xs
xsm
sm
md
lg

2 สาวสุราษฎร์ฯ “ห่วงสมบัติชาติ” นำทองที่ขุดพบกลางสวนปาล์มพัทลุงส่งคืนศิลปากร

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


นครศรีธรรมราช - 2 สาวชาวสุราษฎร์ธานี ห่วงสมบัติชาติ นำแผ่นทองคำจากสวนปาล์มพัทลุงมาส่งคืนให้แก่สำนักศิลปากรที่ 14 นครศรีธรรมราช หลังจากซื้อมาไว้ 6 แผ่น แผ่นละ 55,000 บาท โดยอยู่ในครอบครองได้เพียง 3 วัน รับพบเห็นภาพลึกลับในที่พบทอง ด้านกรมศิลปากรเตรียมพิจารณาจ่ายค่าตอบแทนคืน

วันนี้ (3 มิ.ย.) เมื่อเวลา 14.30 น. นางวรรณา ภาสลาฤกษ์ อายุ 41 ปี อยู่บ้านเลขที่ 74/13 ต.วัดประดู่ อ.เมือง จ.สุราษฎร์ธานี และนางอมรศรี เพชรโชติ อายุ 41 ปี อยู่ 98/30 ถ.กาญจนราษฎร์ อ.เมือง จ.สุราษฎร์ธานี ได้ประสานงานผ่านนายณรงค์ ธีระกุล ผู้บริหารมีดีมีเดียกรุ๊ฟ โดยแจ้งความประสงค์ว่า จะขอคืนทองคำที่รับซื้อมาจากผู้ที่พบใน ต.เขาชัยสน อ.เขาชัยสน จ.พัทลุง ให้แก่กรมศิลปากรเพื่อเป็นสมบัติของแผ่นดิน โดยให้นายณรงค์ และผู้สื่อข่าวเป็นสื่อกลาง

หลังจากนั้น จึงมีการประสานงานให้นำทองคำมาพบกันที่บริษัท มีดีมีเดียกรุ๊ฟ หมู่บ้านราชพฤกษ์ ต.ปากนคร อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช และนายณรงค์ ได้ประสานกับนายอาณัฐ บำรุงวงศ์ ผู้อำนวยการสำนักศิลปากรที่ 14 นครศรีธรรมราช เพื่อจัดเจ้าหน้าที่เข้าบันทึกรับมอบทองคำ โดยได้นัดหมายไปยังสถานที่มอบอย่างเป็นทางการคือ ที่สำนักศิลปากรที่ 14 อำเภอเมืองจังหวัดนครศรีธรรมราช ถ.ราชดำเนิน อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช โดยให้มอบแก่ นางวิมล มณีโชติ หัวหน้าหอจดหมายเหตุพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ รักษาการผู้อำนวยการสำนักศิลปากรที่ 14 นครศรีธรรมราช เนื่องจากนายอาณัฐ อยู่ระหว่างการลงพื้นที่โบราณคดีแหล่งค้นพบทองคำในจังหวัดพัทลุง

นางวรรณา ได้ซื้อทองคำ จำนวน 6 แผ่นมาในราคา 55,000 บาท มีน้ำหนัก 31 กรัม ขณะที่นางอมรศรี เพชรโชติ ซื้อมาในลักษณะสภาพสมบูรณ์มีทองคำอัดแน่นเป็นแผ่นเดียวกันในราคา 9 หมื่นบาท น้ำหนัก 32 กรัม โดยแผ่นทองคำดังกล่าวนั้นมีอักษรคล้ายภาษาจีนจารึกอยู่บนทองคำทุกแผ่น หลังจากการรับมอบนั้นกรมศิลปากรจะนำเอาทองคำเข้าสู่คณะกรรมการประเมินค่าตอบแทนแก่ผู้มอบ ก่อนจะอนุมัติเงินให้ตามระเบียบ

นางวรรณา เปิดเผยว่า ได้เดินทางไปยังแหล่งขุดพบทองเมื่อ 3 วันก่อน เนื่องจากอยากได้แผ่นทองคำเก่าแก่มาเก็บไว้เป็นสิริมงคล และเพื่อบูชาของโบราณของบรรพบุรุษ จึงไปขอซื้อจากผู้ที่พบในราคา 55,000 บาท แผ่นทองมีสภาพไม่สมบูรณ์นักเนื่องจากผู้ที่พบบอกว่าแผ่นทองนี้ห่อแหวนทองคำอยู่อีกวง ซึ่งแหวนนั้นผู้ที่พบได้นำไปขายแล้ว หลังจากซื้อไปได้ 3 วันเห็นข่าวว่ากรมศิลปากรขอทองคำคืน จึงนำมามอบให้ โดยตั้งใจว่าหากศิลปากรไม่รับมอบ หรือมีเหตุผลอื่นใดนั้นตนจะนำทองคำที่อยู่ในความครอบครองทั้งหมดไปมอบให้แก่วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร เพื่อส่งคืนให้แก่องค์พระบรมธาตุเจดีย์เช่นที่บรรพบุรุษตั้งใจจะนำมาไว้ที่องค์พระบรมธาตุ

อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามว่า เกิดลางบอกเหตุ หรืออาเพศใดๆ ที่บ่งบอกก่อนที่จะนำทองมาคืนหรือไม่ นางวรรณา อ้ำอึ้ง และบอกเพียงว่าไม่มีลางบอกเหตุใดๆ เห็นแค่ภาพที่อาจเป็นเรื่องลี้ลับในวันที่ไปนำทองมาเท่านั้น และทราบจากการบอกเล่าของผู้ที่พบทองว่า มีจารึกอยู่ในไหที่พบทองคำมีตัวเลข 1692 หากเป็นปี พ.ศ.เท่ากับว่าทองคำนี้มีอายุ 862 ปี คือเท่ากับช่วงการสร้างพระบรมธาตุเจดีย์นครศรีธรรมราช

ขณะที่นางวิมล มณีโชติ หัวหน้าหอจดหมายเหตุพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ รักษาการผู้อำนวยการสำนักศิลปากรที่ 14 นครศรีธรรมราช เปิดเผยว่า การส่งมอบคืนทรัพย์สินของแผ่นดินให้กลับมาอยู่คู่แผ่นดินถือเป็นความดีงาม และขอชื่นชม ขอบคุณผู้ที่ส่งมอบคืนโดยการรับมอบนั้นจะมีการทำบันทึกการรับมอบไว้อย่างถูกต้อง มีทั้งผู้รับมอบ ผู้มอบ และพยานการรับมอบ ซึ่งจะไม่มีการดำเนินคดีใดๆ โดยเฉพาะชื่อของผู้มอบนั้นจะถูกจารึกคู่กับทองคำที่ส่งมอบ หลังจากนี้กรมศิลปากรจะนำไปศึกษาหาที่มาที่ไปรวมทั้งพื้นที่ขุดค้นพบ ซึ่งขณะนี้กำลังมีการเตรียมขุดค้นทางโบราณคดีอยู่แล้ว ส่วนค่าตอบแทนนั้นกรรมการกรมศิลปากรจะเป็นผู้พิจารณา

 
 

กำลังโหลดความคิดเห็น