ศูนย์ข่าวภูเก็ต - กรมอุทยานฯเตรียมข้อมูลเสนอกรมที่ดินเพิกถอนเอกสารสิทธินายทุน 20 แปลง จำนวน 300 กว่าไร่ พร้อมเดินหน้าต่อ “ยุทธการทวงคืนผืนป่าอุทยานแห่งชาติสิรินาถภูเก็ต” ยึดคืนที่ดินถูกบุกรุกกลับมาเป็นสมบัติชาติ หลังพบพื้นที่อุทยานฯเหลือป่าสมบูรณ์เพียงแค่ 10% ขณะที่หัวหน้าอุทยานฯทำใจถูกฟ้องกลับเชื่อทำดีที่สุดเพื่อเป็นโมเดลนำไปใช้แก้ปัญหาอุทยานฯอื่นต่อไป
ยุทธการทวงคืนผืนป่าอุทยานแห่งชาติสิรินาถ จ.ภูเก็ต เกิดขึ้นภายหลังที่นายดำรงค์ พิเดช อดีตอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เดินทางลงมาตรวจสอบปัญหาการบุกรุกพื้นที่ป่าไม้ของอุทยานแห่งชาติสิรินาถ เมื่อต้นเดือนสิงหาคม 2555
จากการตรวจสอบพื้นที่ในครั้งนั้น ได้สร้างความไม่พอใจให้กับอธิบดีกรมอุทยานฯในขณะนั้นเป็นอย่างมาก เนื่องจากตรวจพบมีนายทุนเข้าไปบุกรุกสร้างโรงแรมที่พัก รีสอร์ต บ้านพักหรู กว่า 11 เป้าหมาย ซึ่งมีทั้งรายใหญ่ และรายเล็ก รวมเนื้อที่กว่า 524 ไร่ จึงได้สั่งการให้มีการสนธิกำลังเจ้าหน้าที่ของอุทยานจากหลายหน่วยเข้ามาทำงานในพื้นที่ เพื่อยึดที่ดินที่ถูกบุกรุกให้กลับมาเป็นสมบัติของชาติ จนเป็นที่มาของยุทธการทวงคืนผืนป่าอุทยานแห่งชาติสิรินาถ และเริ่มปฏิบัติการ ตั้งแต่บัดนั้น พร้อมๆ กับการเกิดศูนย์อำนวยการตรวจสอบเอกสารสิทธิ และปราบปรามการบุกรุกครอบครองที่ดินในเขตอุทยานแห่งชาติสิรินาถ จ.ภูเก็ต
จนถึงขณะนี้เวลาล่วงเลยมาเกือบ 2 ปีแล้ว แต่กรมอุทยานแห่งชาติฯ ก็ยังคงเดินหน้าตรวจสอบการบุกรุกที่ดินในเขตอุทยานแห่งชาติสิรินาถอย่างต่อเนื่อง เพื่อยึดคืนผืนป่ากลับมาเป็นสมบัติชาติต่อไป
นายโชติ ตราชู ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า ที่ดินในเขตอุทยานแห่งชาติสิรินาถ ถูกบุกรุกเป็นจำนวนมาก หลังจากมีการตรวจสอบแล้วพบว่า ส่วนใหญ่มีการออกเอกสารสิทธิ ทั้งเป็น น.ส.3 และโฉนด
จากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ พบว่าการบุกรุกที่ดินในเขตอุทยาน มี 2 ลักษณะ คือ มีเอกสารสิทธิแต่ใช้ประโยชน์เกินจากเอกสารสิทธิที่มี ซึ่งกรณีนี้เจ้าหน้าที่สามารถแจ้งความดำเนินคดี และสั่งรื้อถอนได้ทันที ส่วนอีกกรณีที่ค่อนข้างซับซ้อน คือ การออกเอกสิทธิที่สงสัยว่าเป็นการออกโดยมิชอบ จึงต้องต่อสู้กันเพื่อนำไปสู่การเพิกถอนเอกสารสิทธิ เพื่อเอาที่ดินของอุทยานฯ คืนมาทั้งหมด
นายโชติ กล่าวอีกว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ได้ดำเนินการตรวจสอบเอกสารสิทธิผู้ครอบครองที่ดินในเขตอุทยานฯ แบ่งออกเป็น 3 ระยะ รวมจำนวน 29 เป้าหมาย พื้นที่ประมาณ 1,500 ไร่ โดยจำแนกเป็น ระยะที่ 1 ตรวจสอบจำนวน 11 เป้าหมาย มีเอกสารสิทธิจำนวน 49 แปลง เนื้อที่ประมาณ 524 กว่าไร่ เสนอเพิกถอนแล้ว 1 เป้าหมาย ระยะที่ 2 ตรวจสอบจำนวน 9 เป้าหมาย มีเอกสารสิทธิ 12 แปลง เนื้อที่ประมาณ 700 กว่าไร่ เสนอเพิกถอนแล้ว 3 เป้าหมาย
ระยะที่ 3 จำนวน 6 เป้าหมาย มีเอกสารสิทธิจำนวน 20 แปลง เสนอเพิกถอนทั้ง 20 แปลง เนื้อที่ประมาณ 320 ไร่ มูลค่าประมาณ 6,000 ไร่ ประกอบด้วยแปลงโฉนดเลขที่ 38828, 38832, 38831, 38834, 38833, 38829, 38887, 9441, 9452, 6288, 47182, 8227, 8228, 8226, 6746, 6747 นอกจากนั้น ยังมีเอกสารสิทธิที่ดินที่ออกจาก ส.ค.1 เลขที่ 9, เลขที่ 14, เลขที่ 56 และเลขที่ 2 โดยทั้งหมดอยู่ในพื้นที่ ม.2 ต.สาคู อ.ถลาง จ.ภูเก็ต
อย่างไรก็ตาม ในการดำเนินการที่ผ่านมามีปัญหาอุปสรรคมากมายในการทำงาน ซึ่งปัญหาที่พบขณะนี้ คือ คดีฟ้องร้องในระยะที่ 1 จำนวน 11 เป้าหมาย พื้นที่ประมาณ 524 ไร่ ยังติดอยู่ในชั้นพนักงานสอบสวน ซึ่งอาจไม่มีการสั่งฟ้อง จุดนี้กรมอุทยานฯอาจจะก็จะต้องดำเนินการฟ้องเอง ซึ่งการฟ้องร้องเองก็มีปัญหาอีก เนื่องจากในกรมอุทยานฯ มีนักกฎหมายไม่เพียงพอ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้มีความเห็นว่า ควรจะจ้างกลุ่มบริษัทที่ปรึกษาเข้ามาทำคดีดังกล่าว โดยจะใช้งบประมาณจากเงินรายได้มาดำเนินการ เพื่อให้คดีเดินหน้าต่อ เชื่อว่าถ้าทำได้ปัญหาเหล่านี้ก็จะหมดไป
ขณะที่นายชีวะภาพ ชีวะธรรม หัวหน้าอุทยานแห่งชาติสิรินาถ หาดในยาง จ.ภูเก็ต กล่าวว่า ในส่วนของการยื่นเสนอเพิกถอน 20 แปลง ในระยะที่ 3 ขณะนี้ได้ส่งข้อมูลทั้งหมดไปที่ คณะทำงานอรรถคดี ของกรมอุทยานฯ ซึ่งเป็นคณะทำงานที่ตั้งขึ้นมาเพื่อดูแลคดีบุกรุกฯ ของ อุทยานแห่งชาติสิรินาถ เป็นพิเศษ โดยคณะทำงานจะมีการกลั่นกรองข้อมูลเอกสารทั้งหมดเพื่อให้มีความครบถ้วนสมบูรณ์ โดยมีการประชุมกันสัปดาห์ละ 1 ครั้ง ก่อนจะมีการเสนอให้กรมที่ดินพิจารณาเพิกถอน ซึ่งภายในเดือนเมษายน คาดว่า จะสามารถเสนอเพิกถอนได้ก่อนประมาณ 7 แปลง
อย่างไรก็ตาม นอกจากจะมีการเสนอเพิกถอนเอกสารสิทธิแล้ว การตรวจสอบการออกเอกสารสิทธิที่ดินในเขตอุทยานแห่งชาติ ตามยุทธการทวงคืนผืนป่า ส่งผลให้มีการตั้งกรรมการสอบสวนทางวินัยอย่างร้ายแรงกับอดีตหัวหน้าอุทยานแห่งชาติสิรินาถ จำนวน 5 คน ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่า ข้าราชการดังกล่าวไม่ปฏิบัติตามระเบียบที่เกี่ยวข้อง โดยขณะนี้ได้มีการแจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้แล้ว
นายชีวะภาพ กล่าวอีกว่า สำหรับการตรวจสอบปัญหาการบุกรุกที่ดินอุทยานแห่งชาติสิรินาถ ขอยืนยันว่า จะยังคงเดินหน้าทำงานอย่างเต็มที่ แม้ว่าการทำงานที่ผ่านมาตนและนายดำรงค์ พิเดช อดีตอธิบดีกรมอุทยานฯ จะถูกฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายเป็นวงเงินสูงถึง 45 ล้านบาท กรณีเข้าจับกุม และตรวจสอบเอกสารสิทธิบ้านหรูของชาวต่างชาติ ก็ตาม แต่ตนและเจ้าหน้าที่ยังพร้อมที่จะเดินหน้าทำงานต่อไปเพื่อที่จะทวงคืนผืนป่ากลับมาเป็นสมบัติของชาติ แต่การทำงานจะต้องมีความรัดกุมและมีหลักฐานที่แน่นขึ้น รวมทั้งจะต้องให้ความยุติธรรมกับทุกฝ่าย เพราะการทำงาน ณ จุดนี้มีความเสี่ยงที่จะถูกฟ้องร้องอย่างแน่นอน แต่ตนก็พร้อมอย่างเต็มที่ที่จะทำงานในชุดนี้เพื่อใช้เป็นโมเดล หรือตัวอย่างเพื่อนำไปใช้แก้ไขปัญหาการบุกรุกพื้นที่ป่าไม้ของอุทยานแห่งชาติที่อื่นๆ ต่อไป
สำหรับภาระหน้าที่ของเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติ คือ จะต้องรักษาพื้นที่ป่าไม้ไว้ ซึ่งขณะนี้ในส่วนของอุทยานแห่งชาติสิรินาถพบว่ามีเนื้อที่ทั้งหมดประมาณ 52,000 ไร่ แบ่งเป็นพื้นที่บนบก 12,000 ไร่ ส่วนที่เหลือเป็นพื้นที่ที่อยู่ในทะเล แต่อย่างไรก็ตามในส่วนของพื้นที่บนบกจำนวน 12,000 ไร่ จากการตรวจสอบพบหลักฐานยืนยันว่า มีการบุกรุกออกเอกสารสิทธิไปแล้วประมาณ 1,500 ไร่ และเชื่อว่าขณะนี้ยังมีการบุกรุกอีกจำนวนมาก
ทั้งนี้ ปลัดกระทรวงได้มอบหมายให้เร่งมีการตรวจสอบโดยเฉพาะการบุกรุกที่ยังไม่มีการก่อสร้างขอให้ดำเนินการยึดกลับมาเป็นของหลวงโดยเร็วที่สุด เพราะพื้นที่เหล่านี้ยังสามารถฟื้นฟูให้เป็นพื้นที่ป่าต่อไปได้ แต่กรณีที่มีการบุกรุกและสร้างสิ่งปลูกสร้างแล้วการจะยึดมาเป็นพื้นที่ป่ากลับทำได้ยาก และส่งผลกระทบเป็นลูกโซ่ แต่อย่างไรก็ตามจะต้องตามทวงคืนมาให้ได้มากที่สุด เพื่อคืนธรรมชาติและป่าไม้ที่สมบูรณ์ให้กับอุทยานแห่งชาติสิรินาถต่อไป ซึ่งปัจจุบันนี้พบว่าพื้นที่ป่าไม้สมบูรณ์ในเขตอุทยานแห่งชาติสิรินาถเหลือแค่ประมาณ 10% นั้น
สำหรับการทำงานในการทวงคืนผืนป่ากลับมาเป็นของชาตินั้น นายชีวะภาพ กล่าวว่ามีปัญหามากมาย โดยเฉพาะในส่วนของการตรวจสอบระวางที่ดิน ซึ่งกรมอุทยานฯไม่มีข้อมูลในเรื่องนี้ จะต้องอาศัยหน่วยงานอื่นเข้ามาช่วยเหลือ ซึ่งถ้ามีข้อมูลเกี่ยวกับระวางที่ดินเชื่อว่าการตรวจสอบปัญหาการบุกรุกที่ดินในเขตอุทยานแห่งชาติสิรินาถจะสามารถทำได้เร็วขึ้นอย่างแน่นอน