ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - ตัวแทนชุมชนเตาอิฐ อ.เมืองสงขลา ร้อง คสช. หลังถูกวัดอุทัยธาราม ออกโฉนดทับที่ดินที่อยู่อาศัยมากว่า 50 ปี ทำให้ชาวชุมชนได้รับความเดือดร้อน หวังพึ่งทหารช่วยเหลือ ร้องไปหลายหน่วยงานไม่เป็นผล ระบุการออกโฉนดที่ดินในครั้งนี้เป็นการออกโดยมิชอบ จึงขอให้เพิกถอนโฉนดที่ดินแปลงที่ครอบคลุมพื้นที่ชุมชนเตาอิฐ
วันนี้ (25 มิ.ย.) ที่ศูนย์ปฏิบัติการมณฑลทหารบกที่ 42 ค่ายเสนาณรงค์ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา นายบุญเหลือ สุขปลื้ม ประธานชุมชนเตาอิฐ เขตเทศบาลนครสงขลา อ.เมือง จ.สงขลา พร้อมตัวแทนชุมชนเตาอิฐ ได้เข้าพบ พ.อ.บัญชา รักชื่อ รองผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 42 และ พ.อ.วรพล วรพันธุ์ เสนาธิการมณฑลทหารบกที่ 42 เพื่อเข้าร้องเรียนขอความช่วยเหลือทางกองทัพบก กรณีที่ถูกทางวัดอุทัยธาราม ออกโฉนดที่ดินธรณีสงฆ์ทับที่ดินทำกินที่อยู่อาศัยมากว่า 50 ปีของชาวชุมชนเตาอิฐ
โดยนำหลักฐานต่างๆ มาแสดงถึงการเข้ามาอาศัยอยู่ในที่ดินผืนนี้ตั้งแต่ปี 2502 สมัยจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ได้มอบหมายให้จังหวัดสงขลา จัดสรรที่ดินทำกินให้ชาวบ้านที่บุกรุกที่สาธารณประโยชน์ บริเวณป่าสน แหลมทราย เข้ามาอยู่อาศัยในพื้นที่บ้านท่าสะอ้านตั้งแต่ปี 2503 โดยสภาพพื้นที่เป็นที่รกร้างว่างเปล่า น้ำทะเลท่วมถึง มีต้นโกงกาง ต้นโพธิ์ทะเล และต้นไม้อื่นๆ บางแห่งเป็นป่าละเมาะ เมื่อน้ำทะเลขึ้นสูงจะมีความลึกประมาณ 2 เมตร ขณะที่ประชาชนเข้ามาอยู่อาศัยไม่มีถนนหนทาง ไม่มีไฟฟ้าใช้ ไม่มีน้ำประปา ชาวบ้านได้รับที่ดินจัดสรรโดยแบ่งแยกเป็นแปลงกว้าง 8 เมตร ลึก 20 เมตรต่อครอบครัว ชาวบ้านได้ทำการปักหลักเขตของตัวเองแล้วทำการปลูกบ้านอยู่อาศัย เป็นบ้านลักษณะมีเสาสูงยกพื้นทุกครัวเรือน เพื่อกันน้ำท่วมถึง ชาวบ้านใช้เรือในการสัญจร
ต่อมา ทางทิศตะวันตกของที่ดินจัดสรร ชาวบ้านได้สร้างสะพานไม้ใช้เดินร่วมกัน และได้สร้างคันดินตามแนวสะพานทำถนน และได้ร่วมกันพัฒนามาเรื่อยๆ จนกลายมาเป็นชุมชนเตาอิฐ ทางเทศบาลนครสงขลา ได้ออกบ้านเลขที่ให้ และทางไฟฟ้าก็เข้ามาดำเนินการปักเสาพาดสายให้มีไฟฟ้าใช้ น้ำประปาก็เข้ามา
ปัจจุบัน บริเวณที่ดินจัดสรรมีประชาชนอาศัยเต็มพื้นที่ และที่ดินดังกล่าวเกิดจากชาวบ้านได้นำวัสดุอุปกรณ์มาถมบริเวณบ้าน ในปัจจุบัน ยังสามารถตรวจสอบสภาพดินเดิมได้ เนื่องจากบางพื้นที่ยังไม่ได้ถม จึงยังมีสภาพดินเดิมให้เห็นอยู่
สำหรับที่ดินของวัดอุทัยธารามเดิม ที่ขึ้นทะเบียนเป็นศาสนสมบัติเลขที่ 146 ทิศเหนือ จดคลองระยะทาง 5 เส้น ทิศใต้ จดบ้านนายกิมหยง ทิศตะวันออก จดวัด ระยะ 3 เส้น 7 วา 3 ศอก ทิศตะวันตก จดทะเลสาบ ระยะ 2 เส้น 7 วา และที่ดินทางทิศตะวันตกที่ชาวบ้านได้รับการจัดสรรให้เข้าไปอยู่ก็ไม่ได้อยู่ในพื้นที่ของศาสนสมบัติของวัดอุทัยแต่อย่างใด
และเมื่อทางวัดอุทัย กับเทศบาลนครสงขลา มีการฟ้องร้องสิทธิครอบครองที่ดินผืนนี้ขึ้นมา ทางวัดอุทัย ได้เขียนแผนที่ขึ้นมาใหม่ มีอาณาเขต และระยะแนวเขตมากกว่าที่ดินวัดอุทัยที่ได้ขึ้นทะเบียนไว้เดิมเป็นจำนวนมาก คือ ทิศเหนือ จดคลองระยะ 4.50 เส้น ทิศใต้ จดถนนเตาหลวง ทิศตะวันออก จดวัด ระยะ 6.4 เส้น และทิศตะวันตก จดถนนเตาอิฐระยะ 6.9 เส้นโดยเฉพาะทางทิศตะวันตกจากเดิม จดทะเลสาบ ระยะ 2 เส้น 7 วา ทำให้การเขียนแผนที่ใหม่ขึ้นมาของวัดอุทัยครอบคลุมเข้ามาในพื้นที่ของชาวบ้านที่ได้รับการจัดสรรเข้ามาอยู่อาศัยตั้งแต่ปี 2503
และเมื่อเทศบาลนครสงขลา แพ้คดี ทางวัดจึงถือโอกาสนำแผนที่ใหม่มาทำการออกโฉนดที่ดินวัดอุทัยใหม่ โดยมีการร่วมมือกันระหว่างกรรมการวัดที่ได้รับผลประโยชน์กับทางเจ้าหน้าที่ของรัฐ โดยเฉพาะหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการออกโฉนดที่ดิน โดยขณะที่เจ้าหน้าที่เข้าไปทำการรังวัดที่ดิน ได้โกหกชาวบ้านว่า มาวัดที่ดินเพื่อนำไปทำผังเมืองใหม่ ทำให้ชาวบ้านไม่ได้คัดค้านแต่อย่างใด และเมื่อชาวบ้านมาทราบภายหลังว่า ที่ดินที่พวกตนอยู่อาศัยมานานกว่า 50 ปี ทางวัดได้ทำการฉวยโอกาสออกโฉนดครอบคลุมพื้นที่ไปหมดแล้ว เมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2557 ที่ผ่านมา
ชาวบ้านในชุมชนเตาอิฐ จึงรวมตัวกันไปยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมจากหลายหน่วยงาน แต่ไม่ได้รับความเป็นธรรม จึงได้เดินทางมาขอความเป็นธรรม และขอความช่วยเหลือจากทหารกองทัพบก ให้ทำการเพิกถอนโฉนดที่ดินของวัดอุทัยที่ออกโดยมิชอบ และออกเอกสารสิทธิที่ดินที่ชาวบ้านถือครองมากว่า 50ปี โดยการวัดแนวเขตใหม่ตามความเป็นจริง
โดย พ.อ.บัญชา รักชื่อ รองผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 42 ได้รับเรื่องร้องเรียนของชาวชุมชนเตาอิฐไว้ และมอบหมายให้ พ.อ.วรพล วรพันธุ์ เสนาธิการมณฑลทหารบกที่ 42 ทำการสอบสวนและตรวจสอบหลักฐานที่ชาวบ้านนำมามอบให้ เนื่องจากทางวัดมีการออกหนังสือมาข่มขู่ชาวบ้าน เพื่อให้มาเช่าที่ดินวัดที่ได้ออกโฉนดครอบคลุมที่ดินชาวบ้านโดยมิชอบ ซึ่งทาง พ.อ.วรพล วรพันธุ์ เสนาธิการมณฑลทหารบกที่ 42 จะได้นัดหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาชี้แจงถึงการออกโฉนดที่ดินผืนนี้ว่า ออกมาได้อย่างไร และจะส่งเรื่องร้องเรียนขอความช่วยเหลือไปยัง คสช.พิจารณาเป็นการรีบด่วนต่อไปด้วย