'วุฒิพงษ์ แปงใจ' นักศึกษาปริญญาเอก คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เล่าความสำเร็จของการรณรงค์ "หยุดการใช้โฟมในโรงอาหาร" ที่มีแรงบันดาลใจ และเตรียมรณรงค์ต่อไป
ทำไมถึงลุกขึ้นมารณรงค์เรื่องนี้
ได้เดินผ่านร้านขายข้าวไข่เจียวและมีกล่องโฟมล้นถังขยะครับ จึงฉุกคิดขึ้นมาว่าจริงๆแล้วร้านอาหารที่ตั้งอยู่กับที่ถาวรแบบนี้ควรใช้จานที่ล้างแล้วนำมาใช้ใหม่มากกว่า...เลยตัดสินใจรณรงค์เรื่องนี้ผ่าน Change.org เพราะปกติก็ลงชื่อให้กับแคมเปญต่างๆอยู่แล้ว เลยอยากลองทำเองบ้าง จึงเริ่มการรณรงค์การเลิกใช้โฟมในโรงอาหารของมหาวิทยาลัย
เป็นคนสนใจเรื่องสิ่งแวดล้อมอยู่แล้วหรือ
สิ่งแวดล้อมเป็นเรื่องที่ผมสนใจมาตั้งแต่เด็กๆ ที่บ้านจะฝึกให้มีการแยกขยะ และตัวผมเองก็เรียนและทำงานวิจัยด้านสิ่งแวดล้อม และโฟมก็เป็นหนึ่งในสิ่งที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพอย่างมาก เพราะทำมาจากของเหลือจากการกลั่นน้ำมัน มีสารก่อเกิดมะเร็ง อีกทั้งโฟมยังเป็นขยะที่เป็นมลพิษต่อสิ่งแวดล้อมที่ใช้เวลาในการย่อยสลายนานถึง 450ปี
มีคนให้ความสนใจการรณรงค์มากน้อยแค่ไหน
มีคนเข้ามาลงชื่อจาก 50คน เป็น 200คน ในเวลารวดเร็ว ทำให้รู้สึกว่ามีคนคิดเหมือนกัน และรู้สึกเริ่มมั่นใจมากขึั้นว่าการรณรงค์เรื่องนี้มีความเป็นไปได้ และรู้สึกว่าการรณรงค์ไม่ได้ยากอย่างที่คิด
พอได้รายชื่อเยอะๆแล้ว...
มีการจัดกิจกรรมเชิญชวนเพื่อนๆมาร่วมสนับสนุนเพิ่มเติม พร้อมทั้งมีการปรินท์รายชื่อทั้งหมด ไปมอบให้กับอาจารย์ฝ่ายสิ่งแวดล้อม และกับฝ่ายสำนักงานทรัพย์สินของมหาวิทยาลัย ที่ดูแลเรื่องโรงอาหารโดยตรง ซึ่งทางฝ่ายทรัพย์สินก็สนับสนุนเป็นอย่างดี และต้นเดือนมีนาคมจะมีการประชุมหารือเรื่องนี้อย่างเป็นทางการ ระหว่าง สำนักงานฝ่ายทรัพย์สิน ผู้ประกอบการร้านค้า และ ตัวแทนบริษัทจำหน่ายบรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
โฟมสำเร็จแล้ว อยากรณรงค์อะไรต่อ
ตั้งใจว่านอกจากจะลดการใช้โฟมแล้ว อยากให้มหาวิทยาลัยลดการใช้พลาสติกด้วย โดยเฉพาะแก้วพลาสติก ซึ่งเป็นปัญหาอย่างมาก เพราะทุกวันนี้ในโรงอาหารใช้แก้วพลาสติกอย่างเดียว ไม่ได้ใช้แก้วน้ำที่สามารถนำไปล้างแล้วนำมาใช้ใหม่ได้เลย ทำให้ทุกวันมีขยะจากแก้วพลาสติกเยอะมาก เพราะทุกคนต้องใช้แก้วน้ำพลาสติกอย่างเดียวเท่านั้น
อยากฝากอะไรถึงนักศึกษาและคนทั่วไปที่อยากลุกขึ้นมารณรงค์บ้าง
อยากบอกว่าอะไรที่คิดว่าเป็นไปไม่ได้ ต้องเริ่มลงมือทำ มันถึงจะเป็นไปได้ เพราะถ้ามัวแต่กลัวไม่กล้าทำอะไร หากเป็นแบบนี้ก็คงเป็นไปไม่ได้อยู่เรื่อยไป ผมเชื่อว่าทุกคนสามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงได้ ถ้าลงมือทำจริงๆ
ข้อมูล : BLOG-TH.CHANGE.ORG