่วงนี้ให้หลีกเลี่ยงเดินทางเข้าพื้นที่ระบาดชั่วคราวไปก่อน หากมีความจำเป็นขอให้ปฏิบัติตามคำแนะนำเจ้าหน้าที่อย่างเคร่งครัดและสอบถามสายด่วนกรมควบคุมโรค 1422 ตลอด 24 ชั่วโมง
ติดตาม Instagram และ Facebook Fanpage ของ Quality of Life ได้ที่
วันนี้ (8 ส.ค.) นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า ขณะนี้ สธ. ติดตามประเมินสถานการณ์โรคอีโบลาอย่างต่อเนื่อง โดยมีมาตรการเฝ้าระวังผู้ที่เดินทางมาจากประเทศที่มีการระบาดที่ท่าอากาศยานนานาชาติทุกแห่ง เตรียมความพร้อมทีมแพทย์ในโรงพยาบาลทั่วประเทศ และการตรวจทางห้องปฏิบัติการเพื่อการตรวจวินิจฉัย นอกจากนี้ ยังเพิ่มประกาศให้โรคติดเชื้อไวรัสอีโบลาเป็นโรคติดต่ออันตราย ตาม พ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ. 2523 จากเดิมที่มี 5 โรค ได้แก่ อหิวาตกโรค ไข้ทรพิษ ไข้เหลือง กาฬโรค และโรคซาร์ส เพื่อให้เจ้าหน้าที่สาธารณสุขสามารถดำเนินการป้องกันควบคุมโรคได้อย่างเข้มข้น โดยจะเสนอขออนุมัติที่ประชุมของฝ่ายสังคมและจิตวิทยา คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ในสัปดาห์หน้านี้ เพื่อประกาศในราชกิจจานุเบกษาและมีผลบังคับทันที
นพ.โสภณ เมฆธน อธิบดีกรมควบคุมโรค (คร.) กล่าวว่า จากการประชุมวอร์รูมติดตามสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสอิโบลา สถานการณ์การแพร่ของโรคยังอยู่ที่ 3 ประเทศ คือ กินี ไลบีเรีย และเซียร์ราลีโอน จนถึงวันที่ 4 ส.ค. 2557 มีผู้ป่วยติดเชื้อ 1,440 ราย ในจำนวนนี้เสียชีวิตไปแล้ว 887 ราย ผลการเฝ้าระวังผู้โดยสารที่มาจากประเทศดังกล่าวที่ท่าอากาศยานนานาชาติในวันที่ 7 ส.ค. มีจำนวน 5 คน อยู่ในข่ายการติดตามเฝ้าระวังภายใน 21 วัน 1 คน ไม่มีรายใดป่วยหรือมีอาการไข้ ยอดสะสมการเฝ้าระวังตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2557- 7 สิงหาคม 2557 รวม 381 คน ทุกรายปกติ
นพ.โสภณ กล่าวต่อว่า ภายหลังจากประกาศให้โรคติดเชื้อไวรัสอีโบลาเป็นโรคติดต่ออันตรายในราชกิจจานุเบกษาแล้ว มาตรการสำคัญที่เจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องต้องดำเนินการ เช่น 1.มาตรการป้องกันและควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศที่ช่องทางและด่านตรวจคนเข้าเมือง สามารถตรวจตราพาหนะและตรวจผู้เดินทาง สิ่งของหรือสัตว์ที่มากับพาหนะ ตรวจตราและควบคุมให้เจ้าของพาหนะหรือผู้ควบคุมพาหนะ แก้ไขการสุขาภิบาลของพาหนะให้ถูกสุขลักษณะ รวมทั้งกำจัดสิ่งอันอาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพในพาหนะ ห้ามเจ้าของพาหนะหรือผู้ควบคุมพาหนะ เป็นต้น 2.กรณีที่มีโรคติดต่ออันตรายหรือมีเหตุสงสัยว่าได้มีโรคติดต่อดังกล่าวเกิดขึ้น ให้บุคคลต่างๆ เช่น เจ้าบ้าน เจ้าของพาหนะ แพทย์หรือสถานพยาบาลผู้ให้การรักษาผู้ป่วย แจ้งต่อเจ้าพนักงานสาธารณสุขหรือพนักงานเจ้าหน้าที่ เพื่อสอบสวนโรค ควบคุมและป้องกันการระบาดของโรค หรือคุมไว้สังเกตอาการจนกว่าจะได้รับการตรวจว่าพ้นระยะติดต่อแล้ว เป็นต้น
นพ.โสภณ กล่าวต่อว่า เชื้อไวรัสอีโบลา มีอัตราตายค่อนข้างสูงถึงร้อยละ 50-90 เชื้อมีระยะฟักตัว 2-21 วัน อาการของผู้ป่วย คือ มีไข้สูงทันที อ่อนเพลียปวดกล้ามเนื้อ และปวดศีรษะมาก ตามด้วยอาการเจ็บคอ อาเจียน ท้องเสีย และมีผื่นนูนแดงขึ้นตามตัว ในรายที่อาการรุนแรง เสียชีวิตมักเกิดร่วมกับภาวะตับถูกทำลาย ไตวาย มีอาการทางระบบประสาทส่วนกลางและช็อก อวัยวะหลายระบบเสื่อมหน้าที่ จึงขอให้ประชาชนติดตามข่าวสารของกระทรวงสาธารณสุข โดยช่วงนี้ให้หลีกเลี่ยงเดินทางเข้าพื้นที่ระบาดชั่วคราวไปก่อน หากมีความจำเป็นขอให้ปฏิบัติตามคำแนะนำเจ้าหน้าที่อย่างเคร่งครัดและสอบถามสายด่วนกรมควบคุมโรค 1422 ตลอด 24 ชั่วโมง
ติดตาม Instagram และ Facebook Fanpage ของ Quality of Life ได้ที่