นราธิวาส - ผู้ประกอบการร้านเซ็นเตอร์สุไหงโก-ลก ยังสู้ เตรียมสร้างอาคารเพื่อเปิดร้านอีกครั้ง หลังร้านเสียหายกว่า 40 ล้านบาท จากเหตุระเบิด 12 พ.ค. ที่ผ่านมา ยืนยันไม่ย้ายหนีทิ้งถิ่นฐาน ส่วนลูกจ้างยังคงจ้างต่อถึงแม้ร้านใหม่จะต้องใช้เวลาก่อสร้างร่วม 1 ปี ฝากถึงผู้ประกอบการร้านค้าเพิ่มความระมัดระวัง ไม่โทษ จนท.ทำดีที่สุดแล้ว
หลังเกิดเหตุคนร้ายลอบวางระเบิดร้านเซ็นเตอร์ เขตเทศบาลเมืองสุไหงโก-ลก อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส ซึ่งเป็นศูนย์ค้าปลีกค้าส่งที่ใหญ่ที่สุดของ อ.สุไหงโก-ลก ในช่วงเช้ามืดของวันที่ 12 พ.ค.57 ที่ผ่านมา จนตัวร้านค้า และโกดังสินค้าเสียหายเกือบทั้งหมด ล่าสุด นายฐากร ปรีชาวุฒิเดช ผู้ประกอบการร้านเซ็นเตอร์ เตรียมที่จะเปิดร้านค้าใหม่อีกครั้ง และยืนยันไม่ทิ้งถิ่นฐาน โดยกล่าวว่า ตระกูลของตน ตั้งรกรากอยู่ในพื้นที่ อ.สุไหงโก-ลกมานาน และตนเองเกิดและอาศัยอยู่ในสุไหงโก-ลก จนขณะนี้อายุ 59 ปีแล้ว จึงไม่ขอย้ายไปอยู่ที่อื่น
และจากการสำรวจความเสียหายที่เกิดขึ้นกับร้านนั้นพบว่า มีสินค้ามากกว่า 1,000 รายการ ที่ได้รับความเสียหาย รวมถึงตัวอาคาร ซึ่งรวมมูลค่าความเสียหายแล้วมากกว่า 40 ล้านบาท โดยเบื้องต้น ได้มอบเงินเยียวยาด้านทรัพย์สินจากจังหวัดแล้วจำ 13 ล้านบาท ขณะเดียวกัน ทางร้านเองได้นำสินค้าอุปโภคบริโภคที่ยังสามารถใช้ได้มาวางจำหน่าย เช่น สินค้าประเภทเครื่องปรุงอาหาร น้ำยาล้างจาน น้ำยาปรับผ้านุ่ม และน้ำยาล้างห้องน้ำ โดยจำหน่ายในราคาลดกว่า 50 เปอร์เซ็นต์ เพื่อระบายสินค้าออกไปให้หมด ซึ่งคาดว่าภายใน 2-3 วันนี้ จะสามารถตัดสต๊อกสินค้าออกไปได้ทั้งหมด
นายฐากร ปรีชาวุฒิเดช กล่าวว่า ที่ผ่านมาแม้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจะส่งผลต่อธุรกิจของครอบครัว ทั้งเสียขวัญ และสูญรายได้ไปเป็นจำนวนมาก แต่โชคดีที่ครอบครัวมีสติจากการเข้าวัด ฟังธรรม นั่งสมาธิ ทำให้สามารถทำใจได้ตั้งแต่เห็นเปลวเพลิงลุกท่วมร้านตั้งแต่คืนวันที่ 12 พ.ค.ที่ผ่านมาแล้ว สิ่งที่ทำได้คือ วางแผนการจัดการกับความเสียหายที่เกิดขึ้น โชคดีที่ร้านทำในรูปแบบบริษัท ทำให้ง่ายต่อการตรวจสอบเอกสารการสั่งซื้อสินค้า ขณะที่กลุ่มลูกจ้าง จำนวน 10 คน ของร้านก็ยังไม่ให้ออกจากงานแม้แต่คนเดียว และยังคงจ้างงานในอัตราค่าจ้างขั้นต่ำวันละ 300 บาทเท่าเดิม ซึ่งในส่วนนี้ยืนยันจะจ้างต่อไปจนกว่าร้านค้าจะเปิดใหม่ ขนาด 800 ตารางเมตรอีกครั้งใกล้กับจุดเดิม โดยคาดว่าจะแล้วเสร็จในอีก 1 ปีข้างหน้า ซึ่งร้านที่จะเปิดใหม่ เน้นความปลอดภัยทั้งโครงสร้างอาคาร จุดจอดรถ กล้องวงจรปิด และการติดสปริงเกอร์เพื่อดับไฟด้วย
นายฐากร ปรีชาวุฒิเดช กล่าวฝากถึงร้านค้า และสถานประกอบการในพื้นที่ว่า ต้องเพิ่มความระมัดระวัง และหมั่นตรวจสอบวัตถุแปลกปลอมในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง ซึ่งที่ผ่านมา ก่อนปิดร้านทุกคืนตนเองจะตรวจสอบจุดตั้งสินค้าทุกจุดว่ามีวัตถุแปลกปลอมหรือไม่ โดยเฉพาะในจุดที่ตั้งสินค้าที่เป็นวัตถุไวไฟ แต่คนร้ายก็เข้ามาในช่วงเวลาหลังจากนั้น ทำให้รอดสายตาไปได้ ขอให้ทุกคนอย่าฝากความหวังไว้ที่เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่งคงเพียงอย่างเดียว ต้องดูแลป้องกันตัวเองด้วย พร้อมย้ำเหตุการณ์ครั้งนี้ ตนไม่คิดโทษเจ้าหน้าที่ เพราะทุกฝ่ายต่างทำดีที่สุดแล้ว รถดับเพลิงมาถึงเร็วมาก แต่ไม่มีน้ำประปาให้สูบน้ำมาใช้ ต้องเสียเวลาไปสูบน้ำจากสวนสิรินธรทำให้เสียเวลามากขึ้น ซึ่งเรื่องนี้อยากให้การประปาแก้ปัญหาการเปิดใช้น้ำในยามวิกาล หรือมีมาตรการสำรองกรณีเกิดเหตุในลักษณะเดียวกันนี้ขึ้นอีก
สำหรับในช่วงนี้ ได้นำสินค้าอุปโภคบริโภคซึ่งมีการชำรุดแต่ยังใช้ได้ เช่น สินค้าประเภทเครื่องปรุงอาหาร น้ำยาล้างจาน น้ำยาปรับผ้านุ่ม และน้ำยาล้างห้องน้ำ ออกมาจำหน่ายในราคาลดกว่า 50 เปอร์เซ็นต์ เพื่อระบายสินค้าออกไปให้หมด ซึ่งคาดว่าภายใน 2-3 วันนี้ จะสามารถตัดสต๊อกสินค้าออกไปได้ทั้งหมด สำหรับผู้สนใจก็สามารถแวะมาที่ร้านเซ็นเตอร์เพื่อเลือกซื้อสินค้าราคาถูกซึ่งยังมีคุณภาพดี แม้บรรจุภัณฑ์จะชำรุด และเสียหายไปบ้าง
