ศูนย์ข่าวภูเก็ต - ตร.ภาค 8 ทหาร ปกครองจังหวัดภูเก็ต จ่ายยาแรง นำกำลังกว่า 1,000 นาย ลุยจับแท็กซี่ป้ายดำ ทำตัวเป็นผู้มีอิทธิพล วันเดียวกว่า 87 ราย หนึ่งในนั้นมีผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนถิ่นรวมอยู่ด้วย ตำรวจประกาศพร้อมเดินหน้าลุยต่อจัดการขั้นเด็ดขาดต่อผู้กระทำความผิด ไม่หวั่นมีการรวมตัวปิดถนนถ้าปิดถนนจับกุมแน่นอน
เมื่อเวลา 15.00 น. วันนี้ (4 มิ.ย.) ที่ห้องประชุมกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต พล.ต.ท.ปัญญา มาเม่น ผู้บังคับการตำรวจภูธรภาค 8 พล.ต.พีรพล วิริยากุล ผบ.มทบ.4 นายไมตรี อินทุสุต ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต พล.ต.ต.ปวีณ พงศ์สิรินทร์ ผู้บังคับการอำนวยการตำรวจภูธรภาค 8 พล.ต.ต.วีรศักดื มีนะวานิชย์ ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 8 พร้อมด้วยผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดในพื้นที่ภาค 8 ผู้กำกับการตำรวจทุกสถานีในพื้นที่ภูธรภาค 8 ร่วมกันแถลงผลการปฏิบัติการของชุดเฉพาะกิจปราบปรามกลุ่มแท็กซี่ผู้มีอิทธิผลในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต ตามคำสั่งตำรวจภูธรภาค 8 ที่ 50/2557 ลงวันที่ 30 ม.ค.57
พล.ต.ท.ปัญญา กล่าวว่า จังหวัดภูเก็ต เป็นจังหวัดที่มีปัญหาทางด้านการท่องเที่ยวหลายประการ ซึ่งที่ผ่านมา ทางจังหวัด และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้แก้ไขปัญหาสำเร็จไปบางส่วน แต่ยังคงมีปัญหาใหญ่ที่เป็นปัญหาสำคัญ และยังส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ทางด้านการท่องเที่ยว คือ กรณีกลุ่มแท็กซี่บางส่วนที่ทำตัวเป็นผู้มีอิทธิ ก่อให้เกิดผลกระทบต่อการท่องเที่ยวมากมาย เช่น พฤติกรรมที่ก่อให้ความเสียหายจากกลุ่มแท็กซี่ที่มีอิทธิพล เช่น ใช้อาวุธปืน หรือมีด ไม้ ข่มขู่ พนักงานขับรถของผู้ประกอบการท่องเที่ยวไม่ให้เข้าไปรับนักท่องเที่ยว รีดไถเงินจากผู้ประกอบการท่องเที่ยว ปิดทางเข้า-ออก ไม่ให้นักท่องเที่ยวออกจากโรงแรมที่พัก บางครั้งถึงขนาดดึงนักท่องเที่ยวลงจากรถ รวมทั้งประทุษร้ายนักท่องเที่ยว ซึ่งจากปัญหาดังกล่าวมองว่าเป็นพฤติกรรมที่ทำลายการท่องเที่ยวอย่างร้ายแรง
ทางตำรวจภูธรภาค 8 จึงได้แต่งตั้งชุดเฉพาะกิจปราบปรามกลุ่มแท็กซี่ผู้มีอิทธิพลในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตขึ้น โดยมอบหมายให้ พล.ต.ต.ปวีณ พงศ์สิรินทร์ ผู้บังคับการอำนวยการตำรวจภูธรภาค 8 พล.ต.ต.วีรศักด์ มีนะวานิชย์ ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 8 เป็นหัวหน้าชุดเฉพาะกิจ และเริ่มลงพื้นที่ปฏิบัติงานมาตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.2557 เป็นต้นมา ซึ่งจากการลงพื้นที่ตรวจสอบพบว่า ในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต มีคิวแท็กซี่จำนวน 287 คิว จำนวนรถแท็กซี่ป้ายดำ 3,594 คัน ปัจจุบันยื่นจดทะเบียนป้ายเขียวแล้ว จำนวน 1,277 คัน และจากการสืบสวนพบว่า มีกลุ่มแท็กซี่ที่มีพฤติกรรมเป็นผู้มีอิทธิพลประมาณ 70 คิว และจากการสอบปากคำพยานซึ่งเป็นผู้ประกอบการท่องเที่ยวในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ จำนวน 150 บริษัท แต่มาให้ปากคำต่อทางเจ้าหน้าที่ 51 บริษัท โดยมีพยานบุคคล จำนวน 150 ปาก และจากการรวบรวมพยานหลักฐานอื่นๆ ทำให้สามารถที่จะร้องทุกข์กล่าวโทษดำเนินคดีต่อผู้กระทำความผิดในเบื้องต้น จำนวน 11 คิว และ 1 ชมรม
ทางชุดเฉพาะกิจจึงได้ขออนุมัติต่อศาลจังหวัดภูเก็ตออกหมายจับดำเนินคดีในความผิดฐาน ร่วมกันตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป ข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใดๆ ไม่กระทำการใดๆ หรือจำยอมต่อสิ่งใด โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกายเสรีภาพ ชื่อเสียง หรือทรัพย์สินของผู้อ่าน โดยใช้กำลังประทุษร้ายจนผู้ถูกข่มขืนใจต้องกระทำการนั้น ไม่กระทำการนั้น หรือจำยอมต่อสิ่งนั้น ร่วมกันกรรโชก ซ่องโจร จำนวน 111 หมาย ผู้ต้องหาจำนวน 108 คน โดยวันนี้ (4 มิ.ย.) ทางตำรวจภูธรภาค 8 ได้ร่วมกับทางฝ่ายทหาร นำโดย พล.ต.พีรพล วิริยากุล ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 41 และฝ่ายปกครองจังหวัดภูเก็ต นำโดย นายไมตรี อินทุสุต นำกำลังประมาณ 1,150 นาย เข้าปิดล้อม ตรวจค้น จับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลจังหวัดภูเก็ต ซึ่งปรากฏว่าจนถึงเวลา 15.00 น. เจ้าหน้าที่สามารถจับกุม และรับมอบตัวผู้ต้องหาได้แล้วทั้งสิ้น 87 คน 90 หมายจับ ซึ่งหนึ่งในนั้นมีนายกเทศมนตรี ต.กะรน รวมอยู่ด้วย
พล.ต.ต.ปัญญา กล่าวต่อไปว่า สำหรับการดำเนินการเพื่อปราบปรามกลุ่มแท็กซี่อิทธิพลนั้นทางเจ้าหน้าที่จะเดินหน้าดำเนินการ จึงอยากขอความร่วมมือจากผู้ประกอบการที่ได้รับความเดือดร้อนจากกลุ่มแท็กซี่เหล่านี้ให้เข้ามาให้ข้อมูลต่อทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ถ้าได้ข้อมูลก็จะสามารถดำเนินการได้อย่างเด็ดขาด ซึ่งที่ผ่านมา มีผู้ประกอบการที่ได้รับความเดือดร้อนกว่า 150 ราย แต่ยินยอมให้ปากคำแค่ 51 รายเท่านั้น อย่างไรก็ตาม สำหรับความเสียหายของผู้ประกอบการที่ต้องเสียให้แก่กลุ่มแท็กซี่เหล่านี้มีกว่า 100 ล้านบาท
ส่วนกรณีการปิดถนนเพื่อเรียกร้องถ้ามีการจับกุมกลุ่มแท็กซี่ป้ายดำนั้น ในส่วนของตำรวจก็ยอมรับว่า กลัวจะเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้นเช่นกัน แต่ก็พร้อมที่จะดำเนินการซึ่งขอยืนยันว่า จะมีการดำเนินคดีต่อผู้ที่ปิดถนนทุกราย ซึ่งที่ผ่านมา ที่มีการปิดถนนที่จังหวัดภูเก็ตขณะนี้ก็ได้มีการออกหมายจับไปแล้ว ขอยืนยันว่าจะมีการจับกุมทุกรายที่ปิดถนน
