xs
xsm
sm
md
lg

จะต้องอีกกี่หยดน้ำตาของ “ชาวยะลา” กับการแสวงหาความสงบสุขบนแผ่นดินปลายด้ามขวาน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


 
เรื่อง/ภาพโดย...เอกรักษ์ ศรีรุ่ง
 
ย้อนกลับไป 2 ปีที่แล้ว วันที่ 31 มีนาคม 2555 เวลาประมาณ 13.30 น. เกิดเหตุคาร์บอมบ์หน้าร้านข้าวมันไก่ ซึ่งตั้งอยู่บนถนนรวมมิตร เขตเทศบาลนครยะลา ถือเป็นถนนย่านการค้าและแหล่งบันเทิงของเมืองยะลา สิ้นเสียงระเบิดอาคารร้านค้าแถวนั้นพังยับ มีผู้ได้รับบาดเจ็บและล้มตายในที่เกิดเหตุทันทีจำนวนหลายราย
 
หลังเกิดเหตุไม่นานเจ้าหน้าที่ทุกหน่วยทั้งตำรวจ ทหาร และมูลนิธิกู้ภัยมุ่งหน้าเข้าที่เกิดเหตุ เพื่อช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ และเสียชีวิต พร้อมทั้งลำเลียงส่งไปยังโรงพยาบาลยะลา เหตุการณ์ชุลมุนวุ่นวายโดยฉับพลัน ไม่นานนักหลังจากระเบิดลูกแรกทำงานไป ก็เกิดระเบิดคาร์บอมบ์ลูกที่ 2 ที่ถูกซุกซ่อนไว้ในรถยนต์กระบะโตโยต้าสีขาวบนถนนเส้นเดียวกัน ห่างออกไปประมาณ 200 เมตร เสียงตูมสนั่นไปทั่งเมือง เปลวไฟลุกท่วม เสียงโอดครวญร่ำร้องระงมไปทั่วบริเวณ บ้านเมืองพังพินาศย่อยยับ ทุกอย่างราพณาสูร
 

 
สรุปเหตุครั้งนั้นมีผู้เสียชีวิต 12 ราย บาดเจ็บร่วม 100 คน ความเสียหายทางเศรษฐกิจของบ้านเมืองมากมายมหาศาล ถนนรวมมิตรเงียบเป็นป่าช้า กว่าจะฟื้นคืนขวัญกำลังใจของชาวยะลาก็คงยาก จนภาครัฐต้องปรับแผนด้วยการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุคือ นำท่อระบายน้ำมาทำบังเกอร์ป้องกันระเบิด
 
มองดูแล้ว..รู้สึกหดหู่ นี่มันเมืองไทยหรืออย่างไร?!
 
ยะลา เมืองน่าอยู่....หายไปไหน?!
 

 
จนล่าสุด เมื่อวันที่ 6 เมษายน 2557 เสียงก้องแผดดังของทูตมรณะในเวลา 15.55 น. เกิดขึ้นอีกครั้ง คนร้ายซุกระเบิดแสวงเครื่องในรถยนต์กระบะมาจอดหน้าร้านราชาเฟอร์นิเจอร์ ถนนสิโรรส ซึ่งอยู่ห่างจากจุดตรวจเจ้าหน้าที่ตำรวจป้อมยามสิโรรสไม่ถึง 50 เมตร แรงระเบิดกึกก้องในทันใด ปรากฏเปลวเพลิงลุกลามร้านราชาเฟอร์นิเจอร์ และต่อมา มีระเบิดต่อเนื่องกันเป็นระยะ ก่อนจะพลบค่ำยะลาถูกก่อวินาศกรรมด้วยระเบิด ถึง 4 ลูก
 
รุ่งเช้าของวันที่ 7 เมษายน 2557 มหาวิปโยคโศกนาศกรรมเมืองยะลายังไม่จบสิ้น คนร้ายลอบวางระเบิดร้านสะดวกซื้อ และวางเพลิงโกดังสินค้ารวมแล้วอีก 4 จุด “โกดังศรีสมัยค้าส่ง” วอดทั้งหลัง ความเสียหายมูลค่านับร้อยล้านบาท
 
ถือเป็นความเป็นความหดหู่จากปัญหาไฟใต้ที่ลุกโชนอย่างเนืองๆ ตลอดเวลา 10 ปีที่ผ่านมา หลายฝ่ายมองไปยัง “พล.ท.วลิต โรจนภักดี” แม่ทัพภาค 4 คนใหม่ ซึ่งเดินทางมารับตำแหน่งผู้อำนวยการกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ต่อจาก “พล.ท.สกล ชื่นตระกูล” เมื่อวันที่ 3 เมษายน 2557 ที่ผ่านมา ซึ่งอยู่ในห้วงเวลาของสุญญากาศในการสั่งงานตามแผนยุทธการ
 

 
3 วันหลังจาก พล.ท.วลิต โรจนภักดี รับหน้าที่ผู้คุมหัวเมืองชายแดนใต้ก็เกิดเหตุระเบิดในเขตอำเภอเมือง จ.ยะลา ถึง 8 จุด ในห้วงเวลา 2 วัน แม้ว่าหน่วยกำลังในพื้นที่จะเฝ้าระวังและเพิ่มมาตรการดูแล ป้องกัน ตรวจตราบุคคล รถยนต์ รถจักรยานยนต์ตามเป้าหมายที่ได้รับแจ้ง แต่กลุ่มผู้ไม่หวังดีต่อบ้านเมืองก็ได้แฝงตัวนำรถยนต์ที่ซุกระเบิดแสวงเครื่องน้ำหนักเกือบ 100 กิโลกรัมบรรจุในถังแก๊สหุงต้มซุกซ่อนดัดแปลงใส่ใต้ท้องรถยนต์กระบะที่ติดโลโก้องค์การปกครองส่วนท้องถิ่นที่ทำขึ้นมาง่ายๆ เพื่อตบตาเจ้าหน้าที่
 
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหลายฝ่ายมองว่า กลุ่มผู้ก่อเหตุความไม่สงบได้แสดงศักยภาพให้แม่ทัพภาค 4 คนใหม่ เห็นว่า บ้านเมืองแห่งนี้ยังไม่ต้องการความสงบสุข หรือเกิดสันติสุขอย่างที่ใครๆ กล่าวอ้างไว้ แสดงถึงการต้อนรับผู้คุมกำลังพลคนใหม่ในพื้นที่ชายแดนใต้
 
แต่..ได้แฝงไปด้วยนัยต่างๆ ที่รุมเร้าให้เกิดความไม่สงบสุขในบ้านเมือง!!
 

 
ทั้งหน่วยงานความมั่นคง และหน่วยงานหลักในการพัฒนาพื้นที่เองก็ใช่ว่าจะมีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งแนบแน่น ความเป็นเอกภาพในการร่วมแก้ไขปัญหาเป็นเพียงมโนภาพที่ถูกสร้างขึ้นมาให้ประชาชนมองเห็นและชี้นำไปอย่างที่ต้องการ 
 
แท้จริงแล้วหน่วยงานความมั่นคงทั้งตำรวจและทหารก็ยังคงมีความขัดแย้งในการปฏิบัติหน้าที่ต่อกัน หน่วยงานด้านการพัฒนาพื้นที่ ซึ่งเป็นตัวหลักในการนำเงินงบประมาณลงมาแก้ไขปัญหาก็เน่าเฟะ เพราะถลุงงบประมาณกันบานเบอะ แม้จะไม่สร้างปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างชัดเจน แต่ถือเป็นการสร้างเงื่อนไขต่อพื้นที่ให้ทับถมยาวนานยิ่งขึ้น
 

 
ตั้งแต่ปี 2547 ซึ่งเป็นจุดเริ่มของชนวนไฟใต้ รัฐบาลทุ่มเงินงบประมาณในการแก้ไขปัญหาลงมายังพื้นที่ 3 จังหวัดปลายด้ามขวานแห่งนี้ไปแล้วราวๆ 2 แสนล้านบาทเศษ โดยล่าสุด รัฐบาลมีการตั้งงบประมาณเพื่อแก้ไขปัญหาความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชาแดนภาคใต้ประจำปี 2557 ไว้ที่ 25,921 ล้านบาท
 
หากย้อนกลับไปดูสถิติงบประมาณซึ่งเป็นฐานข้อมูลจากสำนักงบประมาณได้แจกแจงงบประมาณดับไฟใต้ตั้งแต่ปีงบประมาณ 2547 จนถึงปีงบประมาณ 2557 เอาไว้ดังนี้ ปี 2547 จำนวน 13,450 ล้านบาท, ปี 2548 จำนวน 13,674 ล้านบาท, ปี 2549 จำนวน 14,207 ล้านบาท, ปี 2550 จำนวน 17,526 ล้านบาท, ปี 2551 จำนวน 22,988 ล้านบาท, ปี 2552 จำนวน 27,547 ล้านบาท, ปี 2553 จำนวน 16,507 ล้านบาท, ปี 2554 จำนวน 19,102 ล้านบาท, ปี 2555 จำนวน 16,277 ล้านบาท, ปี 2556 จำนวน 21,124 ล้านบาท และปี 2557 จำนวน 25,921 ล้านบาท
 
รวมระยะ 11 ปีรัฐบาลทุกชุดทุ่มงบดับไฟใต้ไปแล้วทั้งสิ้น 208,323 ล้านบาทเศษ โดยในจำนวนนี้ไม่รวมกับงบกลาง งบลับ ซึ่งหน่วยงานต่างๆ เช่น ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) และกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) ขอเบิกจ่ายเพิ่มเติมระหว่างปีอีกเป็นจำนวนมาก
 

 
ขณะเดียวกัน 10 ปีที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่สามารถพิสูจน์ทราบเครือข่ายผู้ก่อความไม่สงบได้จำนวน 11,189 คน เป็นผู้ร่วมขบวนการระดับต่างๆ ได้แก่ กลุ่มอูลามา หรือผู้นำทางจิตวิญาณ 314 คน แกนนำระดับสั่งการ 207 คน แนวร่วมอาร์เคเค หรือกลุ่มกลุ่มติดอาวุธออกปฏิบัติการ 2,291 คน แนวร่วมก่อกวน หรือคอยให้ความช่วยเหลือ 5,979 คน และแกนนำอื่นที่รวมถึงผู้มีความฝักใฝ่ทางความคิดอีก 1,118 คน
 
แต่อีกด้านหนึ่งของบ้านเมืองที่ขึ้นชื่อว่าเป็นดินแดนแห่งเสียงระเบิด และควันปืน เศรษฐกิจในพื้นที่กำลังเติบโตขึ้นอย่างช้าๆ ในสถานการณ์บ้านเมืองที่น่ากลัวร้านค้า ร้านอาหาร ร้านขายเสื้อผ้า และธุรกิจเล็กๆ น้อยๆ ผุดขึ้นเป็นดอกเห็ด ราคาบ้านจัดสรร บ้านปลูกสร้างใหม่ และราคาที่ดินสูงขึ้นจนน่าตกใจ หรืออาจจะแพงกว่าจังหวัดใกล้เคียงด้วยซ้ำไป
 
แต่ที่เหลือเชื่อก็คือ กำลังซื้อของคนในพื้นที่มีศักยภาพมากพอที่จะสอดรับกับธุรกิจที่กำลังเติบโต คนนอกเมืองขายที่ดินเข้ามาอยู่ในเมืองกันมากขึ้น ส่วนคนในเมืองที่ทนกับสภาวะปัจจุบันไม่ไหวก็ย้ายกิจการ บ้านเรือน หรือย้ายถิ่นฐานไปอยู่ที่อื่นก็ยังคงมีอยู่
 

 
บทสรุปสุดท้ายของปัญหาไฟใต้ก็เปรียบได้เสมือนคนที่เป็นโรคร้าย หาหนทางรักษาให้หายขาดไม่ได้ ทำได้เพียงดูแลอาการให้ทรงตัว ไม่ทรุดหนัก และป้องกันไม่ให้เกิดโรคภัยแทรกซ้อนที่อาจจะทำร้ายให้ร่างกายอ่อนแอลง 
 
กระนั้นก็ตาม ภัยแทรกซ้อนที่แฝงตัวมากับโรคร้าย หลบซ่อนอยู่ในมุมมืดของสังคม แอบเกาะกิน เลีย แทะเล็มก็ยังคงมีให้เห็นอยู่กลาดเกลื่อน
 
ผู้โชคร้ายที่สุดก็คือ ประชาชนในพื้นที่ที่จะต้องเฝ้ารอเผชิญชะตากรรมแบบไร้หนทางเห็นแสงสว่าง ดั่งความคิดของรัฐบาลที่เพียงแค่วาดความฝันไว้ให้คนชายแดนใต้ได้คิดว่า “ความสงบสุข” มีอยู่จริง และจะมีอีกกี่หยดน้ำตาของชาวยะลา และชาวจังหวัดชายแดนภาคใต้ที่จะต้องร่ำไห้กับเหตุการณ์แบบนี้ไปอีกนานเท่าใด
 
 
 

กำลังโหลดความคิดเห็น