xs
xsm
sm
md
lg

สาปสาง ตอนที่ 6

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


สาปสาง ตอนที่ 6

ไทกับแพรวมานั่งดื่มและคุยกัน

“จบสิ้นซะทีนังช่อ แกไม่มีวันออกมาทำอะไรฉันได้อีกแน่!”
ไทหน้าเครียด
“นี่เราทำเกินไปรึเปล่าแพรว”
“จนป่านนี้แล้ว ยังจะอาลัยอาวรณ์มันอีกเหรอ แกบ้ารึเปล่า! ขืนเราไม่ทำอย่างนี้มีหวังแกกับฉันได้ตายกันทั้งคู่แน่”
ไทถอนใจหนักๆ เพราะเครียด
“หรือว่าแกอยากตาย”
ไทยกแก้วเหล้าขึ้นดื่ม แพรวพยายามทำให้ไทหายกังวล
“อย่าลืมสิว่าไม่ใช่แค่วิญญาณมันที่ถูกสะกด แต่ความผิดทั้งหมดของเราก็ถูกสะกดไปกับมันด้วย ไม่มีใครรู้หรอกน่าว่าพวกเราเคยทำอะไรไว้”

วิญญาณช่อเอื้องอยู่ในความมืด เธอพยายามหาทางออกแต่ก็หาไม่เจอ
“ทำไมต้องทำแบบนี้ ..... ทำไมต้องทำกับฉันแบบนี้”

แพรวกลับเข้ามาในบ้านแล้วเจออนงค์รออยู่
“ไปไหนมา กลับซะดึกป่านนี้ ไปทำอะไรมา” อนงค์มอง “แล้วนี่เพื่อนแกไปไหน ทำไมไม่กลับมาด้วยกัน”
“อย่าอยากรู้อยากเห็นนักเลยน่ะแม่ น่ารำคาญ” แพรวว่า
“จะไม่ได้ให้ถามได้ยังไงในเมื่อพวกแกกำลังสุมหัวทำเรื่องชั่วๆ กันอยู่”
“ต่อให้ชั่วแค่ไหน ฉันก็ต้องทำ เพราะฉันไม่อยากตาย”
อนงค์อึ้ง แพรวพูดจบก็วิ่งขึ้นบันไดหนีไปทันที อนงค์ทรุดตัวลงนั่งด้วยหน้าถอดสี
“นี่มันอะไรกัน มันอะไรกันนักหนา!”

ที่คอนโดมีเนียมที่ไทอยู่ซึ่งค่อนข้างเก่าและโทรม ไฟด้านหน้าติดๆ ดับๆ บรรยากาศวังเวงน่ากลัว ไทกำลังเก็บของเพื่อเตรียมย้ายกลับไปชุมพร ที่โต๊ะทำงานของเขามีรูปไท ช่อ และแพรว ถ่ายร่วมกันด้วยสีหน้าแจ่มใส ไทเอื้อมมือไปหยิบมาดู
“เราขอโทษนะช่อ อย่าอาฆาตแค้นเราเลยนะ เราขอโทษ”
ไทกอดกรอบรูปแน่นแล้วร้องไห้ออกมา
“ยกโทษให้เรานะช่อ ยกโทษให้เราด้วย”

กรณ์หลับอยู่ ในภวังค์เขาเห็นร่างของช่อเอื้องเลือนลางพร้อมกับพูดเสียงแผ่วเบา
“ช่วยด้วย.... ช่วยฉันด้วย....”
หมอกดำเข้ามาพันรอบตัวช่อเอื้องแล้วดึงช่อเอื้องให้ห่างออกไปจนลับตา
กรณ์ตะโกนเรียก “ช่อ”
กรณ์สะดุ้งตื่นเฮือกขึ้นมาแล้วพยายามตั้งสติ
“นี่มันอะไรกันแน่”

ภาพตอนที่แพรวมาบอกกรณ์เรื่องช่อเอื้องย้อนกลับมา
“ช่อคงไม่เคยบอกคุณเรื่องแฟนเก่าสิน่ะคะ”
“ทำไมเหรอ แฟนเก่าช่อเกี่ยวอะไรด้วย”
“ช่อไม่เคยลืมแฟนเก่าเค้าเลย และตอนนี้แฟนเก่าช่อกลับมาหา กลับมาคบกันใหม่ได้สักระยะนึงแล้ว”
“เธอพูดจริงเหรอ”
“ชั้นรู้ว่าช่อก็ชอบคุณมากนะ แต่เค้าก็ทำใจลืมแฟนเก่าไม่ได้ ช่อเค้าคงไม่รู้จะบอกคุณยังไง”
“ไม่จริง...ผมไม่เชื่อ”
“ช่อท้องกับแฟนเก่าค่ะ เค้าขอไม่ให้ชั้นบอกคุณน่ะค่ะว่าเขาตั้งใจจะกลับเชียงใหม่คืนนี้หลังจากที่แสดงละครเสร็จ ชั้นก็เข้าใจช่อดีว่าเค้าก็ไม่รู้จะเจอหน้าคุณได้ยังไง”

กรณ์มีสีหน้าสับสน

“ตกลงมันยังไงกันแน่เนี่ย”

อาภาภิรมย์ก้มลงกราบก่อนจะเงยหน้าขึ้นแล้วพบว่าไฟได้ลุกไหม้หัวครูละครทั้งหิ้งจนหมด

“โอ๊ย” อาภาภิรมย์กุมหัวใจแน่นก่อนล้มลงไป

กรณ์ได้ยินเสียงดังโครมคราม
“เสียงอะไรน่ะ”
กรณ์รีบออกไปดู

กรณ์เข้ามาเห็นว่าอาภาภิรมย์ล้มพับอยู่ที่พื้น
“คุณแม่!”
กรณ์รีบเข้าไปหาแล้วประคองแม่ให้ลุกขึ้นนั่ง
“คุณแม่ครับ คุณแม่!”
อาภาภิรมย์ยังมีสติอยู่บ้างจึงพยายามบอกอย่างแผ่วเบา
“แย่แล้วลูก .... แย่แล้ว....”
“เกิดอะไรขึ้นครับคุณแม่”
อาภาภิรมย์พยายามจะบอกแต่ไม่ทันแล้ว เธอค่อยๆ หมดลมหายใจ
“คุณแม่ครับ คุณแม่ คุณแม่!”

ภาพอาภาภิรมย์ในงานศพถูกประดับไว้ด้วยดอกไม้และพวงหรีด แพรวกับไทจุดธูปไหว้ศพ ก่อนจะถอยออกมา คนอื่นๆ เข้าไปไหว้ศพต่อ กรณ์ยืนอยู่ที่หน้างานเพื่อคอยรับแขก เขาชะเง้อคอรอช่อเอื้อง แพรวเข้ามาหากรณ์อย่างรู้ทัน
“ช่อเขาไม่มาหรอกค่ะ ไม่ต้องรอให้เสียเวลา”
“!....เขาบอกคุณอย่างนั้นเหรอครับ”
“ค่ะ พอทราบข่าวฉันก็รีบโทรไปบอกเขาแต่เขาก็ปฏิเสธกลับมา”
“ทำไมล่ะครับ งานศพครูของเขาทั้งที เขามีเหตุผลอะไรถึงจะไม่มา”
“เขาบอกว่าเขาไม่อยากพบคุณน่ะค่ะ”
กรณ์อึ้งไป
“ขอโทษนะคะที่ต้องพูดตรงๆ ..ขอตัวก่อนนะคะ”
แพรวเดินออกไปอีกทาง กรณ์หน้าเสีย
กรณ์พูดเบาๆ “คุณรังเกียจผมถึงขนาดนี้เลยเหรอช่อ”

แพรวเดินมาหาไท ไทยิ้มเยาะอย่างรู้ทัน
“ไปโกหกอะไรเขาอีกล่ะ หมอนั่นถึงกับหน้าเสียเลย”
“ก็เรื่องนังช่อน่ะสิ มันไม่มาก็ต้องมีเหตุผลกันหน่อย แกก็อย่าลืมล่ะ ฉันโกหกไว้ว่าช่อมันไปคืนดีกับแฟนเก่าแล้วก็กำลังตั้งท้องถ้าคุณกรณ์เขามาถามอะไรก็อย่าทำให้ความแตกซะก่อนล่ะ”
“รู้แล้วล่ะน่า”
ไทเหลือบมองกรณ์ กรณ์เดินเข้ามาหา
“เสร็จพิธีแล้วอย่าเพิ่งรีบกลับนะครับ ผมมีเรื่องจะคุยกับพวกคุณ”
กรณ์ยิ้มให้ก่อนเดินไปรับแขกอีกทาง
“มันจะคุยเรื่องอะไร....หวังว่าจะไม่ใช่เรื่องช่อนะ”

กรณ์ ไท และแพรวหลบมาคุยกัน
“คุณแม่อยากให้มีคนสืบทอดละครขอท่านต่อ” กรณ์บอก
“แต่เราไม่มีโรงละครแล้วนี่คะ” แพรวว่า
“เรื่องนั้นไม่ยากหรอกครับ ถ้าจะมีการสืบทอดกันจริงๆ ผมก็พร้อมจะสร้างโรงละครใหม่แทนที่โรงละครเก่า แต่ประเด็นมันอยู่ที่ว่าคุณแม่ท่านต้องการให้ช่อสืบทอดละครของท่านต่อ ไม่ทราบว่าพวกคุณจะช่วยบอกเรื่องนี้ให้ช่อรู้ได้ไหมครับ”
“เรื่องนั้นคงไม่ต้องบอกแล้วล่ะค่ะ” แพรวบอก
“หมายความว่ายังไงครับ”
“ยังไงช่อเขาก็ไม่กลับมาอยู่แล้ว ขนาดงานศพครูทั้งทีเขายังไม่มา เรื่องอื่น อย่าไปหวังเลยค่ะ ช่อเขาตัดเป็นตัดตายกับเรื่องละครแล้วก็เรื่องคุณแล้ว”
กรณ์อึ้งไปครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยถาม
“แล้วพวกคุณสนใจจะสืบทอดละครไหมครับ”
“ผมคงไม่เหมาะหรอกครับ” ไทบอก
“ฉันก็คงไม่กล้าหรอกค่ะ ฉันรู้ตัวดีว่าไม่เก่งเหมือนช่อ ไม่ใช่คนที่ครูอยากให้สืบทอดหรอกค่ะ”
“ถ้าพวกคุณไม่ต้องการ โรงละครก็คงเหลือทางเลือกเดียว”

กรณ์เครียด
 
อ่านต่อหน้า 2

สาปสาง ตอนที่ 6 (ต่อ)

หน้าโรงละครมีป้ายติดไว้ว่า sale แพรวกับไทยืนอยู่ข้างรถที่จอดไว้หน้าโรงละคร ทั้งสองคุยกันเรื่องปิดโรงละคร

“คุณกรณ์ขายที่แล้ว ต่อไปจะทำมาหากินอะไร”
“ได้ข่าวว่าหมอนั่นจะไปเรียนต่อไม่ใช่เหรอ คงไม่กลับมาสนใจเรื่องละครหรอกน่า” ไทบอก
แพรวคิด “ฉันไม่น่าโง่เลย น่าจะรับสืบทอดไป”
“อ้าว ทำไมถึงเปลี่ยนใจซะล่ะ”
“เพราะมันเป็นทางเดียวที่ติดต่อกับคุณกรณ์ได้น่ะสิ”
“หึ คิดว่าเรื่องอะไร ที่แท้ก็เรื่องผู้ชาย ไหนว่าดาราลัยเขาเรียกตัวเธอไปแล้วไม่ใช่เหรอ”
“ก็ทำมันทั้งสองอย่างก็ได้นี่”
“อย่าหาเรื่องดีกว่าน่า ปล่อยให้ทุกอย่างมันเป็นอดีตไปอย่างนี้นั่นแหละดีแล้ว อย่าหาเรื่องใส่ตัว”
แพรวเหลือบตามองไทด้วยสายตาและสีหน้าไม่ค่อยเห็นด้วยเท่าไหร่

กรณ์อยู่ในชุดดำไว้ทุกข์กำลังเก็บเสื้อผ้า ทันใดนั้นเสียงออดหน้าบ้านก็ดัง
“ใคร?...” กรณ์มีประกายตาวูบขึ้นมาอย่างมีหวัง “หรือว่าจะเป็นช่อ”
กรณ์คิดแล้วก็รีบจากห้องไปทันที

กรณ์รีบออกมาดูก็เห็นแพรวรออยู่ กรณ์ชะงักและมีมีสีหน้าผิดหวังเล็กน้อย
“คุณแพรว...”
“ผิดหวังอีกแล้วใช่ไหมคะที่เป็นแพรว...ไม่ใช่ช่อ”
กรณ์พยายามยิ้มให้แต่เลี่ยงไม่ตอบ เขาเปิดประตูรั้วให้แพรว
“เชิญครับ”
แพรวเดินเข้ามาโดยพยายามเฉียดใกล้ชิดกรณ์ แพรวลอบยิ้มอย่างสมใจ
“จะไม่ถามเหรอคะว่าแพรวมาที่นี่ทำไม”

กรณ์ส่งแก้วน้ำส้มให้แพรวรับไป
“ขอบคุณค่ะ”
“ที่ผมไม่ถามเพราะคิดว่ายังไงก็ต้องเป็นเรื่องสำคัญ คุณถึงต้องมา” กรณ์ลงนั่ง “มีเรื่องอะไรเหรอครับ”
“เอ่อ ...เรื่องโรงละครน่ะค่ะ คุณคิดจะปิดจริงๆ เหรอคะ”
“ถึงจะไม่อยากปิดแต่ก็คงต้องเป็นอย่างนั้นน่ะครับ เพราะผมก็จะไม่อยู่แล้ว”
แพรวตกใจ
“เปิดไว้ก็จะไม่มีใครดูแล”
“คุณจะไปไหนเหรอคะ”
“เรียนต่อที่อังกฤษครับ คงไม่ได้กลับจนกว่าจะเรียนจบ หรือถ้าเรียนจบแล้วได้งานดีๆ ที่นั่น ก็คงอยู่ต่อเลย”
แพรวอึกอักไปเพราะผิดแผน กรณ์สังเกตสีหน้าผิดปกติของแพรวจึงถามขึ้น
“มีอะไรรึเปล่าครับ”
“เอ่อ ไม่มีอะไรหรอกค่ะ คือว่าจริงๆ แล้ววันนี้ก็แค่จะแวะมาเยี่ยมคุณน่ะค่ะ ครูเพิ่งเสีย กลัวคุณจะเศร้าแล้วไม่มีใครอยู่เป็นเพื่อน”
“ขอบคุณน่ะครับ แต่ไม่ต้องห่วงหรอกครับ ยังมีอีกหลายอย่างที่ต้องจัดการก่อนจะบิน”

แพรวเสแสร้งยิ้มแต่ในใจแอบเซ็ง

ไทกำลังเก็บของอยู่ แพรวนั่งอยู่บนเตียงพลางช่วยเก็บของอย่างไม่ตั้งใจเท่าไหร่
 
ไทสังเกตสีหน้าของแพรวที่หงิกมากจึงถามขึ้น
“ทำไมทำหน้าแบบนั้น ไปอารมณ์เสียอะไรมา”
“ก็คุณกรณ์น่ะสิ เขาจะไปเรียนต่อ”
“อ๋อ เธอก็เลยหมดโอกาสได้เจอเขาสินะ”
“อย่ากวนประสาทได้ไหม คนยิ่งอารมณ์ไม่ดีอยู่”
“ถ้าหมอนั่นไม่อยู่ แล้วเธอจะทำยังไงต่อไป”
“ทำยังไงก็ได้ให้เขาไม่มีวันลืมฉัน ไม่มีนังช่อแล้ว คุณกรณ์ต้องเป็นของฉัน...ของฉันคนเดียว”
ไทมองแพรวแล้วส่ายหน้า
“ว่าแต่แกเถอะ ตั้งใจจะไปอยู่บ้านนอกถาวรเลยหรือไง” แพรวถาม
“ก็คงอย่างนั้น ไม่มีช่อ...ที่นี่ก็ไม่มีความหมายสำหรับฉัน”

อีกาดำบินมาเกาะเหนือหลุมศพของช่อเอื้อง

ช่อเอื้องพยายามจะหาทางออกแต่ก็หาไม่ได้
“ทำไมต้องทำแบบนี้..... ทำไมทำกับฉันแบบนี้”
ช่อเอื้องทรุดลงนั่งก่อนจะฟุบหน้าร้องไห้ด้วยความเศร้าโศกเสียใจ เธอค่อยๆ เงยหน้าขึ้นแล้วสีหน้าก็ค่อยๆ เปลี่ยนเป็นแค้น
“หากกูไม่สมในรัก ด้วยเลือดทุกหยด!
ด้วยกายทั้งกาย! ด้วยใจทั้งใจ!
กูจะขอสาปขอแช่ง! วันใดพวกมึงมีรัก
อย่าให้พวกมึงได้สมรัก! อย่าให้มึงได้สมสู่!
อย่าให้มึงได้ครองคู่! ขอฟ้าขอดินพรากมึงจากกัน!
ตราบชั่วฟ้า ชั่วนิรันดร์!!”

สามปีต่อมา ซากโรงละครที่เหลือจากไฟไหม้รกร้างและเต็มไปด้วยเถาไม้เลื้อยปกคลุม ชายคนหนึ่งมายืนถ่ายรูปรอบๆ
 
อ่านต่อหน้า 3

สาปสาง ตอนที่ 6 (ต่อ)

ณรากำลังดูรูปในไอแพดด้วยสีหน้าถูกใจมาก

“มันต้องอย่างนี้สิ ถึงจะเข้าตา!ที่ตรงนี้สวยมากจริงๆ”
เลขาในชุดคลุมท้องเข้ามาพร้อมแฟ้มเอกสาร
“บอสคะ รายละเอียดงานเปิดตัวโรงแรมใหม่ที่สมุยค่ะ”
เลขาจะเดินออกไป
“เดี๋ยวก่อน”
“คะ?”
“กำหนดคลอดเดือนไหนนะ”
“เดือนหน้าค่ะ”
“ยินดีด้วยนะครับ”
“ขอบคุณค่ะบอส”
เลขาเดินออกไป ณราก้มลงดูรูปในไอแพดอีกทีก็เห็นว่าเป็นรูปที่ดินของโรงละครในมุมต่างๆ ณรายิ้มด้วยสีหน้าพึงพอใจ

ณรากลับเข้ามาในบ้านจนมาเจอวดี
“อ้าว ทำไมวันนี้กลับเร็วนักล่ะลูก” วดีเอ่ยถาม
“ผมอยากรีบกลับมาบอกข่าวดีคุณแม่น่ะครับ”
“ข่าวดี?..ลูกเจอผู้หญิงที่ถูกใจแล้วงั้นเหรอ?”
“ไม่ใช่เรื่องนั้นหรอกครับ ผมไม่มีเวลาใส่ใจเรื่องอื่นหรอกนอกจากเรื่องโรงแรมใหม่ๆที่เรากำลังจะเปิดตัว”
“แล้วข่าวดีที่ว่ามันเรื่องอะไรกันล่ะไหนบอกแม่มาซิ”
“ผมเจอที่ที่เหมาะจะสร้างโรงแรมใหม่ของเราแล้วครับคุณแม่ นี่ไงครับ” ณราส่งไอแพดให้ดู “ที่ดินผืนนี้อยู่ในทำเลที่ผมกำลังมองหาอยู่เลยครับ”
“ที่สวยดีนี่ลูก มันเคยเป็นอะไรมาก่อนล่ะ”
“เห็นว่าเป็นโรงละครเก่าน่ะครับ เคยมีเรื่องแย่งที่ดินผืนนี้กันมาก่อน สุดท้ายถูกเผาไล่ที่แล้วก็ปิดตัวไปส่วนพวกที่เคยแย่งกันซื้อที่ก็สลายตัวไปด้วย เพราะกลัวจะถูกข้อหาวางเพลิง”
“อืม...ฟังดูประวัติไม่ค่อยดีนะแม่ว่า”
“อดีตคือดีตครับแม่ อย่าเอามาคิดเลย”
“แต่แม่ว่า ยังไงก็พาซินแสไปดูที่ก่อน อย่าเพิ่งด่วนตัดสินใจ ที่ประวัติไม่ดีแบบนี้ แม่ไม่ไว้ใจ”

“ครับคุณแม่ ไม่ต้องห่วงครับ แค่คุณแม่ชอบก็พอแล้ว ที่เหลือผมจัดการเอง”

ณราเปิดประตูเข้ามาด้วยรอยยิ้มพึงพอใจ เขากดมือถือหาเลขา

“ฮัลโหล”
“ค่ะบอส”
“ช่วยติดต่อซินแสให้ผมด่วนเลยนะ พรุ่งนี้ผมจะพาเข้าไปดูที่ดินที่เราจะซื้อ”
“ได้ค่ะบอส”
“ขอบคุณมาก”
ณรากดวางสายแล้วโยนโทรศัพท์ลงบนเตียง ก่อนนั่งลงมองดูรูปที่ดินของโรงละครในไอแพดอีกครั้ง
“มันต้องอย่างนี้สิ ถึงจะเหมาะสำหรับโรงแรมของฉัน”
ณราคิดบางอย่างในใจ
“อยากเห็นกับตาจริงๆ ว่าจะสวยแค่ไหน”

บริเวณที่ดินร้างตอนกลางคืน ทั้งวังเวง ทั้งน่ากลัว ณราจอดรถที่ด้านหน้าก่อนลงจากรถมายืนมองเข้าไปด้านในที่ปกคลุมไปด้วยเถาไม้เลื้อย เขาเห็นว่าแสงสว่างไม่พอเลยเปิดรถหยิบไฟฉายออกมา สาดไฟฉายไปทั่วๆ แล้วยิ้มด้วยความถูกใจ
“ที่ผืนนี้สวยจริงๆ ด้วย”
ณราเดินไปที่ประตูรั้วแล้วค่อยๆ ผลักเข้าไปด้วยความฝืดก่อนจะก้าวเข้าไปบริเวณด้านใน เขาสาดไฟกราดนำไป

ณราเดินสำรวจไปรอบๆ
แสงไฟฉายสาดมาถึงland markที่หลุมศพช่อเอื้อง ณราเดินเข้ามา
“สวยมาก....สวยจริงๆ”
ณรากราดไฟฉายไปรอบๆ ทันใดนั้นอีกาดำก็พุ่งเข้าใส่แสงไฟอย่างเร็ว
ณราตกใจ “เฮ้ย!”
ณราตกใจจนทำไฟฉายหล่นมือ ไฟฉายตกกระแทกพื้นดับไป ณราตกอยู่ในความมืดตรงหน้าหลุมศพช่อเอื้องพอดี เขากวาดตามองฝ่าความมืดไปรอบๆ

“คอยดูนะ ฉันจะปลุกชีวิตที่นี่ขึ้นมาอีกครั้งให้สำเร็จให้ได้!”
 
อ่านต่อหน้า 4

สาปสาง ตอนที่ 6 (ต่อ)

ณ บ้านของพริ้วที่เป็นตึกแถวไม้มียันต์ภาษาจีนแปะไว้เต็มไปหมด
 
ซินแสเฟยพ่อของพริ้วนอนเอนหลังอยู่ที่เก้าอี้โยกไม้ตัวเก่า
“อาพริ้วเอ้ย มีคนเขาโทรมาจะให้ไปดูที่ให้ แต่อาป๊าปวดหัว ไปไม่ไหว ลื้อไปบอกเขาทีว่าขอเลื่อนไปก่อน” เฟยบอกลูกสาว
พริ้วรับคำ “จ้ะป๊า”
“เบอร์โทรอยู่ในโทรศัพท์ป๊านั่นแหละ”
“จ้ะ”
พริ้วเดินไปที่โต๊ะไม้เก่าๆ ที่มุมหนึ่งก่อนจะหยิบโทรศัพท์เฟยขึ้นมาเปิดดูเบอร์แล้วลอบทำหน้าครุ่นคิดเจ้าเล่ห์ก่อนจะพูดขึ้น
“ไม่มีสัญญาณเลยอ้ะป๊า หนูออกไปโทรข้างนอกนะ”
พริ้วพูดแล้วก็เดินออกไป
“เดี๋ยวๆ”
“อะไรอีกล่ะป๊า”
“งานที่ลื้อไปสมัครไว้เมื่อวานน่ะ อั๊วดูดวงให้แล้ว ไม่ได้แน่ๆ ลื้อเตรียมหางานใหม่ได้เลย”
พริ้วถอนใจ “จ้ะป๊า”

พริ้วเดินออกมาหน้าบ้าน เธอหามุมที่พ่อจะมองไม่เห็น
“ไม่ไปได้ยังไง คนยิ่งตกงานอยู่ เงินแทบจะไม่เหลืออยู่แล้ว ไม่ยอมพลาดง่ายๆ หรอกน่า”
พริ้วกดโทรออก
“ฮัลโหล คุณที่โทรมาติดต่อเรื่องดูที่ใช่ไหมคะ”

พริ้วลงจากแท็กซี่ที่จอดหน้าโรงละคร รถของณราจอดอยู่ก่อนแล้ว
“มาถึงแล้วเหรอ”
พริ้วรีบเข้าไปข้างใน

พริ้วเดินเข้ามาแล้วมองไปรอบๆ เธอพยายามปรับท่าทางตัวเองให้ดูน่าเชื่อถือ
“หายไปไหนของเขานะ”
พริ้วหาณราจนเดินลับไปที่มุมหนึ่ง

พริ้วเดินเข้ามามองไปรอบๆ แต่ก็ไม่เจอณรา
“เอ้า หายไปไหนเนี่ย หรือว่าจะอยู่ในรถ”
พริ้วรีบเดินต่อไป

พริ้วผ่านเข้ามาในบริเวณ land markหลุมศพช่อเอื้อง ทันใดนั้นก็เหมือนถูกพลังบางอย่างปะทะเข้าอย่างแรงจนชะงักถอยไป
“อะไรกันเนี่ย”
พริ้วหน้ามืด เวียนหัว เธอเห็นภาพทุกอย่างเบลอไปหมด
“นี่มันอะไรกัน เกิดอะไรขึ้น”
ทันใดนั้นอีกาก็โฉบเข้าจู่โจมพริ้ว
พริ้วร้องลั่น “ว้าย”
พริ้วเสียหลักจะล้มลงไปแต่ทันใดนั้นณราก็เข้ามาประครองตัวพริ้วไว้ได้ทัน ทั้งสองตาสบตาอย่างใกล้ชิด
 
พริ้วมองหน้าณราก่อนหมดสติไป

พ่อปูที่นั่งภาวนาอยู่ลืมตาผ่าง

พริ้วค่อยๆ ฟื้นสติ พยาบาลหันไปบอกกรณ์ที่นั่งเฝ้าอยู่ที่เก้าอี้ข้างเตียง
“คนไข้ฟื้นแล้วค่ะ”
กรณ์รีบลุกขึ้นมามองพริ้วที่ยังสลึมสลืออยู่
“คุณ....เป็นยังไงบ้างครับ ได้ยินผมไหม”
พริ้วพยักหน้ารับ
“ผมณรานะครับ”
“ณรา?...ณราไหนคะ”
“ก็คนที่นัดให้คุณมาดูที่ให้ยังไงล่ะครับ”
“อ่อ....คุณนั่นเอง” พริ้วสะบัดหัวไล่ความมึน “มันเกิดอะไรขึ้นกับฉัน”
“คุณคงจะเป็นลมน่ะครับ”
“ไม่ใช่.....ฉันไม่ได้เป็นลม....อยู่ๆ ฉันก็รู้สึกเหมือนถูกอะไรบางอย่างกระแทกเข้าใส่”
“อะไรบางอย่าง??....อะไรเหรอครับ”
“ไม่รู้เหมือนกันค่ะ....ฉันมองไม่เห็นอะไรเลย นอกจากแรงกระแทก”
“ผมว่าคุณอย่ากังวลไปเลยนะครับ หมอบอกว่าคุณแค่เป็นลมไม่ได้เป็นอะไรมากหรอกครับ”
พริ้วมองณราอย่างไม่เชื่อ สีหน้าของพริ้วยังคงติดใจสงสัยกับสิ่งที่พบเจอมา

อนงค์กำลังกวาดใบไม้อยู่ ทันใดนั้นอีกาตัวนึงก็บินมาเกาะที่รั้ว
“ว้าย! ม...ม..มาอีกแล้ว”
อนงค์ทิ้งไม้กวาดแล้วรีบวิ่งกลับเข้าไปในตัวบ้าน

อนงค์เปิดประตูเข้ามาในห้องนอนแพรว
“มีอะไรเหรอแม่” แพรวถาม
“อีกา อีกามันมาอีกแล้ว!”

แพรวกราบพ่อปู่
“พ่อปู่ตามหนูมาทำไมคะ”
“มีคนเข้าไปในเขตอาคมกู”
“ขโมยรึเปล่า”
“ไม่ใช่”
“แล้วใครล่ะพ่อปู่”
“กูยังไม่เห็นว่ามันเป็นใคร แต่กูสัมผัสได้ถึงพลังของมัน”
“พลัง? พลังอะไร?”
“พลังที่ต้านพลังกูได้”
“หมายความว่ายังไงพ่อปู่ มันจะเกิดอะไรขึ้นงั้นเหรอ”
“กูยังไม่เห็น แต่ที่แน่ๆ ไอ้คนที่มีพลังนั้นมันจะล้างอาคมกูได้ แล้วถ้าสิ้นอาคม อะไรที่มึงซ่อนไว้มันจะถูกเปิดเผย”
“แล้ว....แล้วเราต้องทำยังไงล่ะพ่อปู่”

“หาให้เจอว่ามันเป็นใคร แล้วพามันมาหากู! มันคือตัวอันตราย!”
 
อ่านต่อตอนที่ 7
กำลังโหลดความคิดเห็น