ศูนย์ข่าวภูเก็ต - ธนาคารไทยพาณิชย์ จัดงานเสวนาภายใต้หัวข้อ “แนวโน้มเศรษฐกิจและการลงทุนรับอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต” ชี้การท่องเที่ยวภูเก็ตยังคงคึกคัก เป็นตัวหลักส่งผลให้มีรายได้ประชากรเติบโตต่อเนื่องและขับเคลื่อนเศรษฐกิจของภูเก็ตให้เติบโต พร้อมแนะลงทุนอสังหาฯ ชี้ผลตอบแทนสูง ด้าน ททท. ระบุเที่ยวบินเดินทางเข้าภูเก็ตไฮซีซันนี้เพิ่มสูงขึ้น 27% เมื่อเปรียบเทียบกับปีที่ผ่านมา ขณะที่ พลัส พร็อพเพอร์ตี้ เผยเทรนด์ปล่อยเช่าคอนโดฯ เติบโตสูงรับธุรกิจท่องเที่ยว ทำเลที่อยู่อาศัยบริเวณกะทู้ ร้อนแรงอานิสงส์จากหาดป่าตอง
ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) จัดงานเสวนาภายใต้หัวข้อ “แนวโน้มเศรษฐกิจและการลงทุนรับอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต”เมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2557 ณ โรงแรม รอยัล ภูเก็ต ซิตี้ จ.ภูเก็ต โดยเรียนเชิญผู้ทรงคุณวุฒิในแต่ละธุรกิจมาร่วมให้ข้อมูลความรู้ มีวัตถุประสงค์ให้ข้อมูลด้านภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศ การท่องเที่ยว และการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ในจังหวัดภูเก็ต ให้แก่นักธุรกิจ และนักลงทุนทางด้านอสังหาริมทรัพย์ มีการดำเนินการเสวนาทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ โดย นายวารินทร์ สัจเดว
น.ส.ศรีนรินทร์ เผ่าพงษ์ไพบูลย์ นักวิเคราะห์อาวุโส ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ เปิดเผยว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมจังหวัดภูเก็ต (GPP) มีสัดส่วนหลักมาจากภาคบริการ โดยเฉพาะการท่องเที่ยว ซึ่งภาคโรงแรม และร้านอาหารมีสัดส่วนสูงถึง 33% และอันดับ 2 จากการขนส่งอีก 23% และมีอัตราการเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมจังหวัดอยู่ที่ 8.7% สูงกว่าอัตราการเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ซึ่งเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 4% ต่อปี ทั้งนี้จำนวนผู้โดยสาร หรือนักท่องเที่ยวจะมาจากต่างประเทศมากกว่านักท่องเที่ยวจากในประเทศในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา (วัดจากจำนวนผู้โดยสารขาเข้าที่ใช้บริการสนามบินนานาชาติภูเก็ต) ทั้งนี้ พบว่าแม้ประเทศไทยจะมีปัญหาการเมืองในกรุงเทพฯ ก็ยังมีนักท่องเที่ยวเดินทางมาภูเก็ตอย่างต่อเนื่องในช่วงต้นปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจของภูเก็ตให้เติบโตต่อเนื่องแม้ว่าเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศอาจจะยังไม่สดใสก็ตาม
ความเจริญทางเศรษฐกิจดังกล่าวทำให้สังคมภูเก็ตยังเป็นสังคมที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งหมายถึงความต้องการด้านอุปโภคบริโภค รวมถึงที่อยู่อาศัย และธุรกิจบริการที่จะมีการขยายตัวตามไปด้วย ประกอบกับการมีอัตราการเติบโตของประชากรมากกว่าใน กทม.และปริมณฑล คือเฉลี่ย 2.5% ในขณะที่ กทม.และปริมณฑล มีอัตราเติบโตเฉลี่ยที่ 0.7% นอกจากนี้ ยังมีรายได้ต่อครัวเรือนที่เพิ่มขึ้นเฉลี่ยเกือบ 3% ต่อปี สะท้อนถึงกำลังซื้อที่เพิ่มมากขึ้น
สำหรับธุรกิจหลักอย่างอสังหาริมทรัพย์ในภูเก็ตยังคงมีการเติบโตที่ดีในช่วง 3 ปีหลัง เฉลี่ยถึง 7% ต่อปี ภูเก็ตมีมูลค่าการจดทะเบียนสิทธิ และนิติกรรมอสังหาริมทรัพย์เพิ่มขึ้น 10% จากปีก่อนหน้า อยู่ที่เกือบ 400 ล้านบาท ซึ่งหากคิดต่อจำนวนประชากรจะมีมูลค่าเป็นอันดับ 2 ของประเทศรองจากกรุงเทพฯ ในขณะเดียวกัน แนวโน้มของขนาดโครงการในภูเก็ต แนวราบจะมีแนวโน้มขนาดต่อหน่วยเล็กลง ในขณะที่แนวสูงจะมีขนาดโครงการใหญ่ขึ้น เนื่องจากราคาที่ดินที่ขึ้นสูง ทำให้ผู้ประกอบการมีแรงจูงใจที่จะเพิ่มขนาดของโครงการแนวสูง และลดขนาดบ้านแนวราบให้ได้ผลตอบแทนที่คุ้มทุน
ช่วงหลายปีที่ผ่านมา มีนักลงทุนเลือกที่จะซื้อคอนโดฯ เนื่องจากอัตราผลตอบแทนดอกเบี้ยเงินฝากปัจจุบันอยู่ในระดับต่ำ โดยเล็งเห็นช่องทางการเก็งกำไรจากการเพิ่มมูลค่าอสังหาริมทรัพย์ในอนาคตซึ่งผลตอบแทนอยู่ที่ 5-10% แล้วแต่พื้นที่ เหตุผลสำคัญที่อสังหาฯ ได้รับความนิยมเป็นทางเลือกในการลงทุนก็เนื่องจากค่าแรง และค่าวัสดุก่อสร้างที่เพิ่มสูงขึ้น ผลักดันให้ราคาตลาดอสังหาฯ เพิ่มสูงขึ้นทุกๆ ปี ทำให้มีโอกาสได้กำไรส่วนเกินทุนในอสังหาฯ ประเภทต่างๆ
น.ส.วรรณประภา สุขสมบูรณ์ รองผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานภูเก็ต เปิดเผยว่า “ในช่วงไฮซีซันของภูเก็ต (27 ตุลาคม 2556-29 มีนาคม 2557) จะมีจำนวนเที่ยวบินเข้าสู่ภูเก็ตรวมกว่า 771 เที่ยวบิน จาก 48 สายการบินทั่วโลก ซึ่งมีจำนวนเพิ่มขึ้น 27% เมื่อเปรียบเทียบกับปีที่ผ่านมา โดยเป็นการยืนยันได้ว่า ภูเก็ตยังคงเป็นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยม โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจากเมืองหนาว เช่น กลุ่มประเทศสแกนดิเนเวีย อังกฤษ และกลุ่มประเทศยุโรป ส่งผลให้อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวมีการขยายตัวสูงขึ้นเพื่อตอบรับกับจำนวนนักท่องเที่ยวที่มีมากขึ้น ในขณะเดียวกัน เรายังมองเห็นถึงพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวในรูปแบบการพักแบบลองสเตย์มากขึ้น และมองหาที่พักโดยการเช่าคอนโดฯ หรือบ้านพักแทนการเข้าพักโรงแรมเพิ่มขึ้นมากกว่าเดิมหลายเท่าตัว ที่เห็นได้ชัดจะเป็นนักท่องเที่ยวจากรัสเซีย เกาหลี และจากทางยุโรป”
ทางด้าน นายอนุกูล รัฐพิทักษ์สันติ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ผู้เชี่ยวชาญด้านบริหารและจัดการอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร ได้ให้ความเห็นเกี่ยวกับเทรนด์ของตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่โดดเด่นยิ่งขึ้นในปี 2557 นี้ คือ การปล่อยเช่าคอนโดมิเนียม และกล่าวว่า “การซื้อลงทุนคอนโดมิเนียมเพื่อปล่อยเช่าได้รับความนิยมสูงขึ้น หลังจากที่เศรษฐกิจและธุรกิจท่องเที่ยวของภูเก็ตมีการขยายตัวอย่างรวดเร็วใน 4-5 ปีที่ผ่านมา โดยวัดได้จากจำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น ทำให้จังหวัดภูเก็ต มีการจ้างงานมากขึ้น ทั้งในส่วนของชาวต่างชาติที่มาทำงาน และชาวไทยจากจังหวัดอื่นๆ โดยทำเลที่มีการจ้างงานมากคือ บริเวณชายหาดป่าตอง ซึ่งทำให้บริเวณใกล้เคียงเช่น กะทู้ ได้รับอานิสงส์ไปด้วย ทำให้ตลาดเช่าของจังหวัดภูเก็ตไม่ต้องพึ่งช่วง High Season อย่างเดียวเพราะสามารถปล่อยเช่าให้คนที่มาทำงานในจังหวัดภูเก็ตได้ตลอดทั้งปี”
จากข้อมูลล่าสุดของบริษัท พบว่า คอนโดมิเนียมโครงการหนึ่งใน อ.กะทู้ ที่สร้างเสร็จมาแล้ว 1 ปี ซึ่งมีจำนวนห้องทั้งหมดประมาณ 500-600 ยูนิต มีอัตราการเข้าพักอาศัยที่สูงถึง 88% ซึ่งถือว่าสูงมาก (ในกรุงเทพฯ เฉลี่ยอยู่ที่ 70%) โดยมีสัดส่วนที่เจ้าของพักอาศัยที่ 56% ผู้เช่าพักอาศัยที่ 32% สำหรับผู้เช่านั้น 1 ใน 3 เป็นชาวรัสเซีย 1 ใน 3 เป็นชาวไทย และอีก 1 ใน 3 เป็นชาติอื่นๆ อัตราค่าเช่าเฉลี่ยอยู่ที่ 10,000-12,000 บาท/เดือน หรือเทียบเป็นอัตราผลตอบแทนการลงทุนที่ 9-10% ต่อปี ถ้าสามารถปล่อยเช่าได้ทั้งปี เนื่องจากที่ภูเก็ตตลาดเช่าปัจจุบันไม่ได้พึ่งพิงนักท่องเที่ยวเป็นอย่างเดียว แต่ยังมีอุปสงค์ของการเช่าจากแรงงานที่เข้ามาทำงานในจังหวัดภูเก็ตด้วย ทำให้ระยะเวลาการปล่อยเช่าที่ได้รับความนิยมคือ 6 เดือน และ 12 เดือน โดยมีอัตราการปล่อยเช่าเฉลี่ยที่ 8 เดือน ซึ่งสูงมากสำหรับจังหวัดท่องเที่ยว
“ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในภูเก็ตเปลี่ยนแปลงไปมาก ปัจจุบันมีโครงการคอนโดฯ ใหม่ๆ เพื่อรองรับกลุ่มคนทำงาน และนักท่องเที่ยวในจังหวัด เฉพาะในตลาดคอนโดฯ มียอดขายขยายตัวขึ้นถึง 68% ในปี 2556 ในจำนวนนี้มีการเปิดตัวห้องชุดในราคาเริ่มต้นไม่เกิน 2 ล้านบาท กว่า 60% ซึ่งคาดว่าเป็นผลจากผู้ซื้อนิยมซื้อเพื่อลงทุนมากขึ้น รวมถึงซื้อเพื่ออยู่อาศัยเอง คอนโดมิเนียมที่ได้รับความนิยมคือ ห้องชุดขนาด 1 ห้องนอน (มูลค่าห้องราวล้านต้นๆ) การลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ได้รับผลตอบแทนในอัตราที่สูงถึงราว 9-10% ต่อปี นับว่าเป็นอัตราผลตอบแทนที่ค่อนข้างสูง และมากกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินฝากทั่วไป ดังนั้น การลงทุนในอสังหาริมทรัพย์จึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับนักลงทุน” คุณอนุกูล กล่าวสรุป