ปัตตานี - ภรรยา “มูฮาหมัด อัณวัร” เข้าพบทนายความมุสลิมร้องขอความเป็นธรรมเหตุเจ้าหน้าที่กล่าวหาสามีตนยิงราษฎรไทยพุทธ เสียชีวิต เมื่อวันที่ 13 ก.พ.57 ที่ผ่านมา ทั้งที่เวลาดังกล่าวถูกจำคุกอยู่ในเรือนจำกลางปัตตานี ด้านทนายเผยจับโดยไม่มีหมายศาล เจ้าหน้าที่รับเกิดความผิดพลาดเหตุจากพยานชี้รูปผิดคน
วันนี้ (24 มี.ค.) ที่มูลนิธิศูนย์ทนายความมุสลิมปัตตานี น.ส.รอมือละห์ แซเยะ ได้เดินทางมาพบทนายความมุสลิม เพื่อร้องเรียนความเป็นธรรม กรณีที่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ยะรัง นำกำลังแสดงตนเพื่อการตรวจค้นบ้านเพื่อตรวจเก็บตัวอย่างสารพันธุกรรม เนื่องจากตกเป็นผู้ต้องสงสัยก่อเหตุยิงพระสงฆ์ และราษฎรไทยพุทธเสียชีวิต 4 ราย บาดเจ็บอีก 7 ราย เหตุเกิดเมื่อ 13 กุมภาพันธ์ 57 ที่ผ่านมา ขณะที่นายมูฮาหมัด อัณวัร ถูกขังในเรือนจำกลางปัตตานีมาตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 56 ทำให้ครอบครัวต้องตกใจ และไม่สบายใจต่อคำกล่าวหาของเจ้าหน้าที่ในครั้งนี้ โดยเฉพาะ นางมารีเย๊าะ หะยีเต๊ะ วัย 62 ปี แม่ของมูฮาหมัด อัณวัร กำลังป่วยเป็นโรคหัวใจ ไม่สามารถรับรู้กับเหตุการณ์ได้
โดยมีนายอับดุลกอฮาร์ อาแวปูเต๊ะ ประธานมูลนิธิศูนย์ทนายความมุสลิมปัตตานี ได้ลงมารับเรื่อง แล้วสอบถามถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น เพื่อหาทางให้การช่วยเหลือในเรื่องกฎหมายต่อไป น.ส.รอมือละห์ แซเยะ ได้เปิดเผยว่า การมาในพบทนายความในครั้งนี้เพื่อต้องการร้องเรียน และเรียกร้องความเป็นธรรมให้แก่สามี และครอบครัวจากกรณีดังกล่าว โดยเฉพาะกรณีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ระบุว่า นายมูฮาหมัด อัณวัร หะยีเต๊ะ ตกเป็นผู้ต้องสงสัยในข้อหายิงพระสงฆ์ และราษฎรไทย-พุทธ แต่โชคดีที่เจ้าตัวไม่ได้อยู่ เพราะถูกจำคุกในเรือนจำตั้งแต่ 1 พฤษภาคม 56 จะทำให้ข้อกล่าวหานั้นจะส่งผลต่อสามีอย่างไร และอยากเรียกร้องให้ผู้บังคับบัญชาของกรมตำรวจดำเนินการลบล้างข้อกล่าวหาให้แก่สามี และครอบครัว เพื่อไม่ให้เกิดกรณีเช่นนี้อีกต่อไป
ด้านนายอับดุลกอฮาร์ อาแวปูเต๊ะ ประธานมูลนิธิศูนย์ทนายความฯ ได้กล่าวไว้ว่า กรณีการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจในวันนั้นนำเพียงแค่หนังสือใบสั่งของสายบังคับบัญชา ที่ขอความอนุเคราะห์จาก สภ.แม่ลาน เพื่อให้ตำรวจ สภ.ยะรัง เข้าทำการพิสูจน์ตัวอย่างสารพันธุกรรม (DNA) ของนายมูฮาหมัด อัณวัร โดยที่ไม่มีหมายศาล หรือหมายค้นที่ถูกหลักตามกฎหมายแต่อย่างใด
ความจริงแล้วเจ้าหน้าที่ในพื้นที่สามารถที่จะใช้กฎอัยการศึก หรือใช้อำนาจ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ในการแสดงตนเพื่อการตรวจค้น หรือเพื่อเชิญตัวผู้ต้องสงสัยเพื่อตรวจสารพันธุกรรม (DNA) แต่กรณีเช่นนี้ตามเอกสารที่เจ้าหน้าที่ถือมาเพื่อแสดงตนตรวจค้นนั้น เป็นเพียงหนังสือขอความอนุเคราะห์ของ สภ.แม่ลาน จึงเป็นสิทธิของผู้ต้องสงสัยที่จะปฏิเสธ ไม่ยอมให้ตรวจสอบได้ แต่กรณีข้อมูลของผู้ต้องสงสัยระบุไว้ชัดว่า ผู้ต้องสงสัยเป็นนายมูฮาหมัด อัณวัร เพียงคนเดียว แต่ทำไมในเอกสารกลับให้มีการตรวจทั้งบิดา มารดา และคนในครอบครัวด้วย ทั้งๆ ที่ไม่ได้เกี่ยวกับผู้ต้องสงสัยแต่อย่างใด
โดยเฉพาะในหนังสือบันทึกข้อความของ สภ.แม่ลาน ที่ระบุว่า มาจากการสอบปากคำประชาชนที่อยู่ในพื้นที่เหตุการณ์ และมีบ้านอยู่ใกล้เคียงกับที่เกิดเหตุ ทราบว่าบุคคลที่ให้ข่าวสงสัยว่าจะมาก่อเหตุกรณีใช้อาวุธปืนในครั้งนี้คือ นายมูมูฮาหมัด อัณวัร หะยีเต๊ะ ที่อยู่ 35 ม.3 ต.ยะรัง อ.ยะรัง จ.ปัตตานี ซึ่งถือได้ว่าข้อมูลที่ไม่ได้ผ่านการตรวจสอบข้อเท็จจริงที่ถูกต้อง มีพยานหลักฐานที่อ่อนมาก ซึ่งกรณีของนายมูฮาหมัด อัณวัร สังคมทั่วไปรับรู้มาโดยตลอดว่าถูกศาลฎีกาพิพากษาจำคุก 12 ปี เริ่มเมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 56 จนถึงวันนี้สิบเดือนเศษ
แสดงว่าเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนใช้ข้อมูลของตัวเองเป็นที่ตั้ง โดยไม่คำนึงถึงความถูกต้องของการยึดถือและนำปฏิบัติ จะเห็นได้ว่าคนที่ตกเป็นผู้ต้องหา หรือผู้ที่ตกเป็นจำเลย แม้ศาลได้มีคำพิพากษายกฟ้องแล้ว ก็ยังถูกอายัดตัวเพื่อดำเนินใหม่ต่อไป ซึ่งทำให้ประชาชนต้องได้รับความเดือดร้อนไม่มีที่สิ้นสุด ส่วนความเสียหายกรณีเช่นนี้ทางภรรยาของผู้ถูกกล่าวหาให้การว่าครอบครัวเขาได้รับความเสียหายจากเจ้าหน้าที่ตำรวจในครั้งนี้ โดยเฉพาะแม่ที่กำลังป่วยเป็นโรคหัวใจ ที่แพทย์ไม่ให้รับรู้กับเรื่องที่อาจทำให้ส่งผลกระทบต่อหัวใจได้
ด้าน พ.ต.อ.สาธิต พลพินิจ ผกก.สภ.แม่ลาน จ.ปัตตานี ได้กล่าวกรณีดังกล่าวว่าเป็นการผิดพลาดของเจ้าหน้าในระหว่างที่นำรูปถ่ายผู้ต้องสงสัยก่อเหตุความไม่สงบในพื้นที่ทั้งหมดมาให้พยานในที่เกิดเหตุดู โดยที่ไม่ได้ตรวจสอบมาก่อนว่า ผู้ต้องสงสัยได้ถูกขังอยู่ในเรือนจำก่อนแล้ว เมื่อเจ้าหน้าที่ได้ดำเนินการตรวจสอบไปที่บ้านของผู้ที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้ต้องสงสัยก่อเหตุกราดยิงพระสงฆ์ และราษฎรไทย-พุทธ เมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 57 ที่ผ่านมา ปรากฏว่าผู้ต้องสงสัยดังกล่าวถูกขังอยู่ในเรือนจำกลางปัตตานี ตั้งแต่ 1 พฤษภาคม 56 จึงได้สั่งการให้ตัดประเด็นบุคคลดังกล่าวทิ้งทันที