พังงา - จังหวัดพังงา จัดพิธีวางเรือ ต.13 สู่ท้องทะเลหน้าชายหาดเขาหลัก จ.พังงา เพื่อเป็นอุทยานการเรียนรู้ใต้ทะเลตามพระราชเสาวนีย์ของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ
เมื่อเวลา 11.00 น. วันนี้ (22 มี.ค.) นาวาเอกนันทพล มาลารัตน์ รองเสนาธิการทัพเรือภาคที่ 3 พร้อมด้วย นายธำรงค์ เจริญกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดพังงา นายธเนศ มั่นน้อย ผู้อำนวยการศูนย์อนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 5 นายสมพงษ์ ดาววิเศษ ผู้ประกอบการโรงแรมโรงแรมลาฟลอร่า เขาหลัก จ.พังงา หัวหน้าส่วนราชการ ประชาชนชาวพังงา ร่วมพิธีวางพวงมาลากล่าวสดุดี และอำลาเรือ ต.13 ที่ปลดประจำการ ก่อนจะนำเรือวางลงสู่ท้องทะเลไทย เพื่อเป็นอุทยานการเรียนรู้ใต้ทะเล ตามพระราชเสาวนีย์ของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ณ เรือรบหลวงปัตตานี บริเวณพื้นที่ทะเลทางฝั่งตะวันตกห่างจากชายหาดเขาหลัก 10 กิโลเมตร อ.ตะกั่วป่า จ.พังงา ซึ่งทางกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ได้ร่วมกับจังหวัดพังงา กองทัพเรือ และผู้ประกอบการท่องเที่ยวในพื้นที่อำเภอตะกั่วป่า ดำเนินโครงการอุทยานการเรียนรู้ใต้ทะเลเพื่อการอนุรักษ์และฟื้นฟูระบบนิเวศ ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งจังหวัดพังงา โดยจัดวางเรือรบที่ปลดประจำการ เพื่อเป็นแหล่งท่องเที่ยวดำน้ำเชิงอนุรักษ์แห่งใหม่ ศึกษาธรรมชาติการเรียนรู้ใต้ท้องทะเล และแหล่งอนุบาลสัตว์น้ำวัยอ่อนในพื้นที่เพิ่มศักยภาพการท่องเที่ยวของอำเภอตะกั่วป่า จังหวัดพังงา
นายสมพงศ์ ดาวพิเศษ กรรมการผู้จัดการ โรงแรมลาฟลอร่า เขาหลัก จ.พังงา กล่าวว่า ทางจังหวัดพังงา ได้ร่วมกับผู้ประกอบการโรงแรม ภาคเอกชน ได้ร่วมกันนำเรือ ต.13 ของกองทัพเรือมาจัดสร้างปะการังเทียมเพื่อเพิ่มแหล่งดำน้ำแห่งใหม่ พร้อมจะให้ช่างออกแบบจัดสร้างประติมากรรมเชื่อมโยงเมืองเก่าตะกั่วป่า ไว้ภายในเรือ ต.13 เพื่อให้นักดำน้ำได้ลงไปชมประวัติความเป็นมาของเมืองเก่า ซึ่งเป็นการกระดุ้นกิจกรรมการท่องเที่ยวในประเทศไทย และยังเป็นปะการังเทียมแห่งใหม่ มีประโยชน์ในแง่ของการเพิ่มประชากรสัตว์น้ำ สำหรับการประมงบริเวณใกล้เคียง รวมทั้งสามารถใช้ปะการังเทียมดังกล่าวเป็นมาตรการจัดการประมงชายฝั่ง ป้องกันอวนลากอวนรุนเข้ามาแย่งพื้นที่หากินของประมงพื้นบ้านได้อีกด้วย จากการติดตามสำรวจของนักวิชาการพบว่า โครงการดังกล่าวประสบผลสำเร็จอย่างดียิ่ง มีปะการังอ่อน ปะการังแข็ง เช่น ปะการังเขากว้างมาเกาะ และเจริญเติบโตเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยตามธรรมชาติของสัตว์น้ำหลายชนิด กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญ เพราะนอกจากจะได้ดูปะการัง สัตว์น้ำที่สวยงามในท้องทะเลแล้ว ยังได้เห็นเรือรบหลวงในประวัติศาสตร์ที่หาดูไม่ได้อีกแล้วด้วย
สำหรับประวัติเรือเรือ ต.13 เป็นเรือตรวจการณ์ฝั่ง ประเภท PGM 71 สร้างที่อู่ Peterson Builders Inc. USA Wisconsin (ปีเตอร์สัน บิลเตอร์ มลรัฐวิสคอนซิน ประเทศสหรัฐอเมริกา) ตัวเรือสร้างด้วยเหล็กอาบสังกะสี ต่อเรียงโดยวิธีประสานส่วนประกอบตัวเรือสร้างด้วยอะลูมิเนียมผสม กองทัพเรือได้รับมอบเรือจากสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 5 มกราคม 2509 และได้เดินทางถึงประเทศไทยขึ้นระวางประจำการเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2509 ระวางขับน้ำหนักปกติ 140 ตัน ความยาว 30.30 เมตร ความกว้าง 6.40 เมตร กินน้ำลึก 1.70 เมตร อารุธปืนกล 40/60 มม. 1 กระบอก ปืนกล 20 มม.แท่นคู่ 2 แท่น 4 กระบอก ปืนกล .50 นิ้ว 2 กระบอก เครื่องจักร เครื่องยนต์ดีเซลหมุนเร็ว เกรย์มารีน จำนวน 2 เครื่อง กำลัง 2,000 แรงม้า ใบจักรคู่ ความเร็วสูงสุด 15.5 นอต มัธยัสถ์ 15 นอต รัศมีทำการที่ความเร็วสูงสุด 914.4 ไมล์ รัศมีทำการที่ความเร็วมัธยัสถ์ 1,411.4 ไมล์ ขึ้นระวางเรือประจำการชั้น 3 สังกัดหมู่เรือที่ 6 กองเรือตรวจอ่าว กองเรือยุทธการ อย่างไรก็ตาม อุทยานการเรียนรู้ใต้ท้องทะเล ตามพระราชเสาวนีย์ของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ จะลุล่วง และเจริญงอกงามได้ก็ต้องอาศัยประชาชนทุกคนที่จะต้องร่วมด้วยช่วยกันอนุรักษ์ให้คงอยู่คู่ทะเลต่อไป