xs
xsm
sm
md
lg

อุทธรณ์ยืนจำคุก 10 ปี อดีตตำรวจคูคต ลอบขนเอ็ม 79 ช่วงม็อบแดงปี 53

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม


ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนจำคุก 10 ปี “จ.ส.ต.ปริญญา” อดีตตำรวจคูคต ลอบขนระเบิดเอ็ม 79 ฝ่าด่านตรวจช่วงเสื้่อแดงชุมนุมย่านดอนเมืองปี 53 ชี้ผลตรวจดีเอ็นเอตรงกับจำเลย

ที่ห้องพิจารณา 604 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก วันนี้ (19 ธ.ค.) เวลา 10.30 น. ศาลอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ คดีหมายเลขดำ อ.1121/2554 ที่อัยการฝ่ายคดีพิเศษ 4 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง จ.ส.ต.ปริญญา มณีโคตม์ อายุ 40 ปี อดีต ผบ.หมู่งานป้องกันปราบปราม สภ.คูคต จ.ปทุมธานี เป็นจำเลยในความผิดฐานมีกระสุน เครื่องกระสุน และอาวุธสงครามที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ได้ไว้ในครอบครอง ตาม พ.ร.บ.อาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา 4, 55 และ 78

โดยอัยการยื่นฟ้องเมื่อวันที่ 3 มี.ค. 2554 ระบุความผิดสรุปว่า เมื่อวันที่ 28 เม.ย. 2553 จำเลยมีลูกระเบิดยิงขนาด 40 มม.แบบเอ็ม 79 ชนิดระเบิดเจาะเกราะ และชนวนแบบเอ็ม 403 สภาพพร้อมใช้งาน รวมจำนวน 62 นัด ซึ่งแรงระเบิดมีอานุภาพสังหารชีวิต มนุษย์ สัตว์ และทำลายทรัพย์สินเสียหายในรัศมีฉกรรจ์ 5 เมตร ไว้เพื่อจำหน่ายราคาลูกละ 1,200 บาท อันเป็นความผิดตามกฎหมาย ตามกฎกระทรวง ฉบับที่ 11 พ.ศ. 2522 ลงวันที่ 1 ก.ค. 2522 และออกตาม พ.ร.บ.อาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 เหตุเกิดที่ แขวงสนามบิน เขตดอนเมือง กทม. จำเลยให้การปฏิเสธโดยตลอด

ศาลชั้นต้น มีคำพิพากษา เมื่อวันที่ 31 ม.ค. 2556 ว่า จำเลยมีความผิดจริง ฐานครอบครองเครื่องกระสุนปืนที่นายทะเบียนไม่อนุญาต ตาม พ.ร.บ.อาวุธปืน ฯ ม. 55 และ ม.78 วรรค 1 ให้จำคุก 10 ปี และริบของกลาง ต่อมาจำเลยยื่นอุทธรณ์ ต่อสู้ว่าการตรวจสารพันธุกรรม (DNA) จากเส้นผมที่หมวกนิรภัยนั้นมีพิรุธ เนื่องจากก่อนตรวจพนักงานสอบสวนนำหมวกนิรภัยมาให้จำเลยสวมใส่ก่อน และพยานโจทก์เบิกความขัดกันในรายละเอียดเรื่องกล่องใส่ลูกระเบิด โดยพยานมีเวลาเห็นคนร้ายเพียง 2 นาทีเท่านั้น

ศาลอุทธรณ์ตรวจสำนวนปรึกษาหารือกันแล้วเห็นว่า โจทก์มีเจ้าหน้าที่ตำรวจ 2 นาย และพลทหาร 1 นาย ที่ประจำด่านตรวจความมั่นคง เบิกความสอดคล้องกันว่า เมื่อวันที่ 28 เม.ย. 2553 เจ้าหน้าที่ตำรวจร่วมกับทหารอากาศ ได้ตั้งด่านตรวจความมั่นคงที่ถนนวิภาวดี-รังสิต ย่านดอนเมือง ขณะเกิดเหตุเวลาประมาณ 16.00 น. ได้มีคนร้ายขี่จักรยานยนต์ทะเบียน พงน 68 กทม.ผ่านมาถึงด่านตรวจ เจ้าหน้าที่จึงได้เรียกให้หยุดรถเพื่อจะขอตรวจ แต่คนร้ายขี่รถฝ่าด่านตรวจ แต่ไปเจอด่านตรวจของทหารอากาศที่อยู่ห่างประมาณ 50 เมตร คนร้ายจึงขี่รถจักรยานยนต์หลบหนีไปทางหมู่บ้านบัณฑิตโฮม ซอยวิภาวดี 1 ที่เชื่อมกับ ซอยวิภาวดี 2 แต่เป็นทางตัน คนร้ายจึงทิ้งรถจักรยานยนต์แล้ววิ่งหลบหนีไป นอกจากนี้ยังมีเจ้าหน้าที่ทหารอีกนาย ที่วิ่งตามคนร้ายไปในซอย พบถุงที่ใส่โทรศัพท์มือถือและกระเป๋าเงินตกอยู่ จึงตรวจดูพบกระเป๋ามีบัตรประชาชน บัตรประตัวข้าราชการตำรวจ ใบขับขี่รถ และบัตรชมรมยิงปืนชื่อจำเลย ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงติดตามจับกุมจำเลยได้ ส่วนถุงพลาสติกที่อยู่กับรถจักรยานยนต์จำเลยภายในบรรจุลูกระเบิด M 79 จำนวน 62 ลูก

ที่จำเลยอ้างว่า เจ้าหน้าที่มีเวลา 2 นาทีเห็นหน้าคนร้ายนั้น ศาลเห็นว่าพยานโจทก์เป็นเจ้าหน้าที่ ได้รับมอบหมายจากผู้บังคับบัญชาให้ตั้งด่านตรวจความมั่นคง ซึ่งอยู่ในช่วงที่มีการประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ จะต้องให้ความสนใจและสังเกตการณ์ผู้ที่ผ่านด่านตรวจทุกคัน มากกว่าการตั้งด่านปกติ ขณะเกิดเหตุคนร้ายใส่หมวกนิรภัยลักษณะครึ่งใบ แบบเปิดหน้าไม่มีสิ่งใดมาปิดบังใบหน้า ดังนั้นเจ้าหน้าที่ย่อมสามารถมองเห็นคนร้ายได้ โดยเจ้าหน้าที่ประจำด่านตรวจ เบิกความยืนยันว่า จดจำใบหน้าของจำเลยได้อย่างแม่นยำ อีกทั้งพยานโจทก์ไม่เคยรู้จักกับจำเลยมาก่อน เชื่อว่าเบิกความตามจริง นอกจากนี้จากการตรวจ DNA จากเส้นผมจำนวนมากที่พบในหมวกนิรภัย เชื่อว่าเกิดจากจำเลยได้มีการสวมใส่หมวกนิรภะยมาก่อนเป็นระยะเวลานาน ซึ่งผลตรวจนั้นพบว่า DNA ตรงกับจำเลย ส่วนที่พยานประจำด่านตรวจทั้ง 3 ปากจะเบิกความแตกต่างกันบ้างนั้น เป็นในเรื่องรายละเอียดเกี่ยวกับกล่องบรรจุลูกระเบิดเท่านั้น ไม่ได้เป็นสาระสำคัญแห่งคดี อุทธรณ์ของจำเลยฟังไม่ขึ้นที่ศาลชั้นต้นพิพากษามานั้น ศาลอุทธรณ์เห็นพ้องด้วย พิพากษายืน

ภายหลัง จ.ส.ต.ปริญญา ซึ่งถูกคุมขังอยู่เรือนจำชั่วคราวหลักสี่ กล่าวว่า จะปรึกษากับทนายความก่อนว่าจะดำเนินการยื่นฎีกาต่อไปหรือไม่ โดยขณะนี้ถูกจำคุกมาแล้ว 3 ปีเศษ

อนึ่ง วันที่ 28 เม.ย.53 ที่ จ.ส.ต.ปริญญาถูกจับกุมนั้น เป็นช่วงที่เกิดเหตุการณ์ปะทะกันระหว่างคนเสื้อแดง กับเจ้าหน้าที่ทหาร บริเวณใกล้อนุสรณ์สถานแห่งชาติ ดอนเมือง โดยเหตุการณ์ครั้งนั้นมีทหารเสียชีวิต 1 นายและได้รับบาดเจ็บหลายราย



กำลังโหลดความคิดเห็น