xs
xsm
sm
md
lg

เหตุใด.. “ชีวะภาพ ชีวะธรรม” ต้องขอย้ายตัวเองพ้นภารกิจทวงคืนผืนป่าสิรินาถฯ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


การขอย้ายตัวเองออกจากภารกิจทวงคืนผืนป่าอุทยานแห่งชาติสิรินาถ จ.ภูเก็ต ไปอยู่ที่กรมป่าไม้ ของ “ชีวะภาพ ชีวะธรรม” อดีตหัวหน้าอุทยานแห่งชาติสิรินาถ จ.ภูเก็ต หลังเข้ามารับตำแหน่งเพื่อเป็นหัวหอกในการไล่ล่าทวงคืนผืนป่าจากกลุ่มนายทุนทั้งรายเล็กรายใหญ่ ถึงต้องขอย้ายตัวเองออกจากภารกิจ จนมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวาง ว่า เกิดจากแรงกดดันของนายทุน และผู้มีอิทธิพลในพื้นที่หรือไม่ เรื่องนี้มารับฟังจากปากของผู้ชายคนนี้..“ชีวะภาพ ชีวะธรรม”

ปัญหาการบุกรุกที่ดินในพื้นที่อุทยานแห่งชาติสิรินาถ จังหวัดภูเก็ต เกิดขึ้นมายาวนานหลายสิบปี โดยกลุ่มนายทุนทั้งรายใหญ่ รายเล็ก และประชาชนทั่วไป จนทำให้พื้นที่ป่าถูกบุกรุกไปกว่า 3,500 ไร่ และมีแนวโน้มว่าการบุกรุกจะไม่หยุดอยู่เพียงแค่นี้ จนกระทั่ง นายดำรงค์ พิเดช อดีตอธิบดีกรมอุทยานฯ เล็งเห็นปัญหานี้ จึงได้ระดมสรรพกำลังเจ้าหน้าที่ของกรมอุทยานในทุกระดับมาปฏิบัติภารกิจทวงคืนผืนป่าอุทยานแห่งชาติสิรินาถขึ้นเมื่อปี 2555 ซึ่งหนึ่งในนั้น คือ “นายชีวะภาพ ชีวะธรรม” ที่ได้รับความไว้วางใจจากอดีตอธิบดี ให้มาทำหน้าที่เป็นหัวหอกคนสำคัญ ที่เข้ามาปฏิบัติภารกิจแทนหัวหน้าอุทยานแห่งชาติสิรินาถคนเก่าๆ ที่ถูกอดีตอธิบดีฯ สมัยนั้นสั่งย้ายออกจากพื้นที่ในระยะเวลาเพียงไม่กี่วันถึง 2 คน

ทำไมถึงได้รับเลือกให้เข้ามารับหน้าที่ในการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ทวงคืนผืนป่าในครั้งนี้

“ชีวะภาพ ชีวะธรรม” อดีตหัวหน้าอุทยานแห่งชาติสิรินาถ บอกแก่ทาง “ASTVผู้จัดการ” ว่า การเข้ามาปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งหัวหน้าอุทยานแห่งชาติสิรินาถ จ.ภูเก็ต นับถึงวันที่ 22 พ.ค.57 ก็เป็นเวลา 20 เดือน โดยเริ่มเข้ามาตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2555 ตามคำสั่งของนายดำรค์ พิเดช อดีตอธิบดีกรมอุทยานฯ ในสมัยนั้น ซึ่งท่านเข้ามาดำเนินการแก้ไขปัญหาออกออกเอกสารสิทธิโดยมิชอบในพื้นที่อุทยานแห่งชาติสิรินาถ ซึ่งก่อนที่จะเข้ามาทางอดีตอธิบดีฯ ได้สั่งย้ายหัวหน้าอุทยานแห่งชาติสิรินาถออกไป 2 คน ภายในระยะเวลาไม่กี่วัน พร้อมกับมีคำสั่งให้ตนย้ายจากหัวหน้าเขตรักษาพันธ์สัตว์ป่า ภูสีฐาน จ.มุกดาหาร มารับตำแหน่งแทนเพื่อปฏิบัติภารกิจในการทวงคืนผืนป่าของอุทยานแห่งชาติสิรินาถกลับมาเป็นของชาติ จริงๆ แล้วในปี 2555 นั้น มีคำสั่งโยกย้ายตนไปดำรงตำแหน่งต่างๆ ถึง 3 ครั้งด้วยกัน ซึ่งคนที่เซ็นคำสั่งย้ายทั้ง 3 ครั้ง เป็นคนคนเดียวกัน คือ “ท่านดำรงค์ พิเดช” อธิบดีกรมอุทยานฯ ในสมัยนั้น

ประกอบด้วย ครั้งที่ 1 มีคำสั่งย้ายเมื่อต้นปี 2555 ให้ไปหน้าที่เป็นหัวหน้าชุดเฉพาะกิจติดตามคดีพรานล่าสัตว์ใหญ่ และคดีไม้กฤษณา ซึ่งเป็นการกระทำความผิดของกลุ่มชาวต่างชาติที่ลักลอบเข้ามาตัดไม้กฤษณา และถือโอกาสล่าสัตว์ใหญ่ เช่น ช้าง กระทิง ซึ่งการเข้าไปรับตำแหน่งดังกล่าวก็ปฏิบัติหน้าที่ในเขตรักษาพันธ์สัตว์ป่าภูเขียว รวมทั้งพื้นที่น้ำหนาว และพื้นที่ใกล้เคียง ซึ่งอยู่ปฏิบัติหน้าที่ได้ประมาณ 2-3 เดือน สามารถทำผลงานปราบปราบได้ในระดับหนึ่ง ทั้งมีการจับกุมผู้กระทำความผิด และการปะทะกับกลุ่มคนร้ายจนมีการวิสามัญเกิดขึ้น หลังจากนั้น ทางอดีตอธิบดีกรมอุทยานฯ ได้เซ็นคำสั่งย้ายอีกครั้งเป็นการย้ายครั้งที่ 2 ในรอบปี เพื่อให้ไปแก้ไขปัญหาการลักลอบตัดไม่พะยูงซึ่งมีการลักลอบตัดอย่างรุนแรงในเขตพันธุ์สัตว์ป่าภูสีฐาน ซึ่งย้ายไปทำงานในจุดดังกล่าว ประมาณ 2 เดือน โดยเข้าไปปรับยุทธวิธีในการทำงานปราบปรามผู้กระทำความผิด ซึ่งการทำงานในจุดนี้สามารถทำผลงานได้เห็น และน่าจะเป็นช่วงที่มีสถิติการจับกุมที่ดีที่สุดเพราะสามารถจับกุมผู้ต้องหาที่กระทำความผิดได้ทุกคดี ระยะเวลาประมาณ 2 เดือน สามารถจับกุมคดีต่างๆ ได้กว่า 30 คดี

ส่วนครั้งที่ 3 เป็นการเซ็นคำสั่งให้ย้ายมาเป็นหัวหน้าอุทยานแห่งชาติสิรินาถ เมื่อเดือนสิงหาคม ปีเดียวกัน เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่มีปัญหาเรื่องการออกเอกสารสิทธิทับที่ดินอุทยานแห่งชาติสิรินาถ ซึ่งเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นมานาน และที่นี่ต้องการคนที่กล้าที่จะลุยกับทุกปัญหาโดยไม่เกรงกลัวอิทธิพล ซึ่งการได้รับคำสั่งย้ายแต่ละครั้งตนก็รู้สึกดี เพราะทุกที่ที่ท่านอดีตอธิบดีสั่งย้ายไปอยู่ก็เพื่อให้เราไปช่วยแก่ไขปัญหา และจัดการกับปัญหาที่เกิดขึ้น จึงรู้สึกพอใจที่นายเลือกให้ไปทำงานเพราะเห็นว่าเราเป็นคนที่มีความพร้อม และมีความสามารถ

ทำไมต้องเป็นคนชื่อ “ชีวะภาพ ชีวะธรรม” ที่ถูกเลือกให้เข้ามาแก้ไขปัญหา และปราบปรามการออกเอกสารสิทธิโดยไม่ชอบ

จริงๆ แล้วก่อนที่จะย้ายมาอยู่ที่อุทยานแห่งชาติสิรินาถ ตนก็ทำงานอยู่ในกรมอุทยานเคยอยู่ที่อุทยานเขาหลักลำรู่ จ.พังงา แต่มีช่วงหนึ่งที่ย้ายไปทำงานในส่วนของกรมป่าไม้ ซึ่งในช่วงที่อยู่กรมอุทยานฯ ก่อนหน้านี้ ก็ได้รู้จักกับท่านดำรงค์ พิเดช และเคยทำงานร่วมกันมาหลายครั้ง ซึ่งในช่วงที่การเมืองเปลี่ยนแปลงเนื่องจากมีการปฏิวัติเมื่อปี 2550 ท่านดำรงค์ พิเดช ก็เป็นคนหนึ่งที่ได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง รวมทั้งตนด้วย ซึ่งในช่วงนั้นตนนั้นได้ย้ายไปอยู่ในส่วนของกรมป่าไม้ และทำงานอยู่ที่กรมป่าไม้ จนกกระทั่งเมื่อปี 2554 ซึ่งมีน้ำท่วมหนักเกิดขึ้นในกรุงเทพฯ เจ้าหน้าที่กรมป่าไม้ก็ถูกเรียกมาช่วยงานแก้ไขปัญหาน้ำท่วมและช่วยเหลือประชาชน ซึ่งระหว่างที่อยู่ที่กรุงเทพฯ มีโอกาสได้พบกับท่านดำรงค์ พิเดช ก็ทักทายกัน ซึ่งก็ถามว่าตอนนี้อยู่ที่ไหน ก็บอกท่านไปว่าอยู่ที่กรมป่าไม้ ท่านก็ถามอีกว่า “มาอยู่ด้วยกันหรือเปล่า มาช่วยกันทำงาน” ซึ่งตอนนั้นในส่วนของกรมอุทยานก็มีคดีสำคัญๆ หลายคดีทั้งเรื่องของขบวนการลักลอบตัดไม้กฤษณา และลักลอบฆ่าสัตว์ พอท่านชวนมาช่วยงานก็ตกลง หลังจากนั้นก็ขอย้ายกลับมาอยู่ในส่วนของกรมอุทยาน และงานแรกที่ได้รับมอบหมายให้ไปทำก็คือ ปราบปรามขบวนการต่างชาติลักลอบตัดไม้กฤษณา และล่าสุดใหญ่ จนกระทั่งล่าสุดก็คือ การเข้ามารับหน้าที่ในการปราบปรามการออกเอกสารสิทธิที่ดินในเขตอุทยานแห่งชาติสิรินาถ จ.ภูเก็ต

ขอย้ายตัวเองออกจากปฏิบัติการทวงคืนผืนป่าอุทยานแห่งชาติสิรินาถ เพราะกลัวอิทธิพลหรือเปล่า?

ขอยืนยันว่าไม่กลัวอิทธิพล เพราะตอนย้ายมาดำรงตำแหน่งเราก็รู้อยู่แล้วว่าเรื่องของคนที่จะใช้เงินมาบีบเพื่อให้มีการกระทำความผิดเพื่อให้เค้าได้มาซึ่งที่ดินในเขตอุทยานฯ รวมทั้งเรื่องของการข่มขู่ แต่ตอนที่มาที่นี่ก็มาด้วยความตั้งใจเต็มร้อย ที่จะเดินหน้าทวงคืนผืนป่าให้กลับมาเป็นของชาติ มาด้วยความตั้งใจเหมือนกับเพลง “ความฝันอันสูงสุด” และเราพร้อมที่จะยอมตายแทนการขายศักดิ์ศรี เรื่องของอิทธิพลมีทุกทีในที่มีผลประโยชน์เข้ามาเกี่ยวข้อง ทั้งอิทธิพลทางการเงิน มาเฟีย รวมทั้งการใช้กฎหมาย โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีผลประโยชน์มหาศาลอย่างอุทยานสิรินาถ ที่มีผลประโยชน์มากเป็นพันล้าน หมื่นล้าน แต่ก็ไม่ได้กลัวเพราะมั่นใจในตัวเองว่าเงินมากแค่ไหนก็ไม่สามารถซื้อตัวเรา ใจเรา และความตั้งใจของเราได้ เพราะจนถึงขณะนี้ยังมีกลุ่มคนบางคน หรือคนบางคนที่ยังเอาเงินมาซื้อตนอยู่เลย ซึ่งก่อนหน้านี้ไม่กี่วันยังมีคนนำเงินเป็นฟ่อนมาฝากให้ตน แต่ตนก็ได้ให้เอากลับไปคืนแล้ว ตนไม่สนใจว่าเงินนั้นจะมากแค่ไหน และไม่เคยคิดที่จะรับ ซึ่งคิดว่าการกระทำของตนก็น่าจะเป็นตัวอย่างให้คนอื่นได้เห็นไม่ว่าเงินจะมากน้อยแค่ไหนก็ไม่ควรที่จะรับมาเด็ดขาด และเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ทุกคนควรจะต่อต้านเพราะถ้ามีการยอมกันไม่นานป่าก็จะหมดไปจากประเทศไทย และที่ผ่านมา ตนทำงานแบบตรงไปตรงมา ยึดถือกฎหมายและความถูกต้องเป็นหลัก ซึ่งทุกวันนี้ยังถูกฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายจากการเข้าไปปฏิบัติงานอยู่เลย

แต่การขอย้ายตัวเองในครั้งนี้เป็นการย้ายเพื่อไปรับตำแหน่งที่ใหญ่ขึ้นในระดับ ผอ.ส่วนของกรมป่าไม้ เมื่อมีโอกาสตนก็อยากที่จะคว้าไว้ รวมทั้งการทำงานในส่วนที่ไปรับตำแหน่งก็สามารถทำงานตรวจสอบเรื่องของการออกเอกสารสิทธิที่ไม่ถูกต้องได้กว้างขึ้น ไม่จำกัดอยู่เฉพาะในป่าเขารวกเขาเมือง เขตอุทยานแห่งชาติสิรินาถเท่านั้น แต่สามารถตรวจสอบได้ทั่วประเทศ และยังสามารถทำงานร่วมกับทางอุทยานแห่งชาติสิรินาถ ในส่วนของการตรวจสอบการออกเอกสารสิทธิได้อยู่ รวมทั้งความสำคัญของงานในส่วนของกรมป่าไม้ก็มีมาก เพราะปัจจุบันปัญหาเรื่องของการบุกรุกป่ามีเพิ่มมากขึ้น เช่น ขบวนการลักลอบตัดไม้พะยูง และขณะนี้ทางกรมป่าไม้ ต้องการคนที่มีความเชี่ยวชาญในเรื่องของการปราบปราม และการตรวจสอบการออกเอกสารสิทธิเข้าไปช่วยงาน และการขยับตัวย้ายออกจากการเป็นหัวหน้าอุทยานฯ เป็นการสร้างความรู้สึกให้คนได้เห็นความสำคัญของการอนุรักษ์ และรักษาสมบัติของชาติไม่ใช่เข้ามาเพื่อกอบโกยผลประโยชน์เข้ากระเป๋าตัวเอง ซึ่งตำแหน่งนี้เป็นตำแหน่งที่ข้าราชการของกรมอุทยานอยากเข้ามาอยู่ และพยายามที่จะวิ่งเต้นเข้ามา

การเข้ามาอยู่ในส่วนนี้อยากให้ทุกคนมองเรื่องของทรัพยากรเป็นที่ตั้ง และยึดหลัก 3 ข้อ ประกอบด้วย 1.ความซื่อสัตย์ สุจริต คนที่จะมาอยู่ตำแหน่งนี้จะต้องมีความซื่อสัตย์ และหนักแน่น เพราะเรื่องของเงินจะเข้ามามากโดยเฉพาะพื้นที่อย่างอุทยานแห่งชาติสิรินาถที่มีผลประโยชน์เป็นหมื่นๆ ล้าน 2.คนที่มาดำรงตำแหน่งจะต้องเป็นคนที่มีภูมิความรู้โดยเฉพาะเรื่องของการตรวจสอบการออกเอกสารสิทธิ และ 3.จะต้องเป็นคนที่มีความกล้าหาญ เพราะถ้ามีทั้ง 2 อย่างแล้วแต่ไม่มีความกล้าหาญ ก็ไม่สามารถที่จะปกป้องสมบัติของชาติจากกลุ่มผู้มีอิทธิพลได้ และที่สำคัญจะต้องกล้าที่จะประส่านงานกับทุกภาคส่วนเพราะคุณคือคนกุมบังเหียนในการทำงานเพื่อเดินหน้าไปให้ถึงจุดมุ่งหมาย

ในระยะเวลา 20 เดือน ผลการดำเนินงานตามภารกิจทวงคืนผืนป่าเป็นอย่างไรบ้าง และพอใจมากน้อยแค่ไหน

สำหรับเป้าหมายในการทวงคืนผืนป่าในพื้นที่อุทยานแห่งชาติสิรินาถนั้น ตั้งแต่เข้ามาดำเนินการก็มีการตรวจสอบจับกุม และตรวจสอบการออกเอกสารสิทธิที่ดินในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง ซึ่งปัญหาการออกเอกสารสิทธิในพื้นที่อุทยานฯ มีสารพัดวิธีการที่กลุ่มนายทุนพยายามที่จะเอาที่ดินของหลวงไปเป็นของตัวเอง ทั้งเรื่องของ ส.ค.1 บิน., ส.ค.1 บวม, แอกสารแปลงร่าง และอื่นๆ อีกมาก โดยที่ผ่านมา ในการเข้ามาทำงานมีเป้าหมายในการตรวจสอบการออกเอกสารสิทธิที่ดินในเขตอุทยานแห่งชาติสิรินาถ จำนวน 1,700 ไร่ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่เข้าข่ายกระทำความผิด และขณะนี้สามารถฟันธง และเสนอเพื่อขอเพิกถอนไปแล้ว 500 ไร่ ส่วนที่เหลือก็เก็บรวบรวมพยานหลักฐานได้ทั้งหมดแล้ว ซึ่งคณะทำงานชุดใหม่ที่ได้รับการแต่งตั้งสามารถที่จะนำไปใช้ได้ทันที และเชื่อว่าสามารถฟันได้ทั้งหมด ส่วนความพึงพอใจในการทำงานก็ถือว่ามีความพึงพอใจได้ในระดับหนึ่ง แต่เชื่อว่าหัวหน้าอุทยานฯ คนใหม่ที่เข้ามาทำงานสามารถที่จะทำงานต่อได้อย่างแน่นอน เพราะเป็นคนที่มีความสามารถเพียบพร้อม รวมทั้งในส่วนของผู้อำนวยการสำนักอุทยานแห่งชาติ ก็ลงมาลุยเรื่องนี้อย่างเต็มที่ จึงไม่มีอะไรที่น่าเป็นห่วง

ปัญหาอุปสรรคในการทำงาน

การทำงานทุกอย่างย่อมมีปัญหา และอุปสรรคเสมอ ซึ่งการเข้ามาทำงานจุดนี้ก็มีปัญหาหลายอย่างที่จะต้องแก้ไข ทั้งเรื่องของทีมงาน เรื่องของความพร้อมทั้งในส่วนของบุคคลและอุปกรณ์ รวมทั้งเรื่องของกฎหมาย และการประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่บางครั้งไม่ได้รับความร่วมมือเท่าที่ควร แต่ก็มีการประสานงานกันจนสามารถเดินหน้าการทำงานไปด้วยกันได้ โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหลายๆ หน่วยงานลงมาทำงานร่วมกัน เช่น ป.ป.ท. ป.ป.ช.และ ดีเอสไอ ทำให้การตรวจสอบการออกเอกสารสิทธิทำได้ง่ายขึ้น แต่การทำงานในจุดนี้ก็ทำให้ได้ประสบการณ์ในหลายๆ เรื่อง และที่สำคัญการทำงานที่ผ่านมาทางผู้หลักผู้ใหญ่ให้การสนับสนุนเป็นอย่างดี และไม่เคยเข้ามาแทรกแซงการทำงานเลย

อยากฝากถึงหัวหน้าคนใหม่ที่จะเข้ามารับช่วงต่อ รวมถึงข้าราชการของอุทยานฯ ที่ร่วมทำงานกันมา

อย่างที่บอก เรื่องอิทธิพล เรื่องอะไรมันก็มี แต่อย่างที่เรียนที่ผ่านมาเราทำงานอยู่ในบรรทัดฐานของความเป็นข้าราชการ สิ่งที่เรามาทำทั้งหมดเป็นการทำเพื่อประเทศชาติเพื่อแผ่นดิน คิดว่าคงไม่ต้องกลัวอะไร แต่ยอมรับว่าจากการทำงานของตนที่ผ่านมา ทำให้เป็นที่ไม่พอใจของหลายๆ คน มีการเสนอให้เพิกถอนที่ดินหลายร้อยแปลงมูลค่านับหมื่นๆ ล้านบาท ก็เข้าใจว่าคงจะมีศัตรูหรือคนที่ไม่ชอบตนอยู่บ้าง การเข้ามาทำหน้าที่เป็นหัวหน้าที่นี่จะต้องซื่อสัตย์ที่สุดเลย ยอมรับว่าอยู่ที่นี่เรื่องของเงินทองที่เขาจะเอามาให้มีมาก เพราะฉะนั้นจะต้องทนให้ได้ และจะต้องมีความรอบรู้เรื่องของการตรวจสอบเอกสารสิทธิ ข้อที่สี่ ต้องมีความกล้าหาญ หัวหน้าที่นี่ต้องมีความกล้าหาญ กล้าที่จะต้องจับ กล้าที่จะต้องดำเนินการในบางเรื่องบางราว ประมาณสี่ห้าประเด็นฝากไว้สั้นๆ แต่คิดว่าหัวหน้าใหม่เขาทำได้เพราะว่าเขาก็มีความสามารถเขาก็เคยผ่านประสบการณ์ทางด้านนี้มาแล้ว จึงมีความมั่นใจว่าโครงการนี้จะสามารถเดินต่อไปได้อย่างแน่นอน
 
 

กำลังโหลดความคิดเห็น