ปัตตานี - ตำรวจสืบปัตตานี มั่วกล่าวหา “มูฮาหมัดอัณวัร” ผู้ต้องสงสัยฆ่าพระ และราษฎรที่บ้านศาลาใหม่ อ.แม่ลาน ขณะที่ผู้ต้องสงสัยต้องโทษในเรือนจำกลางปัตตานีมาแล้วกว่า 10 เดือน สร้างความตกใจให้แก่พ่อแม่ และญาติพี่น้อง พร้อมร้องขอความเป็นธรรม
วันนี้ (23 มี.ค.) ที่บ้านเลขที่ 35 ม.3 ในเขตเทศบาลตำบลยะรัง อ.ยะรัง จ.ปัตตานี ซึ่งเป็นบ้านของพ่อแม่ นายมูฮาหมัดอัณวัร หะยีเต๊ะ ผู้ต้องโทษในคดีความมั่นคง เป็นสมาชิกแนวร่วมกลุ่มบีอาร์เอ็น (BRN) ถูกศาลฎีกายื่นคำพิพากษาของศาลชั้นต้นให้จำคุก 12 ปี ถึงแม้ในศาลชั้นอุทธรณ์ ได้มีคำพิพากษาให้ยกฟ้อง หลังจากที่พยานจำเลยได้ยืนยันความบริสุทธิ์ของผู้ต้องหาแล้วก็ตาม ซึ่งขณะนี้ นายมูฮาหมัดอัณวัร หะยีเต๊ะ ถูกขังในเรือนจำกลางปัตตานี มาแล้ว 10 เดือนกับ 23 วัน เริ่มตั้งแต่ 1 พ.ค.56 ท่ามกลางความเสียใจ และครวญหาความเป็นธรรมให้แก่ผู้ต้องโทษ และครอบครัว ที่ต้องตกเป็นเหยื่อของสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่
ล่าสุด น.ส.รอมือละห์ แซเยะ ภรรยาของนายมูฮาหมัดอัณวัร เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า เมื่อเวลา 10.30 น. ของวันที่ 22 มี.ค.ที่ผ่านมา ได้มี ร.ต.ท.ชัชวาล บาซาเปียน รอง สวป.สภ.ยะรัง นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาที่บ้านหลังนี้ พร้อมด้วยหนังสือคำสั่งของผู้บังคับบัญชา ให้มีการตรวจค้นบ้านหลังดังกล่าว เพื่อเก็บตัวอย่างสารพันธุกรรม (DNA) ของนายมูฮาหมัดอัณวัร หะยีเต๊ะ โดยอ้างหนังสือคำสั่งของผู้บังคับบัญชา เลขที่ 00254194/973 ให้ดำเนินการดังกล่าว หลังได้รับการขอความร่วมมือจาก สภ.แม่ลาน เนื่องจากทางพนักงานสืบสวนและสอบสวนของ สภ.แม่ลาน เชื่อว่า นายมูฮาหมัดอัณวัร หะยีเต๊ะ ตกเป็นผู้ต้องสงสัยร่วมกันก่อเหตุยิงพระ และราษฎรไทยพุทธ เสียชีวิต 4 ราย และได้รับบาดเจ็บอีก 7 ราย ในพื้นที่บ้านศาลาใหม่ ต.แม่ลาน อ.แม่ลาน เหตุเกิดเมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 57
จากการเข้ามาของเจ้าหน้าที่ในครั้งนี้ สร้างความวิตกกังวล สร้างความไม่สบายใจให้แก่ น.ส.รอมือละห์ แซเยะ ภรรยาของนายมูฮาหมัดอัณวัร และพ่อแม่ เป็นอย่างมาก เพราะเสียใจกับลูกชายที่ต้องโทษ ทั้งที่ตัวเองไม่ได้เป็นฝ่ายกระทำ เหตุการณ์ในครั้งนี้ยิ่งตอกย้ำให้แก่ลูกชายได้ดีว่าถูกเจ้าหน้าที่กลั่นแกล้ง ถึงต้องรับโทษ
นางมารีเย๊าะ หะยีเต๊ะ มารดาของนายมูฮาหมัดอัณวัร เผยกับผู้สื่อข่าวว่า ทุกวันนี้เราต้องได้รับกับความเจ็บปวดจากการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐมามากพอแล้ว จนลูกตัวเองต้องติดคุกติดตะราง ทั้งที่ลูกไม่ได้กระทำ เมื่อเป็นคำพิพากษาสูงสุดของศาลฎีกา จำต้องเคารพรับคำพิพากษาของศาล แต่จิตใจได้เพียงแต่ครวญหาความเป็นธรรมให้แก่ลูกชาย และครอบครัวมาโดยตลอด
นึกไม่ถึงว่าเจ้าหน้าที่มุ่งแต่ใส่ความลูกชาย กล่าวหาลูกชายตกเป็นผู้ต้องสงสัย ร่วมกันฆ่าพระและราษฎรไทยพุทธ ที่กำลังเตรียมตักบาตรให้พระ ทั้งที่รู้ชัดว่าลูกชายต้องจำที่เรือนจำกลางปัตตานี ถือโชคดีรอดตัวไป แต่ถ้าหากลูกชายอยู่นอกเรือนจำ จะต้องถูกดำเนินคดีตามที่เจ้าหน้าที่กล่าวหาใช่หรือไม่
“จึงอยากให้หน่วยงานยุติธรรมในพื้นที่ ควรมีการตั้งคณะกรรมการสอบเจ้าพนักงานสืบสวน และสอบสวนที่ปฏิบัติหน้าที่ในลักษณะนี้ไว้เป็นเยี่ยงอย่าง เพราะจะยิ่งสร้างความไม่เชื่อมั่นต่อกระบวนการยุติธรรมของไทย ที่กระทำต่อพี่น้องในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้มากยิ่งขึ้น และจะกลายเป็นการสร้างเงื่อนไขของเหตุรุนแรงในพื้นที่มากยิ่งขึ้น”
เพื่อเป็นการสร้างบรรทัดฐานใหม่ในเรื่องการให้ความเป็นธรรมในชั้นสืบสวน และสอบสวน ผู้บังคับบัญชาควรที่จะมีการตั้งกรรมการสอบ และกำหนดโทษให้กับเจ้าหน้าที่เป็นกรณีตัวอย่าง นางมารีเย๊าะ กล่าว