xs
xsm
sm
md
lg

พ่อไก่แจ้ ตอนที่ 6

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


พ่อไก่แจ้ ตอนที่ 6

พวกอาทิตย์ออกมาอีกด้าน

“ไม่ต้องมาจับตัวชั้น” มัทนีโวยวาย
“อยากจับตายล่ะ แต่ก็หอมดีนะ หื้มม” อาทิตย์แกล้งทำท่าชื่นใจ
“ทุเรศ”
“แก ไอ้แท่น แกต้องชดใช้ค่ามือถือชั้นมา สองหมื่น” เอกชเยศร์บอกแท่น
“มันเป็นอุบัติเหตุ ชั้นไม่ได้ตั้งใจ”
“แกจะไม่รับผิดชอบเหรอ งั้น งั้นชั้นจะทำลายมือถือแกบ้าง มือถือแกอยู่ไหนเอามา” เอกชเยศร์จะล้วงมือถือของแท่น

อีกมุมหนึ่ง อเนกกำลังเคลียร์กับนรี
“คุณจะเอายังไง” อเนกถามขึ้นมา
“เอาอะไรยังไง” นรีย้อนถาม
“คุณก็รู้อยู่แล้วว่าเรื่องอะไร อย่าลีลาได้มั้ย” อเนกบอก
“ถ้ารู้อยู่แล้วก็พูดออกมาสิ” นรีบอก
“เมื่อไหร่จะเลิกทำตัวยังงี้ซะที”
“ทำยังงี้ ทำยังไง พูดออกมาสิ ทำไมไม่พูดอะไรให้มันชัดเจนๆ มาอย่างนี้อย่างนั้น เรื่องนี้เรื่องนั้น ใครจะไปเข้าใจ” นรีเริ่มเสียงดัง
“ไม่เข้าใจก็ไม่ต้องคุย” ออนกบอกอย่างหงุดหงิด
“ไม่คุยก็ไม่คุย”
อเนกกับนรีหันหลังให้กันทันที

พวกอาทิตย์ที่แอบดูอยู่ คอยลุ้นไปด้วย เถียงกันวุ่นวาย
“ผู้หญิงนี่มันอาร์ตตัวแม่ทุกคนจริงๆ” อาทิตย์บอก
“แล้วผู้ชายดีนักหรือไง พูดก็กั๊ก ทำก็กั๊ก แทงกั๊กจนเป็นนิสัย ไม่มีความชัดเจนในชีวิต” มัทนีสวนกลับ
“นี่คุณ ไปแอบฟังที่อื่นเลย ตรงนี้ไม่มีที่ว่างสำหรับคนที่ชอบเห็นความแตกแยก”
“ขอร้อง อย่าเปิดศึกตรงนี้อีกคู่ได้มั้ย” โมกข์ขัด
“โอ๊ย ชั้นไม่ได้ยินอะไรเล้ยยย”

อเนกหันกลับมาก่อน พยายามระงับอารมณ์
“ผมขอร้อง ถ้าเราจะคุยกันให้รู้เรื่อง อย่าตอบคำถามด้วยคำถาม ถามอะไรก็ตอบตรงๆ โอเค๊?” อเนกบอก
“คุณก็ถามให้ชัดเจนสิ จะได้ไม่ต้องถามกลับ” นรีบอก
“ได้” อเนกกำลังจะถาม แต่นรีชิงถามก่อน
“จะเอายังไงเรื่องลูก”
“ผมกำลังจะถาม คุณมาชิงถามก่อนทำไม”
“ไหนบอกว่าอย่าตอบคำถามด้วยคำถาม”
“ก็ผมกำลังจะถาม”
“ชั้นถามก่อนแล้วมันผิดตรงไหน”
“ก็ผมกำลังจะถาม”
“ก็ชั้นถามแล้วนี่ไง”
“ก็ผมกำลังจะถาม”
“ฮึ่ยยย”
นรีกับอเนกหันหลังให้กันอีก

มัทนีหันขวับมาจ้องอาทิตย์
“สันดานผู้ชาย ชอบกดขี่ข่มเหง จำกัดสิทธิเสรีภาพผู้หญิง”
“นิสัยผู้หญิง เล่ห์เหลี่ยม มารยา” อาทิตย์สวนกลับ
“อาทิตย์พูดถูก” โมกข์บอก
“อะไรนะ” ปะการังทำเสียงเข้ม
“แต่ไม่ถูกทั้งหมด แห่ะๆ”

นรีกับอเนกหันกันคนละมุม พยายามระงับสติอารมณ์ จนในที่สุดนรีก็ตัดสินใจพูดออกมาก่อน
“ชั้นจะเลี้ยงลูกเอง”
“หือ อะไรนะ”
“เราจะเลิกกัน คุณก็ไปมีชีวิตใหม่ของคุณ ชั้นก็จะมีชีวิตของชั้นกับลูก”
“ไม่ได้ ผมไม่ยอม”
“ไม่ยอมอะไร”
“ก็ ก็คุณกำลังจะผลักให้ผมเล่นบทผู้ร้าย เป็นผู้ชายไม่มีความรับผิดชอบ เพื่อให้คุณเล่นบทนางเอกเจ้าน้ำตางั้นเหรอ ผมไม่ยอม”
“งั้นก็ตัดสินใจมาสิ”
“ผม ผมเป็นลูกผู้ชาย กล้าทำกล้ารับ ผมจะรับผิดชอบ ในสิ่งที่ผมพลาดไป”
“ลูกไม่ใช่ความผิดพลาด” นรีแย้ง
“ใช่ ลูกไม่ใช่ความผิดพลาด เพราะฉะนั้นผมจะแต่งงานกับคุณ”
“หา”
“ผมแต่งเพื่อลูก ผมยอมอึดอัด ทรมาน เพราะผมไม่อยากให้ลูกมีปมด้อย ผมทนได้ เพื่อลูก แต่ไม่รู้ว่าคุณจะทำเพื่อลูกได้แค่ไหน ถ้าคุณทำไม่ได้ ก็ขอให้รู้ไว้ว่าคุณคือคนที่ทำให้ลูกเป็นเด็กมีปัญหา ไม่ใช่ผม”
“คนที่จะทำให้ลูกมีปัญหา มีแต่คุณนั่นแหละ ไม่ใช่ชั้น”
“งั้นมาพิสูจน์กันมั้ยล่ะ แต่งงานกันป่ะล่ะ”
“แต่งก็แต่งดิ แต่ขอให้เข้าใจด้วยนะว่าชั้นแต่งเพื่อลูก”
“ผมก็แต่งเพื่อลูก”
เสียงพวกอาทิตย์ร้องไชโยลั่น
“ไชโย แฮปปี้เอนดิ้งแล้วว”
อาทิตย์ แท่น โทนี่ โมกข์เฮฮา ร่าเริง ยินดี
“อะไรเอ่ยหน้าแตก ฮ่าๆๆ”

มัทนี เอกชเยศร์ อึ้งๆ

ที่บ้านมัทนี หาญนั่งอยู่ในห้องพระ ก้มๆ เงยๆ เหมือนกราบไหว้พระ ทั้งที่ความจริงแล้วหาญกำลังก้มหน้าง่วนกับการเล่นไอแพดอยู่
 
ที่หน้าจอไอแพดเป็นเฟซบุ๊คซึ่งมีรูปสาวๆ อึ๋มๆ เพียบ
“ว้าว ไอแพด แกดี มีของอึ๋มๆ อย่างนี้นี่เอง มิน่าน้องนกถึงอยากได้แก” หาญอ่านหน้าจอ “เพิ่มเป็นเพื่อน เพิ่มอยู่แล้ว สวยขนาดนี้ ใครจะไม่อยากรู้จัก เพิ่มให้หมดเลย หุๆ โหว คนนี้ โคตรซี้ดเลย”
อยู่ๆ จำเนียรก็เข้ามา
“คุณหาญ”
“เฮ้ยๆ” หาญตกใจ รีบคว่ำหน้าจอไอแพด “ทำไมไม่เคาะประตูก่อน”
“นั่นอะไร” จำเนียรชี้ไอแพด
“ก็” หาญชูไอแพดขึ้นมา โดยให้จำเนียรเห็นแต่ด้านหลัง ไม่ให้เห็นหน้าจอเพราะหน้าจอขึ้นรูปสาวอกตู้มอยู่ หาญตาถลน รีบสไลด์รูปไป เพื่อจะหารูปอื่นที่ไม่ใช่สาวอึ๋ม แต่เลื่อนยังไงก็มีแต่อึ๋มๆ “ผมตั้งใจจะเอาไปถวายหลวงลุงน่ะ ท่านอยากเผยแผ่พระธรรมผ่านโลกไซเบอร์”
“ไอ้เครื่องนี้ มันแพงมากเลยไม่ใช่เหรอ”
“ไม่แพงหรอก ถ้าเป็นการทำเพื่อทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา”
หาญยังสไลด์ไม่เลิก ท่วมทุ่งเดินอ้อมมาข้างหลังหาญเห็นรูปที่หน้าจอไอแพด แล้วก็ถึงกับดี๊ด๊า สั่นหางรัวๆเห่าๆ
“ท่วมทุ่ง เห่าอะไร เห็นอะไรน่ะ”
“ก็เห็น เอ่อ ไม่มีไรหรอก”
“คุณเล่นอะไรอยู่ เอามาดูสิ” หาญไม่ให้ จำเนียรเข้าไปดึงมาเอง “เอามาดูหน่อย”
“เดี๋ยวก่อน เดี๋ยวๆ”

หาญรีบสไลด์ๆ ยังคงมีแต่รูปสาวอึ๋ม สุดท้ายจำเนียรกระชากไปได้ เอามาดูแล้วก็ตาโต
“คุณหาญ นี่คุณดูรูป” หาญจ๋อย
“ผมผิดไปแล้ว”
“คุณดูรูปของเราอยู่เหรอ” จำเนียรหันหน้าจอมา เป็นรูปคู่หาญกับจำเนียร “แค่นี้ต้องปกปิดด้วย”
หาญรีบดึงไอแพดคืนมา
“ก็ผมเขินนี่นา”
“คิดถึงอดีตเหรอ” จำเนียรเข้าไปกอดแขนหาญ “งั้นคืนนี้เรามารำลึกอดีตตอนที่เรากุ๊กกิ๊กกันใหม่ๆ มั้ย”
“เอ้อ ที่แม่จำเนียรเข้ามาเนี่ย มีอะไรหรือเปล่า”
“อ๋อ เมื่อกี้ แม่นรีโทรมา บอกว่าเค้าจะแต่งงานกับอเนก ชั้นเลยว่าจะให้คุณพาไปขอฤกษ์แต่งกับหลวงลุงซะหน่อย”
“ได้ๆ หมดธุระแล้วใช่มั้ย ออกไปเถอะ ผมจะได้สวดมนต์” หาญนั่งลง
“ไม่รื้อฟื้นอดีตกันหน่อยเหรอ”
หาญนิ่ง รีบสวดมนต์ทันที จำเนียรทำปากงอนๆ แต่ก็จำเดินออกจากห้องไป ท่วมทุ่งตามไปด้วย หาญโล่งอก หยิบไอแพดออกมา แต่แล้วจำเนียรก็เปิดประตูเข้ามาอีก หาญตกใจรีบซ่อนไอแพดอีก
“คุณหาญ” หาญตกใจ
“อะไรอีก”
“ยัยมัทยังไม่กลับมาอีกเหรอ ไปไหน”

คืนนั้นที่บ้านอาทิตย์ อาทิตย์กำลังนอนยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่ที่โซฟา ลิ้นจี่ในชุดนอน เดินออกมา จะไปที่ครัว แต่เห็นอาทิตย์นอนอยู่ เข้ามามองๆ
“นอนยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ เป็นอะไรของแก”
“ผมกำลังมีความสุขครับ สุขมากๆๆ”
“เรื่องอะไรล่ะ”
“เรื่องที่ผมสามารถทำให้คนบางคนหน้าแตกกลับไปได้น่ะสิครับ สะใจจริงๆ”
“แกไปแกล้งอะไรใครอีก ห๊า”
คนรับใช้เข้ามา
“คุณอาทิตย์ขา มีคนมารอพบค่ะ”
“ใคร”

อาทิตย์เดินออกมาจากในบ้านพบว่าคนที่ยืนหันหลังรออยู่ คือ มัทนีนั่นเอง
“อ้าว มาหาผมถึงบ้าน ต้องมีเรื่องอะไรเร่งด่วนแน่ๆ”
“ชั้นขอโทษ”
“ขอโทษ ขอโทษผมเรื่องอะไร”
“เรื่องนี้”
ว่าแล้ว มัทนีก็ชกเปรี้ยงเข้าที่เบ้าตาอาทิตย์เต็มๆ
“โอ๊ย”
“สักวัน นายกับเพื่อนจะต้องเจอดี ชั้นจะไม่ยอมให้พวกนายทำตัวเหยียดหยามศักดิ์ศรีลูกผู้หญิงซ้ำแล้วซ้ำเล่า ถ้าคิดว่าแน่ ก็แน่ให้ตลอดรอดฝั่งแล้วกัน”
“หนูมัท” ลิ้นจี่เข้ามา
“สวัสดีค่ะคุณป้า หนูลาล่ะค่ะ”
มัทนียกมือไหว้ทักทาย แล้วก็ลากลับไป ลิ้นจี่มองสภาพอาทิตย์ แล้วชื่นชมมัทนีมาก
“สุดยอด ผู้หญิงอะไร กำราบไก่แจ้ตัวพ่อได้อยู่หมัดง่ายๆ อย่างนี้ ชั้นดูคนไม่ผิดจริงๆ”
“แม่ ลูกชายโดนต่อย ยังไปชื่นชมเค้าอีก”
“หึๆ แกเตรียมตัวเอาไว้ให้ดี เวลาสำราญของแกใกล้หมดแล้ว ฮ่าๆ”
ลิ้นจี่เดินมีความสุขกลับเข้าบ้านไป อาทิตย์เซ็ง

คืนเดียวกันนั้น นรีนอนอยู่บนเตียงแต่นอนไม่หลับ สักพักมีเสียงกริ่งบ้านดัง นรีแปลกใจว่าใครมา เดินไปชะโงกมองจากหน้าต่างห้องนอนลงไปพบอเนกยืนอยู่
“มาทำไม”
“เอ่อ คือ เปล๊า ผ่านมาก็แวะมาดู ป้ายบ้านเลขที่ยังอยู่ดี ผมก็สบายใจ โอเคๆ งั้นกลับล่ะนะ”
“อื้อ เชิญ”
อเนกจะหันเดินกลับไป นรีก็หันจะเดินกลับเข้าห้อง แต่แล้วอเนกก็ชะงักหันกลับมาใหม่
“ไม่ๆ ผมมีเรื่องจะพูดด้วย”
นรีรีบหันกลับมา เพราะรออยู่เช่นกัน
“ว่ามาสิ”
“คุณ คุณจะแต่งงานกับผมได้มั้ยนรี”
“หือ? อะไรของคุณ ขอแล้วขออีก”
“อันนั้นเพื่อนๆ มันดูอยู่ ผมพูดไปตามสถานการณ์ อย่าไปนับสิ แต่ผมกลับไปคิดทบทวนดูแล้ว นรีผมไม่อยากเลิกกับคุณ ผมอยากแต่งงานกับคุณ แล้วผมก็อยากทำให้มันน่าจดจำหน่อย ผมก็เลยมานี่ เพื่อขอคุณอีกที นรีผมรักคุณ แต่งงานกับผมนะ”
อยู่ๆ นรีหายกลับเข้าไปในห้อง เงียบ
“นรี นรี” ไม่มีเสียงตอบรับจากชั้นบน “เฮ้อ”
อเนกท้อใจ กำลังจะหันเดินกลับแต่แล้วอยู่ๆ ก็มีเสียงเปิดประตูเหล็กชั้นล่าง อเนกรีบหันกลับไป พบว่านรีรีบวิ่งลงมาเพื่อมาหาอเนก นรีวิ่งมากอดอเนก
“ชั้นก็รักคุณ”

นรีกับอเนกกอดกันหวานชื่น

หลายวันต่อมา งานแต่งงานของนรีกับอเนกถูกจัดขึ้นที่บ้านมัทนีซึ่งตกแต่งด้านนอกด้วยไม้ดอกจนดูงดงาม
 
จำเนียรกำลังอุ้มท่วมทุ่งต้อนรับแขกที่มางานหมั้นอยู่หน้างาน
ทั้งหมดยืนให้ช่างภาพถ่ายรูปกันไปมา โพสต์ท่าต่างๆ
“ชุดคุณหญิงวันนี้สวยและทรงพลังมากค่ะ แบบนี้สิคะสามีถึงอยู่หมัด คิๆ เชิญด้านในเลยนะคะ เชิญๆ”
จำเนียรเอ่ยชมคุณหญิงคนหนึ่งที่มาร่วมงาน ขณะนั้นหาญเดินสวนกับกลุ่มลูกศิษย์สาวของนรีเข้ามาพวกสาวๆ ยิ้มๆ ขำๆ จนหาญแปลกใจหันไปถามจำเนียร
“คุณจำเนียร หัวผมมีอะไรแปลกๆ ป่ะ มีผมชี้หรือมีผมหงอกป่ะ” จำเนียรไม่สนใจหาญ มัวแต่ถ่ายรูปคู่กับท่วมทุ่งอยู่ “คุณจำเนียร ช่วยดู...”
หาญถามซ้ำแต่จำเนียรหันไปเห็นลิ้นจี่เข้ามา
“อ้าว คุณลิ้นจี่ สวัสดีค่ะๆ วันนี้สวยตำรับไทยมากๆ เลยนะคะ”
“มาถึงก็ปากหวานเลยนะคะ คุณจำเนียรกับน้องท่วมทุ่งก็สวยหล่อมากๆ เลยค่ะวันนี้ ยินดีด้วยนะคะ ที่หลานสาวในอุปการะจะได้เป็นฝั่งเป็นฝาแล้ว และที่สำคัญ” ลิ้นจี่ลดเสียงลง “ยินดีด้วยที่จะได้มีหลานตัวน้อยๆ แล้ว”
“อุ๊ยตาย” จำเนียรลดเสียงลง “ข่าวนี้เรารู้กันเฉพาะในครอบครัวนะคะเนี่ย”
“ถึงจะไม่ใช่ แต่ก็ไม่เชิงใช่มั้ยคะ”
“ใช่ค่ะ”
ทั้งสองคนหัวเราะคิกคักๆ กันมากๆ แล้วจำเนียรกับลิ้นจี่ก็ถามออกมาพร้อมๆ กัน
“พ่ออาทิตย์ล่ะคะ?”
“หนูมัทนีอยู่ไหนคะ?”
จำเนียรกับลิ้นจี่เซอร์ไพร้สที่ใจตรงกัน เลยหัวเราะคิกคักกันอีก ทั้งคู่กิ๊กๆ กั๊กๆ มีเลศนัยๆ ในขณะที่หาญยืนมองงงๆ ยังห่วงทรงผม

อาทิตย์ขี่มอเตอร์ไซค์มาจอดที่หน้าบ้านมัทนี ถอดหมวกกันน็อกเสร็จ แล้วต้องแปลกใจเพราะเห็นเพื่อนทั้งสามคนยืนสงบนิ่ง ไม่ยอมเข้าไปด้านใน
“เฮ้ย มายืนทำอะไรตรงนี้ ทำไมไม่เข้าไปในงาน” อาทิตย์ถามอย่างแปลกใจ แท่น โทนี่ โมกข์ยังคงนิ่ง “เฮ้ย ได้ยินที่ชั้นถามมั้ย”
สักครู่หนึ่ง ทั้งแท่น โทนี่ โมกข์จึงขยับตัว
“พวกชั้นกำลังไว้อาลัยให้ป๋าเหนกอยู่ อาจารย์ใหญ่ ฟรีแล้นซ์ในใจสาวๆ แต่ตอนนี้กำลังจะเซ็นสัญญาเข้าสังกัด แบบผูกมัดตลอดชีพ ชีวิตที่แอบรับจ๊อบไม่ได้ มันจะเป็นชีวิตได้ยังไง” แท่นบอก
“งานมงคล พูดอะไรให้มีกาลเทศะหน่อย จริงๆ ป๋าเหนกอาจจะมีความสุขก็ได้ ใครจะไปรู้” อาทิตย์บอก
“ชั้นก็เคยคิดแบบนั้น แล้วเป็นไง แต่งไม่ถึงเดือนคุณปากะรังเมียชั้นก็แปลงร่างเป็นปีศาจแมงมุมดำ” โมกข์บอก จังหวะนั้นมือถือก็ดัง โมกข์หยิบมาดูเป็นปะการังที่โทรเข้ามา “ชักใยชั้นทุกฝีก้าวอยู่นี่ไง” โมกข์บอกแล้วกดรับสาย เสียงหวานทันที “จ๋า ที่รัก”
“แกอย่ามาโลกสวยแถวนี้ สเตตัส“แต่งงานแล้ว” มันโหดร้าย มันน่ากลัว มันไม่มีคนฟอลโล่ว มันจบแล้ว อาจารย์ใหญ่ตายแล้ว” โทนี่บอก
“อาจารย์ใหญ่ตายแล้ววว”
แท่น โทนี่ โมกข์กอดคอกันเศร้า อาทิตย์เซ็ง ส่ายหัว เดินเข้าไปด้านใน

อาทิตย์เดินเข้ามา ลิ้นจี่รีบปราดเข้ามาหา
“นั่งรถมาด้วยกันดีๆ กับแม่ไม่ได้นะ” ลิ้นจี่คว้ามืออาทิตย์ ดึงไปหาจำเนียร “มานี่ๆ คุณจำเนียรขา พ่ออาทิตย์มาแล้วค่ะ”
“สวัสดีครับคุณน้าจำเนียร คุณพี่หาญ”
ท่วมทุ่งไปทักทายตะกายอาทิตย์ อาทิตย์ตบหัว เกาคอ เกาหูให้ หาญเห็นพวกแท่นเดินตามเข้ามา
“หึ มากันครบแก๊งเลยนะ”
“พ่ออาทิตย์ ไม่เจอตั้งนาน น้าคิดถึ้งคิดถึง ไปๆ มาเหนื่อยๆ ไปดื่มน้ำดื่มกาแฟก่อนสิ อยู่ด้านใน รีบเข้าไปสิ” จำเนียรบอก
“เดี๋ยวผมไปหาไอ้เหนกก่อนดีกว่า เผื่อมีอะไร”
“ไม่มีอะไรหรอกจ๊ะ ทุกอย่างเรียบร้อยหมดแล้ว พ่ออาทิตย์ไปดื่มน้ำก่อนเถอะนะ หรือไม่ก็ไปเอามาให้คุณลิ้นจี่ก็ได้ ใช่มั้ยคะ”
“ใช่จ๊ะ แม่กระหายน้ำมาก ไปเอามาให้แม่ทีนะ”
“ครับ ครับ”
อาทิตย์แปลกใจ แต่ก็เดินเข้าไป
“ทางนั้นนะจ๊ะ เดินตรงไปเลย” จำเนียรบอก ลิ้นจี่ขวางพวกแท่นไว้ไม่ให้ตามไป
“จะไปไหน พวกเธอไปหานายอเนกสิไปๆ”
แล้วจำเนียรกับลิ้นจี่ก็หันมามองกันแบบรู้กัน
“เราสองคนชักจะเริ่มรู้ใจกันมากเกินไปแล้วนะคะเนี่ย”
ลิ้นจี่กับจำเนียรคิกคักๆ หาญงงๆ แล้วอยู่ๆ ก็มีรถตู้หรูมาจอดที่หน้าบ้าน ทุกคนแปลกใจว่าใคร
“ฮ้า ท่าน มาด้วยเหรอ ไม่อยากจะเชื่อ”

ขณะนั้นมัทนีกำลังลองรองเท้าส้นสูงอยู่ มีคู่อื่นๆ วางอยู่ใกล้ๆ
“คู่นี้แจ่มมากกว่าเห็นๆ เลยค่ะคุณมัท สวมแล้วสวย สง่า หุ่นดี เหมือนนางแบบ” เหน่งบอก
“ใช่ค่ะ เข้ากับชุดที่สวมอยู่ด้วย” โหน่งบอก แต่อยู่ๆ เอกชเยศร์เดินพุ่งเข้ามา
“มัท นี่ อย่าบอกนะว่ามัทจะสวมรองเท้าคู่นี้ ไม่คิดเหรอว่ามันทำให้มัทสูงเกินไป แล้วพอมาเดินคู่กับเอก มัทจะดูเก้งกาง ตลก”
“เอกกลัวว่ามัทจะดูสูงกว่าเอกใช่มั้ย”
“เอกไม่ได้กลัวตัวเองเสียเลยนะ เอกห่วงมัทนั่นแหละ ไม่อยากให้มีใครเม้าท์ว่าเอกควงกับเสาไฟฟ้า มัทลองคิดดูนะ รองเท้าคู่นี้มันทำให้ส่วนสูงเราไม่บาลานซ์กัน เวลาถ่ายรูปคู่ มัทจะต้องยืนแบบนี้” เอกชเยศร์ยืนถ่างขา “มันไม่น่าดู”

“โอเคๆ มัทใส่ส้นแบนก็ได้ค่ะ เหน่งโหน่ง เอาคู่นี้ไปเก็บที”

มัทนีเปลี่ยนรองเท้า เหน่ง-โหน่งหยิบเอาอีกคู่มาให้

“แหมๆ คู่นี้แอบมาสวีทอะไรกันตรงนี้จ๊ะ หรือว่ามาแอบวางแผนงานแต่งของตัวเอง” ชฎาแซว
“ไม่ได้วางแผนอะไรหรอกครับ งานแต่งมันก็แค่สัญลักษณ์ แต่ความรักต่างหากที่ของแท้ ผมไม่ชอบตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ” พอดีอาทิตย์เดินผ่านเข้ามามองหาเครื่องดื่ม แต่เจอมัทนีกับเอกชเยศร์เลยชะงักมอง เอกชเยศร์เห็นอาทิตย์ เลยคอแข็ง พูดข่ม “แต่เพื่อมัท งานแต่งงานของเราจะต้องยิ่งใหญ่สุดๆ ทางด้านจิตวิญญาณ ให้คู่แต่งงานทุกคู่ในโลกต้องอิจฉา” เอกชเยศร์โอบมัทนีทันที “ใช่มั้ยจ๊ะมัท จริงๆ เรากำลังแอบคุยกันอยู่ ว่าจะไปจดทะเบียนสมรสที่ธรรมศาลาอินเดีย โดยมีท่านดาไลลามะเจิมหน้าผากให้ แต่พ่อแม่มัทอาจจะมีปัญหาเรื่องอินเดียอากาศร้อน ก็อาจจะเปลี่ยนเป็นแต่งบนเกาะกาลาปากอสท่ามกลางสัตว์โลกหลากหลายพันธุกรรมที่สืบเชื้อสายมาจากยุคดึกดำบรรพ์ ไม่ก็ไปแต่งในพิพิธภัณฑ์ศิลปะในปราสาทยุคกลาง ที่เมืองฟลอเร้นซ์ ต่อหน้ารูปปั้นของไมเคิล แองเจโล ดีมั้ยจ๊ะ”
“หือ?” มัทนีทำหน้างง
“เอาเป็นว่า ที่ไหนก็ได้ ผมยกให้มัทตัดสินใจนะ เพราะผมเป็นคนให้เกียรติผู้หญิงอยู่แล้ว อ้าว คุณอาทิตย์ มาตั้งแต่เมื่อไหร่” เอกชเบศร์แกล้งทำเป็นเพิ่งเห็น
“เอกอ่ะ ไม่น่าพูดเลย คนอื่นได้ยิน มันก็ไม่เซอร์ไพร้สสิคะ ต้องคิดที่ใหม่ๆ เก๋ๆ อีก” มัทนีแกล้งบอก
“แผนการพวกคุณสุดยอดมากเลยครับ แนวสุดๆ นี่ถ้าผมได้ยินคนอื่นพูด ผมคงคิดว่าเพ้อเจ้อ ฝันเฟื่อง ไม่เจียมตัว แต่ระดับคุณเอก เรื่องแค่นี้จิ๊บๆ มากๆ ใช่มั้ยครับ คุณมัทโชคดีจริงๆ ผมยินดีด้วย โหย ผมขอตัวก่อนนะครับ ซาบซึ้ง น้ำตาจะไหล”
อาทิตย์บอกอย่างยียวนกวนประสาท ยิ้มเยาะแล้วเดินออกไป เอกชเยศร์เขม่นๆ รู้ว่าโดนดูถูก

ที่หน้าบ้าน จำเนียร หาญ ลิ้นจี่ออกมามองรถคันที่เข้ามาจอด คนรถรีบลงมาเปิดประตูต้อนรับ ท่านกิตติลงจากรถมาในชุดสูทหรู เนี้ยบ แลดูเป็นผู้มีอิทธิพล คนรถเข้ามาจับปกสูทให้ เอาไม้ทำความสะอาดมาดูดเศษฝุ่นออกจากสูท
หาญดีใจเข้าไปต้อนรับ หมาท่วมทุ่งเอียงคอมองกิตติอย่างไม่ชอบใจ
“คุณกิตติ” หาญเข้ามาจับมือกิตติ “เห็นงานรัดตัวตลอดเวลา นึกว่าจะไม่ว่างซะอีก”
“ผมก็คิดว่าจะมาไม่ทันเหมือนกัน เพิ่งกลับจากเกาหลีเชียวนะคุณหาญ”
“มิน่า หน้าใสปิ๊งเลย ฮะๆ เอ้อ คุณจำเนียร นี่ๆ คุณกิตติ รุ่นพี่ผมสมัยเรียน คนนี้แหละที่เมตตาผม ช่วยฝากงานให้ตอนที่เรียนจบใหม่ๆ มีพระคุณกับครอบครัวเรามากนะ”
“สวัสดีค่ะคุณกิตติ” จำเนียรยกมือไหว้
“แค่นี้? ผมมีบุญคุณกับคุณหาญตั้งเยอะ กราบเท้าผมสักทีจะดีกว่านะครับ”
จำเนียรอึ้ง มามุขไหน ไม่เก็ท แต่หาญรับมุขไป
“มุขใช่มั้ยครับ ฮ่าๆ มุขคุณกิตติสุดยอดเลยครับ ก๊ากๆ”
จำเนียรจำต้องขำแค่นๆ ไปด้วย ท่วมทุ่งเข้าไปดมๆ ขากางเกงกิตติ

อาทิตย์เดินเข้ามาสมทบกับลิ้นจี่ที่ยืนมองอยู่อย่างคนนอก
“ใครเหรอครับแม่” อาทิตย์ถามลิ้นจี่
“ท่านกิตติไง นักธุรกิจที่หันมาเล่นการเมือง ที่พรรคโน้นพรรคนี้ก็อยากจะได้ตัวมาเป็นสส.เป็นรุ่นพี่คุณหาญ”
มัทนีกับเอกชเยศร์เดินเข้ามา
“ยัยมัทมาพอดี มาๆ นี่ ลูกสาวผมครับ มัทนี เป็นเจ้าหน้าที่ประจำอยู่มูลนิธิเพื่อหญิง ช่วยงานแม่เค้าน่ะครับ” หาญแนะนำ เอกชเยศร์พูดแทรก
“คุณกิตติ สาระดำรงค์ใช่มั้ยครับ ท่านเป็นสปอนเซอร์หลักให้หนังสือพิมพ์ข่าวรายวัน ใช่มั้ยครับ ผม เอกชเยศร์ครับ เป็นหัวหน้ากองบก.อยู่ที่นั่น แล้วก็เป็นแฟนมัทนีด้วย ผมเคยอ่านประวัติท่าน และผมชื่นชมท่านมาก ชีวิตของท่านเป็นเหมือนแสงไฟส่องทางให้กับชีวิตผม ท่านเป็นไอด้อลของผมเลยนะครับ”
ท่วมทุ่งหอน
“จุ๊ๆ ท่วมทุ่ง”
มัทนีดุ ท่วมทุ่งหยุด แต่มองเอกชเยศร์กับกิตติแบบไม่ชอบใจ
“ธรรมดาครับ ผมเป็นไอด้อลให้คนมากมาย แต่หนูมัทนีนี่” กิตติมองทั่วตัวมัทนี “รูปร่างดีมากๆ เลยนะ หน้าตาก็ดีผิดพ่อผิดแม่”
“มุขตลกอีกแล้ว ฮ่าๆ”
หาญขำรับมุขไป เชียร์ให้จำเนียร มัทนีขำๆ ไปด้วย
“เอ่อ แล้วไม่ทราบว่า คนที่มาด้วยกับท่าน ใครคะ”

ทุกคนมองไปที่รถ คุณหญิงแววมยุรายืนถือกระเป๋าสงบเสงี่ยมเจียมตัวอยู่ พอคุณหญิงเงยหน้าขึ้นมา ทุกคนก็เห็นรอยแผลที่มุมปาก
“อ๋อ นั่น ภรรยาผมเอง คุณแววมยุรา” กิตติบอก
“แล้วทำไม หน้า...”
“คุณแววเค้าโก๊ะ เมื่อเช้าอยู่ดีๆ ก็เดินชนวงกบประตูซะงั้น ไม่ต้องห่วง แผลมันดูน่ากลัวไปงั้นเอง จริงๆ ไม่ได้เจ็บอะไรหรอก ไปๆ เดี๋ยวเลยฤกษ์ขึ้นมา บ่าวสาวจะมาต่อว่าผม ไปๆ”
“เชิญทางนี้เลยครับท่าน เชิญๆ”
เอกชเยศร์เชิญกิตติเดินไป แววมยุราเดินตามหลังไปติดๆ กิตติไม่ได้สนใจภรรยาเลย อาทิตย์ มัทนีมองตามไปอย่างรู้สึกแปลกๆ ตะขิดตะขวงใจ ไม่ชอบพฤติกรรมของกิตติ
 
ท่วมทุ่งเห่าแบบไม่ชอบเหมือนกัน
 
อ่านต่อหน้า 2

พ่อไก่แจ้ ตอนที่ 6 (ต่อ)

อเนกกับนรีเดินควงกันออกมาจากด้านในบ้าน เข้ามาในบริเวณงาน สวยและหล่อแบบสุดๆ
 
ทั้งคู่จับมือประสานกัน ช่างภาพและแขกเหรื่อถ่ายภาพกันพรึ่บพรั่บ เพื่อนๆ ครูและลูกศิษย์สาวของนรีคอยวี้ดวิ้ว เอามือถือถ่ายรูปกันใหญ่
จำเนียร หาญนั่งเป็นประธานอยู่ จำเนียรเผลอยิ้ม แต่พอหาญหันมาเห็น จำเนียรรีบปั้นหน้าตึงใส่ จนเมื่ออเนกกับนรีเดินผ่านไป พวกลูกศิษย์สาวๆ จึงเห็นว่าฝั่งตรงข้ามทางเดิน แท่น โทนี่ โมกข์ยืนยิ้มเผล่ให้อยู่ พวกสาวๆ หุบยิ้ม เดินหนี
แท่น โทนี่ โมกข์หันมองตามสาวๆ แต่ต้องสะดุด เพราะลิ้นจี่ยืนจ้องอยู่ สามหนุ่มจ๋อย
ระหว่างนั้น เอกชเยศร์กำลังประจบเอาใจกิตติอยู่
“น้ำเย็นๆ ครับท่าน เอ่อ ท่านครับ ท่านอยากจะให้ผมเขียนสกู๊ปพิเศษเกี่ยวกับตัวท่านและธุรกิจของท่านมั้ยครับ ผมจัดให้ได้นะครับ สองหน้าคู่เลยยังได้ ผมยินดีทำเพื่อไอด้อลของผมครับ”
“นายจะไม่ผิดหวังที่เป็นแฟนคลับชั้น ขอมือหน่อย ฮะๆ”
กิตติหัวเราะๆ เอกชเยศร์หัวเราะไปด้วย โดยที่มีแบ็กกราวน์เป็นคุณแววมยุรานั่งเยื้องหลังไป หน้าสงบ อมทุกข์ ฝืนยิ้ม

อาทิตย์ขยับมาข้างๆ มัทนี
“ถ้าผมเป็นคุณ ผมคงจะภาคภูมิใจในตัวแฟนมากๆ เลยนะครับ ทำทุกอย่างเพื่อให้ได้แต่งงานกับคนที่รัก แหม ยังกับหนังรักเกาหลี”
“อย่ากวนได้มั้ย ชั้นไม่อยากจะต่อปากต่อคำกับนายในวันมงคลอย่างนี้”
“งั้นนี่ก็เป็นโอกาสของผมสิครับ”
“ออกไป”
มัทนีจะจิ้มตา แต่อาทิตย์ผละออก ขำๆ กวนๆ แต่แล้วลิ้นจี่ก็มาดึงหู ปรามให้มีมารยาท
“เกรงใจบ่าวสาวบ้างมั้ย นั่งดีๆ”
อาทิตย์จ๋อย มัทนีขำๆ เยาะๆ

อเนกกับนรีกำลังกราบจำเนียรและหาญที่นั่งเป็นประธาน
“คุณพ่อคุณแม่ครับ ผมรักนรี คุณพ่อคุณแม่จะกรุณายกนรีให้ผมเป็นคนดูแลต่อจากนี้ไป ได้มั้ยครับ นะครับ”
จำเนียรท่าทางตื้นตันแต่เก็บอาการ
“อเนก เธอรู้ใช่มั้ยว่าชั้นรักนรีเหมือนลูกสาวแท้ๆ”
“ครับ”
“ชั้นขอพูดตรงๆ นะ เธอต้องดูแลนรีให้ดี ถ้าชั้นรู้ว่าเธอทำให้นรีช้ำใจเพราะความมักง่ายของเธอ แม้แต่นิดเดียวอย่าคิดว่าจะเจริญในสังคมนี้ได้อีกเลย”
“เป็นคำขู่ เอ๊ย คำอวยพรที่ทำให้ผมหนาวๆ ร้อนๆ ชอบกลเลยครับ แต่ผมจะจำไว้ครับ”
“อ่ะ คุณหาญ อวยพร”
“อะแฮ่ม นรี อเนก ชั้น...” แต่อยู่ๆ เสียงมือถือของหาญดังขึ้นมาก่อน หาญชะงัก มองหน้าคนอื่นๆ ว่ามือถือใคร ท่วมทุ่งวิ่งเข้ามา แล้ววิ่งมาเห่าหาญ หาญสะดุ้ง ก่อนจะรู้ตัวว่าเป็นของตัวเอง “อ้าว ลืมปิด”
หาญหยิบมาดูเบอร์พบว่าเป็นน้องนก จำเนียรชะโงกมาดูหน้าจอ
“หลวงพ่อนก”
“เฮ้ย”
หาญตกใจ เลิ่กลั่ก ที่อยู่ๆ จำเนียรมาอ่านหน้าจอ เผลอกดตัดสายทันที
“ตกใจอะไรของคุณ”
“ก็คุณมาแอบดูอะไรมือถือผม เอ่อ ผมไม่ทันตั้งตัว” อยู่ๆ มือถือดังขึ้นอีก “เฮ้ย”
“หลวงพ่อนกโทรมาอีกแล้วใช่มั้ย คงจะมีธุระด่วน รับสิคะ”
“เอ่อ” หาญจำใจต้องกดรับสาย “นมัสการครับหลวงพ่อ”

น้องนกพูดโทรศัพท์อยู่ในอ่างอาบน้ำ ที่ห้องพัก
“ไอแพด เมื่อไหร่จะได้คะไอแพดดด”
หาญตกใจ พยายามจะตัดบท
“ผมจัดของถวายสังฆทานตามที่หลวงพ่อต้องการเรียบร้อยแล้วครับ แต่ยังไม่ว่างเอาไปถวาย ไว้เดี๋ยวผมโทรกลับนะครับหลวงพ่อ” หาญจะกดตัดสายทิ้ง ท่วมทุ่งเห่าใส่หน้า
“เดี๋ยวค่ะ!” จำเนียรห้ามไว้ ไม่ให้วาง “ไหนๆ หลวงพ่อก็โทรมาพอดี ให้ท่านอวยพรบ่าวสาวหน่อยสิคะ”
“จริงด้วยค่ะ จะได้เป็นสิริมงคลแก่เราสองคน” นรีเห็นด้วย
จำเนียรพนมมือรอ ทุกคนพนมมือตาม พรึ่บๆ หาญอึ้ง จำใจต้องพูดไป
“หลวงพ่อครับ ช่วย อวยพร ให้คู่บ่าวสาวหน่อย ได้มั้ยครับ”

น้องนกอาบน้ำเสร็จ ห่มตัวเองด้วยผ้าขนหนู เดินขึ้นจากอ่าง
“อวยพร? ค่ะ นกเพิ่งอาบน้ำเสร็จ ยังไม่ได้แต่งตัวเลย น้องนกขออวยพรให้หานนี้เอาไอแพดมาให้ไวๆ หานนี้จะได้มาเห็น มาดม มาทำอะไรที่อยากทำ แล้วจะรู้ว่าน้องนกแซ่บไม่เคยซา”
หาญทำหน้าตะลึง ซี้ด
“คุณหาญ เปิดสปีกเกอร์สิคะ ทุกคนจะได้รับศีลรับพรพร้อมๆ กัน” จำเนียรบอก
“เอ่อ คือ” หาญหาทางเอาตัวรอด “อะไรนะครับ หลวงพ่อฝากบอกคู่บ่าวสาวว่า ขอให้ครองรักกันยืนยาว ได้ในสิ่งที่อยากได้ ขอให้ชีวิตแซ่บไม่มีซา ซ๊าธุ” หาญตัดบทวางสายทันที
ทุกคนในงานงงๆ สาธุตาม ท่วมทุ่งหอน
“จุ๊ๆ ท่วมทุ่ง หอนทำไม ตะกี๊พระนะ ไม่ใช่ผี”
ท่วมทุ่งทำหน้าเซ็ง วิ่งจากไป
“คำอวยพรหลวงพ่อ วัยรุ่นดีเนอะ” อเนกพูดกับนรี
“เอาล่ะๆ รับศีลรับพรแล้ว สวมแหวนเลยๆ”

หาญบอก อเนกและนรีสวมแหวนให้แก่กัน

หาญรีบแยกมาโทรศัพท์อีกมุมหนึ่ง

“นกจ๋า นกจะมาหาหานนี้ที่บ้านไม่ได้เด็ดขาดเลยนะจ๊ะ วันนี้หานนี้มีแขก งานแต่งหลานสาว คนเยอะแยะ ไม่สะดวกที่เราสองคนจะมาแพดกัน”
“แต่นกว่างแพดด้วยแค่วันนี้วันเดียว ถ้าหานนี้อยากแพดกับนก ก็ต้องวันนี้”
“เดี๋ยวตอนเย็น ก็มีงานเลี้ยงที่โรงแรมอีก กว่าจะเลิกก็ค่ำเลย เอ่อ...” หาญคิดๆ จนนึกได้ “ฮ้า แล้วถ้าเป็นค่ำนี้หลังงานเลี้ยง น้องนกมาหาหานนี้ได้มั้ยล่ะ”
“ที่ไหน เมื่อไหร่ บอกมาเลยค่ะ”
หาญแววตาซุกซน กำลังจะนัดแนะ แต่ต้องเบรกเอี๊ยดด เพราะหันไปเห็นอาทิตย์ยืนยิ้มๆ อยู่อีกด้าน ไม่ไกลกัน
“ผมไม่รู้ ไม่เห็น ไม่ได้ยินอะไรทั้งนั้น เชิญคุณท่านหาญ สนทนาธรรมกับหลวงพ่อนกตามสบายครับ”
อาทิตย์เดินผ่านไป หาญอึ้งๆ

ภายในบ้าน อเนก-นรีกำลังนั่งให้แขกรดน้ำสังข์ มัทนีคอยส่งหอยสังข์ที่เติมน้ำแล้วให้แขก จำเนียรรดน้ำสังข์เป็นคนแรกแล้วพูดกับอเนกยิ้มๆ
“ถ้าทำให้หลานสาวชั้นเสียใจ ตาย” แล้วก็หันไปพูดกับนรีต่อ “ถ้ามีอะไรไม่ได้ดั่งใจ ไม่ต้องอดทนนะ ฟ้องป้า เดี๋ยวป้าจัดการให้เอง”
หาญเพิ่งกลับเข้ามา ทันรดน้ำสังข์ต่อจากจำเนียรพอดี
หาญอวยพรอเนก แต่พูดถึงตัวเอง
“หึๆ ในที่สุดสิ่งที่ชั้นเฝ้ารอ ก็เป็นจริงซะที คืนนี้จะต้องเป็นคืนที่สุขสมและจดจำไปจนวันตายแน่ๆ หึๆ ฮ่าๆ” แล้วหาญก็ฮัมเพลงออกไป “รักเธอคนนี้ยี่สิบสี่ชั่วโมง”
หาญท่าทางดี๊ด๊ามาก อเนกกับนรีงงกับคำอวยพรของหาญ หาญเดินผ่านออกไป
“คุณหาญ จะไปไหนน่ะ” จำเนียรถามแต่หาญเดินออกไปอย่างร่าเริง

อาทิตย์ชวนมัทนีคุย แต่มัทนีไม่คุยด้วย
“คุณพ่อคุณ ท่าทางจะมีความสุขมากเลยนะที่เห็นหลานสาวเป็นฝั่งเป็นฝา” มัทนีนิ่ง ไม่สนใจ “คุณ ผมพูดด้วยดีๆ ก็จะไม่พูดด้วยเหรอ” มัทนีนิ่ง ไม่พูดด้วย “วันนี้คุณสวยนะ” มัทนีหันขวับ “อ๊ะๆ ชมนิดเดียว อยากจะพูดกับผมขึ้นมาแล้วใช่มั้ย”
มัทนีระงับอารมณ์ไว้ พอดีลิ้นจี่เข้ามารับหอยสังข์ซะก่อน มัทนีหันไปยื่นส่งให้ แต่อยู่ๆ เอกชเยศร์มาคว้าหอยสังข์ไปก่อน
“ขอโทษนะครับคุณนายลิ้นจี่ แบบว่า ขออนุญาตเรียงตามอาวุโสนะครับ ขอให้ท่านกิตติอวยพรบ่าวสาวก่อนนะครับผม เชิญครับท่าน”
“เอก ทำยังงี้ได้ยังไง” มัทนีทำเสียงตำหนิเอกชเยศร์
“ท่านเป็นผู้ใหญ่ และเป็นถึงว่าที่นักการเมือง ก็ควรให้ท่านก่อนไม่ถูกเหรอ”
“นายเอก จริงๆ แล้ว ใครก่อนใครหลังก็เหมือนกัน งั้น เอาเป็นว่า คุณนายรอนิดนึงนะครับ” กิตติบอก
ลิ้นจี่กับอาทิตย์อึ้งๆ ทึ่งๆ งงๆ
“มัทต้องขอโทษแทนเอกด้วยนะคะคุณป้า” มัทนีพูดกับลิ้นจี่
“ไม่เป็นไรครับ ผม เอ่อ คุณแม่ไม่ถือ” อาทิตย์ตอบรับแทน มัทนีถลึงตาใส่ ประมาณว่าใครพูดกับนาย อาทิตย์เลยรีบแถไป “ใช่มั้ยครับคุณแม่”
“จ้ะ ป้าไม่ถือหรอก”

กิตติเข้าไปรดน้ำสังข์ คุณแววมยุราตามไป
“เป็นหัวหน้าครอบครัวแล้ว ก็ต้องเป็นหัวหน้าให้สมบูรณ์ ดูแลและให้ความสะดวกสบายแก่ภรรยา เขาอยากได้อะไรก็ให้ไป แต่...อย่าให้มากไป เดี๋ยวจะเหลิง” กิตติพูดกับอเนกแล้วลดเสียง “แล้วเวลาผู้หญิงเหลิงมากๆ ชั้นแนะนำให้ใช้” กิตติทำท่าตบหลังแหวน แบบทีเล่นทีจริง “ให้เป็นประโยชน์ แล้วจะแฮปปี้แน่ๆ ฮ่าๆ” จากนั้นกิตติก็หันมาพูดกับนรี “ภรรยาที่ดี มีหน้าที่อย่างเดียว คือ อย่าขัดใจสามี ง่ายใช่มั้ย”
อเนกกับนรีรับคำอวยพรไป แววมยุราเข้ามาอวยพรอเนกต่อ
“ถ้ารักกัน ก็เมตตากันและกันให้มากๆ นะ” แล้วหันมาพูดกับนรี “อดทนนะ อดทนให้มากๆ สามีว่าอะไร ก็ยอมเขา อย่าขัดใจเขา แล้วจะผ่านทุกอย่างไปได้”
อเนกกับนรีรับคำอวยพรของแววมยุราไปอย่างงงๆ อีกเช่นกัน

เอกชเยศร์ถือหอยสังข์กลับมาให้มัทนีเติมน้ำ
“ชั้นอวยพรได้หรือยัง” อาทิตย์ถาม
“ขอผมก่อนแล้วกันนะครับ”
เอกชเยศร์รีบๆ รดให้บ่าวสาว ไม่ได้อวยพรอะไร แล้วรีบไปดูแลกิตติต่อ ลิ้นจี่หมั่นไส้ พวกแท่น โทนี่ที่รอคิวอยู่ จะลัดคิว
“คุณแม่ยังไม่รดใช่มั้ยครับ งั้นผมขอก่อน”
ลิ้นจี่หันมาจ้องเขม็ง แท่นรีบส่งหอยสังข์ให้ อาทิตย์มองตามกิตติกับแววมยุราไป รู้สึกแปลกๆ ยิ่งเห็นท่าทีของแววมยุราสงบเสงี่ยมเจียมตัวมากๆ ยืนข้างๆ เยื้องหลัง แต่ไม่มีบทบาท ยิ่งรู้สึกข้องใจจึงกระซิบถามมัทนี
“คุณว่า ท่านกับภรรยา แปลกๆ มั้ย”

“แปลก แปลกมาก”

เมื่อเสร็จพิธีในช่วงแรกอเนกออกมาส่งเพื่อนๆ ที่หน้าบ้าน

“แล้วงานเลี้ยงเย็นนี้ พวกแกอย่าลืมว่าต้องแต่งตัวย้อนยุคสไตล์ปริศนานะ”
“ไม่ต้องห่วง เย็นนี้จัดเต็มแน่ แกไปพักเถอะ”
อาทิตย์บอก ขณะที่แท่น โทนี่ โมกข์จ้องหน้าอเนกจนอเนกแปลกใจ
“พวกแกมีอะไรป่าววะ”
“พวกเราแค่อยากจะจดจำอาจารย์ใหญ่ของเราไว้ตลอดไป” แท่นบอก
“ชั้นจะไม่ลืมประสบการณ์การสับรางที่เดียว 5 แอ็คเค้าท์ของแกเลย” โทนี่บอก
“แกจะอยู่ในใจพวกเราเสมอ”
แท่น โทนี่ โมกข์เข้าไปรุมกอดอเนกเอาไว้
“ชั้นยังไม่ตายนะเว้ย”
อาทิตย์ระอาเพื่อนๆ แล้วเหลือบมองไปอีกด้านก็ต้องแปลกใจ เพราะเห็นมัทนีกำลังกอดกับนรีอยู่เช่นกัน
“อะไรกันยัยมัท”
“มัทดีใจแทนพี่นรี มัทรู้ว่าพี่นรีรอวันนี้มานานแค่ไหน มัทเห็นพี่มีความสุข อย่างที่พี่อยากมี แล้วมัทก็อดไม่ได้”
“พี่อุตส่าห์กลั้นน้ำตาไว้ตั้งแต่เช้าแล้ว เธออย่ามาบิ้วท์พี่สิ”
สองสาวยิ้มๆ ขำๆ ให้กัน มัทนีปาดน้ำตา
“ค่ะๆ”

อาทิตย์แปลกใจที่เห็นมุมนี้ของมัทนี แต่แล้วก็เห็นเอกชเยศร์เดินเข้ามาในสายตาจากอีกมุมหนึ่ง เอกชเยศร์เห็นอาทิตย์มองมาเลยรีบเข้าไปหามัทนี
“มัท นี่มัทร้องไห้เหรอ โถ อะไรจะเซ้นซิทีฟว์ขนาดนี้” เอกชเยศร์ดึงมัทนีมากอดปลอบ ปาดน้ำตาให้ ทำสวีทเยอะๆ “ขวัญเอ๊ย ขวัญมานะ แบบนี้ถ้าเป็นงานแต่งของเราสองคน ไม่ยิ่งร้องเหรอ”
“พอแล้วเอก มัทโอเคแล้ว” มัทนีผละออก
“มัทครับ มัทรู้หรือเปล่าว่าท่านกิตติ ตกลงยอมเป็นเถ้าแก่ให้เอกแล้วนะ งานของเราสองคนจะต้องไม่ธรรมดา จะเป็นที่พูดถึงยิ่งกว่างานของพวกไฮโซซะอีก แล้วเอกจะเขียนสกู๊ปงานเราลงหนังสือพิมพ์ด้วย พวกขี้อิจฉาทั้งหลาย ที่ไม่มีปัญหาหาแฟนเป็นตัวเป็นตน มันจะได้น้ำตาตกใน ฮ่าๆ”
อาทิตย์รู้ว่าเอกชเยศร์เยาะเย้ยตน
“คุณสองคนจะแต่งงานกันจริงๆ เหรอ ฮ้า” อาทิตย์เรียกเพื่อนๆ “พวกเรา สองคนนี้กำลังจะแต่งงานกันแล้ว มาแสดงความยินดีกันหน่อย” อาทิตย์โผกอดเอกชเยศร์ “ยินดีด้วยๆ”
อาทิตย์กอดรัดแรงๆ แบบแบร์ฮัก แล้วตบหลังทีแรงจนเหมือนทุบ ปั้กๆ จนเอกชเยศร์กระอัก จากนั้น แท่น โทนี่ โมกข์ อเนกก็เข้ามาต่อคิวกอดแล้วทุบปั้กๆ แบบเดียวกัน
“ท่านกิตติเป็นเถ้าแก่ แสดงว่าสินสอดต้องมหาศาลแน่ๆ” โมกข์บอก
“ไม่น่าเชื่อ เห็นแต่งตัวปอนๆ เสื้อผ้าตลาดนัดตั้งแต่หัวจรดเท้า ก็นึกว่าจนซะอีก” อเนกบอก
“คุณเอกเป็นคนสมถะ ที่ไม่ซื้อรถ ไม่ใช่ไม่มีเงิน แต่คุณมัทมีรถอยู่แล้วไง ก็ให้คุณมัทคอยขับรถไปรับไปส่งสิ ไม่เปลืองทรัพยากร เรือนหอก็ไม่ต้องซื้อ บ้านคุณมัทมีอยู่แล้ว ย้ายเข้าได้เลย จริงๆ เงินค่าจัดงานแต่ง บ้านคุณมัทก็มีอยู่แล้ว เกาะมาได้เลย” พวกอาทิตย์ขำๆ เอกชเยศร์อึ้ง “กลับเถอะพวกเรา อยู่นานๆ แล้วอิจฉาว่ะ อิจฉามากๆ”
พวกอาทิตย์เดินหัวเราะเยาะออกไป นรีหันมาจ้องอเนกตำหนิๆ อเนกได้แต่ยักไหล่
“ผมไม่เกี่ยวนะ”
เอกชเยศร์แค้น

อาทิตย์ แท่น โทนี่ โมกข์อยู่ที่ร้านทำผม ทั้งหมดหัวเราะก๊ากๆ ขณะนั่งเรียงกันให้ช่างเซ็ทผมอยู่หน้ากระจก
“ไอ้เอกชเยศร์นี่มันไม่รู้จักเข็ดจริงๆ”
“แต่ชั้นชอบนะ มีคนอย่างนี้ในชีวิต รู้สึกมีอะไรสนุกๆ ให้ทำอีกตั้งเยอะ”
“งั้นงานเลี้ยงเย็นนี้ ก็น่าจะจัดอะไรมันๆ ให้มันอีกสักดอกนะ มันมาโรงแรมของชั้นทั้งที”
อาทิตย์มีแผนการในใจอยู่แล้ว
“ไม่ใช่แค่ไอ้เอกหรอกที่ต้องโดน ยัยมัทนีก็ควรจัดให้หนักๆ ด้วยอีกคน หึๆ”
แท่น โทนี่ โมกข์หันมามองอาทิตย์ด้วยสายตากรุ้มกริ่ม รู้กันๆ
“แกคิดจะทำอะไรคุณมัทนีเหรอออ” โทนี่แกล้งถาม
“จะหลอกให้คุณมัทรักแล้วหักอกเล่น?” โมกข์บอก
“หรือจะหลอกให้รัก แล้วก็รักจริงๆ ซะเลย ฮะๆ” แท่นบอกแล้วหัวเราะ
“พวกแกอย่ามาปัญญาอ่อน ชั้นไม่มีทางชอบผู้หญิงที่รังเกียจผู้ชายยิ่งกว่าเชื้อโรคอย่างยัยมัทนีหรอก นิสัยก็โหด ไม่มีความอ่อนหวาน ไม่ใช่สเป๊กชั้น ขืนคบด้วยคงเหมือนตกนรกทั้งเป็น สู้น้องๆ แถวนี้ก็ไม่ได้ น่ารักกว่าตั้งเยอะ” อาทิตย์หันไปพูดกับพนักงาน
“เหรอออ”
พวกเพื่อนๆ ไม่เชื่อ อาทิตย์แก้เก้อลุกจากที่นั่ง จนช่างที่กำลังบรรจงเซ็ททรงให้อยู่งง
“พวกแกไม่เชื่อก็อย่าเชื่อ แล้วเย็นนี้เจอกันที่งาน”
อาทิตย์เดินออกไป พวกเพื่อนๆ ขำ

อีกด้านหนึ่ง เอกชเยศร์นั่งหน้าบึ้งอยู่ที่โต๊ะอาหารบ้นมัทนี
“เอกคะ อย่าไปเอาคำพูดของคนอื่นมาถือเป็นอารมณ์เลย เรามีแขกอยู่นะคะ” มัทนีเตือน
“คอยดูเถอะมัท ผมไม่ยอมให้ใครมาดูถูกผมได้” เอกชเยศร์บอก
ที่โต๊ะอาหาร มีอาหารแนวไทยสวยงาม ปลากะพง ไก่ย่างตัวโตๆ สวยงาม มีชามผักเครื่องเคียงมากมาย
“อิชั้นไม่รู้ก่อนว่าท่านจะมาร่วมโต๊ะด้วย อาหารอาจจะธรรมดาไป อย่าถือสานะคะ” จำเนียรบอกกับกิตติ
“ผมกินง่ายอยู่ง่าย ไม่ต้องห่วง แล้วเท่าที่เห็นนี่ น่ากินกว่าฝีมือเมียผมตั้งเยอะ ฮ่าๆ”
“มุขใช่มั้ยครับ ฮ่าๆ”
หาญขำนำ เอกชเยศร์ขำไปด้วย จำเนียรขำตามไป อเนกกับนรีขำรักษามารยาทไป แม้แต่เหน่ง-โหน่งที่ยืนรอรับใช้อยู่ก็ขำไปด้วย มัทนีนั่งงงกระซิบถามจำเนียร
“ตลกตรงไหนคะแม่”
จำเนียรขำไปพูดไป
“ไม่รู้เหมือนกัน” จำเนียรเลิกขำ “เอาล่ะค่ะ อาหารพร้อมแล้ว ให้คู่บ่าวสาวประเดิมแล้วกัน เชิญจ้ะๆ”
อเนกตักอาหารให้นรี
“เนื้อปลาเน้นๆ สำหรับภรรยาผม แล้วต่อไปก็...สำหรับคุณพ่อคุณแม่”
เอกชเยศร์ลุกตักให้กิตติบ้าง
“ท่านครับ นี่ อกไก่ เนื้อเยอะๆ เป็นส่วนที่ดีที่สุด สำหรับท่านครับ”
“เอก คุณอเนกยังตักไม่เสร็จเลย” มัทนีตำหนิ
“อ้าว ก็เจ้าบ่าวตักประเดิมแล้วไม่ใช่เหรอ เราก็ต้องตักได้แล้วสิ เอาน่า คนกันเองทั้งนั้น ไม่ต้องพิธีรีตองมากหรอก สบายๆ นะครับ”
เอกชเยศร์จัดแจงเอาใจกิตติออกนอกหน้า จำเนียรหมั่นไส้เอกชเยศร์มากๆ พาลไปจ้องตำหนิมัทนี
 
ซึ่งมัทนีได้แต่จ๋อย เซ็ง

กิตติส่งจานไก่ต่อให้แววมยุราเลาะกระดูกออกเพื่อให้เหลือแต่เนื้อ

“ท่านไม่ทานไก่เหรอคะ” นรีถามอย่างแปลกใจ
“อ๋อ เปล่า ผมให้คุณแววเลาะเอากระดูกออก ให้เหลือแต่เนื้อน่ะ คุณแววทำอะไรพวกนี้เก่ง เลาะกระดูกไก่ ก้างปลา แกะกุ้ง ปู หอย เขาทำให้ผมหมดแหละ ใครไม่ถนัด ให้คุณแววแกะให้ก็ได้นะ”
“คุณแววมยุราเป็นภรรยาที่น่ารักมากๆ เลยครับ มัท มัทต้องเรียนรู้จากคุณแววมยุรามากๆ นะ มัทจะได้ทำให้เอกบ้าง”
“ชั้นทำให้เธอเอามั้ย” จำเนียรถาม เอกชเยศร์จ๋อยๆ
“เสร็จแล้วค่ะ”
แววมยุราส่งจานวางคืน แต่พอกิตติเห็นแล้วก็หน้าตึงขึ้นมาทันที
“นี่เสร็จแล้วเหรอ” ทุกคนงง มองที่กิตติกับภรรยา กิตติจิ้มไก่ขึ้นมา “หั่นชิ้นใหญ่ยังงี้ ใครจะไปกินได้ แล้วนี่หนังเกรียมไหม้พวกนี้ ทำไมไม่เลาะทิ้งไป รู้หรือเปล่าว่ามันมีสารก่อมะเร็ง อยากจะให้ชั้นเป็นมะเร็งตายหรือไง”
“แววเห็นว่ามันเกรียมแค่นิดๆ หน่อยๆ ไม่น่าจะเป็นอะไร”
“ไม่เป็นไรงั้นเหรอ เอ้า งั้นกินให้ดูสิ”
“คะ?”
“กิน ให้ ดู หน่อย”
“เอ่อ ท่านครับ เล่นมุขใช่มั้ยครับ ฮ่าๆ” หาญหัวเราะ
“ไม่ได้เล่นมุข ชั้นพูดจริงๆ ทุกคนไม่ต้องตกใจ นี่ปกติของเราสองคน” กิตติบอกแล้วพูดกับแววมยุรา “เอ้า กินสิ จะกินเองหรือให้ชั้นป้อน”
แววมยุรากินไก่นั้นช้าๆ

“กินอีก กินให้หมด นับหนึ่งถึงสิบ หนึ่ง สอง สาม” แววมยุรารีบกิน กิตตินับไปเรื่อยๆ ทุกคนงง
“สิบ”
กิตตินับถึงสิบ พอดีกับแววมยุรายัดไก่ชิ้นสุดท้ายเข้าปากไป จนปากอูม กิตติลูบหัว
“เก่งมากๆ ฮ่าๆ”
กิตติหัวเราะ สนุกสนาน แต่ทุกคนอึ้ง หัวเราะไม่ออก ไม่ตลกด้วย โดยเฉพาะมัทนีที่อึ้ง รับไม่ได้
“ทำไมต้องทำกันขนาดนี้ด้วย”
“ทำอะไร นี่เหรอ เราหยอกเล่นกันแบบนี้เป็นประจำ ใช่มั้ยคุณแวว ยิ้มสิ ทุกคนจะได้รู้ว่าคุณเล่นกับผม” แววมยุราฝืนยิ้ม “เห็นมั้ยๆ คุณแววยิ้มแล้ว ทุกคนอย่าซีเรียสสิ หนุกๆ ขำๆ ตลกจะตาย ฮ่าๆ”
เอกชเยศร์เป็นคนแรกที่หัวเราะตาม
“เล่นกันหรอกเหรอครับ ตลกจริงๆ ฮะๆ”
แววมยุราได้แต่ก้มหน้านิ่ง น้ำตารื้น แต่พยายามสงบ ทุกคนขำไม่ออก มัทนีสงสารแววมยุรามากๆ

เวลาผ่านไป หาญเดินมาส่งกิตติและแววมยุราที่รถ
“แล้วเย็นนี้ อย่าลืมเจอกันนะครับท่านกิตติ คุณแวว มาๆ เดี๋ยวผมเปิดประตูให้นะครับ” หาญจะเปิดประตูรถให้ แต่เอกชเยศร์รีบวิ่งมาแย่งเปิดประตู
“ผมเปิดให้ท่านเองครับ เชิญครับ”
“งั้น คุณแวว เชิญครับ”
แววมยุราท่าทางอึกอัก ไม่อยากเข้าไปนั่งกับกิตติด้วย
“เอ่อ แววว่าแววนั่งหน้าดีกว่า ท่านเหนื่อยมาทั้งวันแล้วจะได้นั่งให้สบายๆ ไม่ต้องมาเบียด”
“จะยืนอีกนานมั้ย” กิตติตวาดถาม แววมยุราลนลาน
“ค่ะๆ”

แววมยุรามีท่าทีลนลาน รีบไปเปิดประตูรถนั่งข้างคนขับ มัทนี จำเนียร นรี อเนกยืนมองจากมุมหนึ่ง เห็นท่าทีของแววมยุรา รู้สึกแปลกใจ
“คุณหาญ เพื่อนรุ่นพี่ของคุณ เขาเป็นคนยังไงกันแน่” จำเนียรถามขึ้นมา
“ท่านกิตติก็เป็นคนดี มีน้ำใจ”
“แล้วทำไมเขาทำกับภรรยาอย่างนั้นคะ แกล้งภรรยาต่อหน้าคนอื่น มันไม่ให้เกียรติกันเลย” นรีบอก
“อย่าคิดมาก ท่านกิตติก็บอกอยู่ว่าเขาสองคนหยอกกันเล่นแบบนี้เป็นประจำ เขาอาจจะสวีทกันแบบนั้นก็ได้ รสนิยมใครรสยิยมมัน เอกชื่นชมท่านกิตติด้วยซ้ำที่กุ๊กกิ๊กกับภรรยาต่อหน้าคนอื่นได้แบบไม่เคอะเขิน”
“เอก ไม่มีผู้หญิงคนไหนจะรู้สึกสวีทกับการกระทำแบบนั้นหรอกนะ” มัทนีบอก
“ผมว่า อย่าเพิ่งเถียงกันเลยครับ นี่มันบ่ายแล้ว อีกไม่กี่ชั่วโมงก็ได้เวลางานเลี้ยงแล้ว ยังไม่ได้เตรียมตัวอะไรเลย”
“ใช่ๆ แยกย้ายๆ”
ทุกคนแยกย้ายกันไป เอกชเยศร์คว้ามือมัทนีไว้
“มัทยังไปไหนไม่ได้ ต้องไปกับเอกก่อน”
“เอกจะไปไหน”

เอกชเยศร์ลากมัทนีมาตามทางเดินในห้าง จนกระทั่งมาหยุดหน้าร้านเสื้อผ้าแบรนด์เนมหรู
“ยี่ห้อนี้แหละ”
“เอก เอกจะทำอะไร” มัทนีถามอย่างแปลกใจ
“เอกก็มาซื้อชุดใส่ไปงานเย็นนี้น่ะสิ เอกมาคิดดูแล้ว สูทตัวเดิมของเอก มันไม่เข้ากับธีมงานย้อนยุค และก็ไม่ค่อยเข้ากับชุดของมัทด้วย”
“เอกรู้หรือเปล่าว่า เสื้อผ้าร้านนี้แพงมากนะ”
“มัทคิดว่าเอกไม่รู้จักแบรนด์เนมเหรอ เอกรู้ เอกมีเงินซื้อ และวันนี้เอกจะซื้อชุดที่ดีที่สุด หรูที่สุด งานเลี้ยงเย็นนี้เราสองคนจะต้องเป็นคู่ที่โดดเด่น ดูดี รัศมีไฮโซจับแบบสุดๆ พวกนักข่าว พวกพิธีกรรายการไฮโซ ต้องมาสัมภาษณ์เราไปออกรายการบางกอกกอสซิบ บางกอกกระซิบ เราจะเป็นเซเล็บหน้าใหม่ ที่มาแรงจนไอ้พวกหน้าเก่าๆ ต้องตกกระป๋อง”
เอกชเยศร์ดึงมัทนีเข้าไปในร้าน

ช่วงเวลาเดียวกันนั้นที่บ้านมัทนี หาญเดินมาที่ศาลพระภูมิทำทีเหมือนจะมาสวดมนต์ มองซ้ายมองขวา หยิบหูฟังมาเสียบโทรศัพท์แล้วกดโทรออก
อาทิตย์ขับรถอยู่ รับสายเห็นเป็นเบอร์ของหาญ
“มีอะไรให้ผมรับใช้เหรอครับน้องชาย”
หาญพนมมือไหว้พระขอพร แต่ปากพูดโทรศัพท์
“งานเลี้ยงคืนนี้ เอาของมาให้ด้วย ของอะไร? ก็ยา เอ่อ โดเรมีฟาซอลลาทีโด๊ไง”
“เป็นเด็กเป็นเล็กหมกมุ่นกับเรื่องพวกนี้มากๆ ไม่ดี ระวังจะเสียคนนะครับ”
“อย่าพูดมาก เย็นนี้ถ้าแกไม่เอาของมาให้ แกกับชั้นขาดกัน”
อาทิตย์วางสายจอดรถที่หน้าบ้านหลังหนึ่ง พอดีมีคนโทรเข้า

“ใครอีก” อาทิตย์เห็นเบอร์ แล้วยิ้มหวาน “ผมจอดรถเสร็จแล้วครับ ไม่ต้องแต่งตัวมากหรอก ยังไงคุณก็สวยที่สุดอยู่แล้ว แล้วเจอกัน”
 
อ่านต่อหน้า 3

พ่อไก่แจ้ ตอนที่ 6 (ต่อ)

หาญวางสาย ทำท่ากราบศาล แล้วอยู่ๆ ท่วมทุ่งวิ่งมาจากไหนไม่รู้ มาเห่าหาญไม่หยุด โฮ่งๆ

“เฮ้ย ไป ไปที่อื่น”
หาญโบกมือไล่ แต่ท่วมทุ่งไม่ยอมไป จำเนียรที่แต่งตัวเสร็จแล้ว รีบวิ่งตามท่วมทุ่งออกมา
“ท่วมทุ่ง ตายแล้ว ออกมาทำไม”
หาญเห็นจำเนียรมา รีบทำทีเป็นสวดมนต์จริงๆ ทันที จำเนียรเข้ามาอุ้มท่วมทุ่งที่ยังคงเห่าหาญไม่หยุด แฮ่ๆแง่งๆ ใส่
“ท่วมทุ่ง หยุดเห่าได้แล้ว หยุดๆ คุณหาญ มาทำอะไร ไม่ไปแต่งตัวอีก”
หาญทำเป็นสวดมนต์จบพอดี
“สาธุ ผมก็ออกมาสวดมนต์ขอให้ความรักของนรีราบรื่น หลานสาวคนเดียว ผมเป็นห่วง แต่ไม่อยากแสดงออกผมขอตัวไปแต่งตัวก่อนนะ” หาญจะเดินไป แต่ชะงัก “เอ้ ว่างมั้ยคุณจำเนียร วันนี้ผมอยากหล่อที่สุด ดูดีที่สุด คุณมาช่วยผมแต่งตัวทีสิ”
“ไม่ว่างค่ะ ต้องพาลูกท่วมทุ่งไปซาลอน นัดช่างเอาไว้”
“แฮ่ๆ แง่งๆ”
จำเนียรอุ้มท่วมทุ่งออกไป

ร้านสูทแบรนด์เนมในห้าง เอกชเยศร์ออกจากห้องลองชุด อยู่ในชุดสูทสีขาว สะอาดแบบเกาหลี มีหูกระต่าย เอกชเยศร์ท่าทางพอใจมากๆ หมุนตัวส่องกระจกไปมา
“สูทสีขาวแบบท่านชายพจน์ สะอาด โดดเด่นเป็นสง่า ถ้าคนไม่รู้จักกันมาเห็น ต้องคิดว่าเราเป็นคุณชายจริงๆแน่ หึๆ ผมเอาชุดนี้แหละ”
“งั้นเชิญชำระเงินทางนี้เลยค่ะ” พนักงานบอก เอกชเยศร์จึงหันไปทางมัทนี
“มัท เคลียร์ให้ด้วยนะ”
“หือ?”
“อ้อ เอกไม่ได้กดเงินสดมา มัทมีบัตรเครดิตไม่ใช่เหรอ รูดให้ก่อนนะ แล้วเดี๋ยวเอกค่อยกดเงินสดคืนให้” เอกชเยศร์จงใจพูดอวดๆ ให้พนักงานและคนในร้านได้ยิน “เอ้า ไปจ่ายเงินสิจ๊ะ เราจะได้รีบกลับ ป่านนี้เบนซ์สปอร์ตของผมล้างเสร็จเรียบร้อยแล้วมั้ง”
“หือ?”
เอกชเยศร์เต๊ะจุ๊ยทำท่าราวกับเป็นมหาเศรษฐี

ช่วงเย็นที่โรงแรมปะการัง อเนก นรี กำลังยืนถ่ายรูปต้อนรับแขกอยู่ จำเนียรกำลังอุ้มท่วมทุ่งที่แต่งตัวอย่างโอเว่อร์ มีแผงคอสีสวยๆ จนดูเหมือนสิงโต จำเนียรกำลังทักทายต้อนรับแขก
อีกมุม ลิ้นจี่กำลังไล่เบี้ยกับแท่นและโทนี่
“พวกเธอไม่ต้องมาปกปิด ตาอาทิตย์อยู่ไหน ทำไมยังไม่มาอีก”
“พวกผมไม่ทราบจริงๆ ครับคุณแม่ มันบอกแค่ว่าจะไปหาเพื่อน”
“เพื่อนอะไร เพื่อนที่ไหน ผู้หญิงผู้ชาย”
“สงสัยเหมือนพวกผมเลยครับ เพื่อนอาทิตย์ก็พวกผม ไม่รู้ว่ามันแอบไปซุกเพื่อนเล็กเพื่อนน้อยเอาไว้ที่ไหนอีก”
“พวกเธอไปตามตัวมันมาเดี๋ยวนี้”
“ก็...”
“ไม่ต้องเถียง อีกชั่วโมงนึง ถ้าชั้นไม่เห็นหน้าลูกชายชั้น พวกเธอต้องรับผิดชอบ” ว่าแล้วลิ้นจี่ก็หันไปยิ้มหวานกับจำเนียรที่เดินเข้ามาทันที ราวกับปิดสวิทซ์ “คุณจำเนียร อิชั้นกำลังจะไปถ่ายรูปด้วยอยู่เลยค่ะ”
“อ๋อ ค่ะๆ เชิญค่ะ” จำเนียรชะเง้อมองหาหาญ
“มองหาอะไรคะ”
“คุณหาญน่ะสิคะ หายไปไหนก็ไม่รู้ ปล่อยชั้นกับลูกท่วมทุ่งรับแขกสองคนตั้งนานแล้ว ช่างเถอะค่ะ มาถ่ายรูปกันดีกว่า มาๆ” แต่จู่ๆ ท่วมทุ่งก็กระโจนออกจากมือ วิ่งไป “ลูกท่วมทุ่ง จะไปไหน”

ขณะนั้นหาญในชุดสูทย้อนยุคดูดี สวมหมวกและแว่นตาดำอำพรางใบหน้ากำลังยืนอยู่ที่ฟร้อนท์ จัดการเปิดห้องพักพิเศษเพื่อคืนนี้
“จะเปิดห้อง ต้องใช้บัตรประชาชนด้วยเหรอ นี่เงินครับ อ่ะๆๆ แต่ห้ามบอกใครนะ เข้าใจมั้ย” หาญส่งบัตรให้ “แล้วนี่” หาญส่งกระดาษให้ “สิ่งที่ผมต้องการให้พวกคุณช่วยจัดเตรียมเอาไว้ในห้องให้พร้อม”
หาญยืนรอพนักงานจัดการด้วยท่าทางกระวนกระวาย ขณะนั้นปะการังกำลังกำชับพนักงานอยู่บริเวณนั้น หันมาเห็นหาญพอดี เลยผละจากพนักงาน เข้าไปต้อนรับทักทายหาญ
“สวัสดีค่ะ คุณหาญใช่มั้ยคะ”
“หือ?”
“ดิชั้นปะการังค่ะ เป็นภรรยานายโมกข์ เพื่อนสนิทอเนกไงคะ”
“ห๊า” หาญรู้ว่าเป็นแฟนโมกข์ก็ตกใจ กลัวความแตก รีบดึงหมวกปิดๆ “ผมไม่ใช่คนที่คุณคิดว่าผมเป็นหรอก ไม่ใช่ๆ”

หาญรีบเดินเลี่ยงหลบออกไปทันที ปะการังห้ามไม่ทัน หาญเดินหนีไปซะก่อน แต่หาญรีบเดินงุดๆ ไม่ทันมอง เลยชนเข้ากับโมกข์ที่เดินสวนมาพอดี หาญหมวกหลุด โมกข์เห็นหน้าหาญเต็มๆ
“ขอโทษครับ อ้าว คุณหาญ”
“ไม่ใช่ ไม่ใช่หาญ จำคนผิดแล้ว”
หาญกำลังลุกจะรีบไป แต่ท่วมทุ่งวิ่งเข้ามาก่อน พอเจอหาญก็เห่าไล่ทันที หาญรีบวิ่งหนีท่วมทุ่ง ท่วมทุ่งวิ่งเห่าไล่ ปะการังเข้าไปหาโมกข์
“คุณคนเมื่อกี้ คุณหาญใช่มั้ย”
“ใช่ครับ แต่แกบอกไม่ใช่ แล้วแกมาทำอะไรตรงนี้ ที่ห้องแกรนด์บอลรูม มีอะไรขาดเหรอครับ หรือว่าแกต้องการอะไร”
“ชั้นถามพนักงานแล้ว ไม่มีอะไรขาดค่ะ แต่แกมาเปิดห้อง”
“เปิดห้อง?”

โมกข์แปลกใจ งง

ที่ห้องจัดเลี้ยง จำเนียร อเนก นรีกำลังถ่ายรูปกับกิตติและแววยุราอยู่

“อ่ะ นี่ของขวัญสำหรับสามีภรรยาคู่ใหม่นะ”
“ขอบคุณมากๆ ครับท่าน”
“เอ๊ะ ทำไม รอยที่หน้าคุณหญิงถึงแดงขึ้นกว่าเมื่อเช้าอีก ยังกับรอยใหม่เลย”
นรีถามอย่างแปลกใจ แต่กิตติยังไม่ทันตอบอะไร หาญวิ่งกลับมาขัดจังหวะก่อน ท่วมทุ่งเห่าไล่ต้อนมา
“โถๆ ลูกท่วมทุ่งช่วยไปตามหาคุณหาญให้แม่ใช่มั้ย น่ารักที่สุดเลย” จำเนียรอุ้มท่วมทุ่งขึ้นมา “คุณหาญ หายไปไหน ทำไมไม่อยู่รับแขก”
“ผม ไปห้องน้ำ คุณช่วยเอาหมาไปไกลๆ ผมได้มั้ย เดี๋ยวขนมันมาติดชุดผม”
“ค่ะๆ งั้นคุณพาท่านกิตติไปในงานก่อนเถอะ”
หาญพากิตติและแววมยุราเข้างานไป

สักพัก เอกชเยศร์เดินควงมัทนีเข้ามาในงาน เอกชเยศร์จับมือมัทนีให้คล้องแขนตน แล้วเดินแบบเชิดหน้า ไฮโซสุดๆ เข้ามาในงาน แขกมองเอกชเยศร์กันทั้งนั้น
“หึๆ ดูสิมัท คนมองเรา คงจะสงสัยว่า ลูกสาวคุณจำเนียรควงไฮโซหน้าใหม่มาจากไหนนะ หล่อจัง เท่สุดๆ เลย อิๆ”
“ยัยมัทมานี่” จำเนียรเข้ามาดึงมัทนีออกจากเอกชเยศร์ “มาช่วยแม่รับแขก... เธอคิดยังไงใส่ชุดนี้มา” จำเนียรถามเอกชเยศร์
“หล่อใช่มั้ยครับ”
“เฮอะ หล่อมากกก” จำเนียรทำเสียงประชด “ยัยมัท ไป”
“ขอถ่ายภาพครอบครัวหน่อยครับ” นักข่าวบอก เอกชเยศร์เห็นกล้องรีบปราดเข้าไปร่วมเฟรมทันที
“ถ่ายเลยครับๆ เอ่อ ผมขออนุญาตอยู่ตรงกลางนะครับ เพราะสูทผม ดีไซเนอร์เขาออกแบบมาให้โดนแสงแฟลชแล้วจะสวยมากๆ มีแค่ไม่กี่ตัวในโลกนะครับ ไม่ใช่ของโหล ราคาก็ไม่แพง ห้าหมื่นปลายๆ”
“ชุดนี้น่ะเหรอห้าหมื่น แพงกว่าชุดเจ้าบ่าวอีกนะ” อเนกบอก เอกชเยศร์สะใจ
“เหรอครับ หึๆ ฮ่าๆ”

แต่แล้วอยู่ๆ แขกก็ฮือฮาๆ พวกช่างภาพกรูไปรุมแขกที่มาใหม่ พวกมัทนีแปลกใจ พอมองไปก็พบว่าคืออาทิตย์ที่ควงมากับพลอย เชอรีล ที่แต่งตัวมาด้วยชุดกระโปรงสั้นเข้ารูป คล้องคอ สีชมพู เหมือนมารีลิน มอนโรว์ เปรี้ยวเซ็กซี่มากๆ
มัทนีอึ้ง ลิ้นจี่ตะลึงไปด้วย
“ตาอาทิตย์”
“สงสัยนั่นคงจะเป็นเพื่อนที่ไอ้อาทิตย์พูดถึง แหม อยากมีเพื่อนอย่างนี้สักคน” แกท่นบอก
“ขอตัวไปถ่ายคลิปก่อนนะครับ ชาวเน็ตของผม จะต้องซี้ดแน่ๆ” โทนี่บอกแล้วรีบแยกไป
อาทิตย์ยืนควงกับพลอยให้นักข่าวถ่ายภาพ พลางแซวกัน
“ความดังของคุณไม่เคยตกเลยนะ”
“ไม่รู้ว่าเขามาถ่ายชั้น หรือถ่ายเพราะชั้นมาควงกับเธอกันแน่ ชั้นไม่อยากถ่ายกับเธอเลยอาทิตย์ ไม่อยากจริงๆ นะเนี่ย” พลอยบอกแต่โพสต์ท่าสู้กล้องด้วยกันใหญ่ อาทิตย์โอบเอว
“ผมก็ไม่อยาก”
อาทิตย์กับพลอยหัวเราะเล่นกันให้ช่างภาพถ่ายรูป มัทนียืนมองอาทิตย์อยู่อย่างหมั่นไส้
“โธ่เอ๊ย ทำเป็นควงคนดัง” เอกชเยศร์ดึงช่างภาพคนหนึ่งที่กำลังจะไปหาอาทิตย์ “ไม่ต้องไปหรอก ชุดมัน แบรนด์อะไรก็ไม่รู้ น่าจะเอเชีย สู้แบรนด์ยุโรปอย่างของผมไม่ได้ ราคาชุดมันอย่างมากก็ไม่ถึงสองหมื่นหรอก กระจอก”
“เอก” มัทนีดึงเอกชเยศร์ออก “เอกจะอวดไปถึงเมื่อไหร่”
“อวดอะไร เอกพูดเรื่องจริง”
“ถ้าเอกอยากจะพูดเรื่องจริงก็พูดให้หมดสิ ว่าชุดนี้ ใครเป็นคนจ่ายเงิน ถ้าไม่พูดให้หมด ก็ไม่ต้องพูด”
มัทนีฉุนผิดปกติ เดินเข้างานไป
“เป็นอะไรอ่ะ ทำไมต้องฉุนด้วย”
อาทิตย์หันไปเห็นมัทนีพอดี ยิ้มๆ สะใจๆ

อาทิตย์ฝากกล่องของขวัญให้กับเพื่อนเจ้าสาวที่ต้อนรับอยู่หน้างาน
“ฝากของขวัญทีนะครับ อันนี้ของเจ้าบ่าวเจ้าสาว อันนี้ฝากวางไว้เฉยๆ เดี๋ยวเจ้าของจะมาถามหาเอง”
พออาทิตย์ฝากเสร็จ หันกลับมา เจอลิ้นจี่ยืนเท้าเอวจ้องอยู่
“แกคิดจะทำอะไรของแก”
“ทำไมครับแม่ ผมก็แค่ควงสาวสวยมางานแต่งเพื่อนรัก ผิดตรงไหน”
“ผิดเพราะแกจะควงใครที่แม่ไม่อนุญาตไม่ได้ คนที่แม่อยากให้แกควงมีคนเดียว คือหนูมัทนี เข้าใจมั้ย”
“แม่จะให้ผมไปแย่งแฟนคนอื่นเหรอ มันไม่ดี”
“แต่ผู้หญิงคนที่แกควงมา ดีตายล่ะ ไม่มีอะไรเหมาะกับแกเลยสักอย่าง แล้วมองปราดเดียวก็รู้ว่าแก่กว่าแกตั้งหลายปี”
“อ้าว แม่ไม่รู้อะไร สมัยนี้ผู้ชายนิยมสาวอายุมากกว่าทั้งนั้น จะบอกให้ว่าคนรุ่นๆ แม่ ควงกับเด็กมหาลัยถมเถไป แล้วผมไม่อยากบอกมีเด็กหนุ่มกำลังมองแม่อยู่นานแล้ว ยี่สิบปลายๆ สามสิบต้นๆ กรุบกริบๆ หันไปดูสิครับ”
ลิ้นจี่อึ้งๆ ทึ่งๆ เขินๆ ยกมือเสยผมจัดทรงให้เรียบร้อย แล้วค่อยๆ หันไปมอง พร้อมกับยิ้มหวานๆ แต่แล้วต้องหุบยิ้ม เพราะเป็นยามอ้วนหัวล้าน ลิ้นจี่สยอง พอหันกลับมาจะต่อว่า อาทิตย์ก็หายไปแล้ว
“ให้มันได้ยังงี้สิ จะกะล่อนไปถึงไหน”

อีกมุมหนึ่งของห้องจัดเลี้ยง หาญหลบมาคุยโทรศัพท์กับอาทิตย์
“ฝากไว้ที่โต๊ะต้อนรับเหรอ ดีมาก” หาญวางสาย กดโทรหาน้องนกทันที “น้องนกจ๋า หานนี้เปิดห้องเอาไว้แล้วนะจ๊ะ ห้องเลข303 มาถึงแล้วก็เข้าไปรอก่อนได้เลยนะ แล้วไม่เกินสามทุ่ม หานนี้จะเอาไอแพดตามไปให้ เราจะได้สไลด์กันให้สนุกไปเลย”
มัทนีเดินผ่านหน้าหาญไป เอกชเยศร์ตามง้อ
“เดี๋ยวก่อนสิมัท มัท”
หาญเห็นด้านหลังเอกชเยศร์ นึกว่าเป็นพนักงานเสิร์ฟของโรงแรม เลยดึงตัวเอาไว้
“น้อง พี่ขอไวน์มาจิบบิ้วท์อารมณ์หน่อยสิ”
“บอกผมทำไม ไปบอกเด็กเสิร์ฟสิครับ”
“อ้าว นายเอกหรอกเหรอ แล้วไปเอาชุดพนักงานมาใส่ทำไม”
“ผมไม่ใช่พนักงาน แล้วนี่ก็สูทแบรนด์เนม ตัวละครึ่งแสน ดูไม่ออกหรือไงครับ”
แล้วอยู่ๆ ก็มีพนักงานเดินผ่านหน้าไป เอกชเยศร์หันไปมอง แล้วต้องผงะ เพราะชุดพนักงานกับชุดที่ใส่อยู่คล้ายกันมากๆ เป็นสูทขาว ผูกหูกระต่ายเช่นกัน
เอกชเยศร์ตะลึง มองไปรอบๆ พนักงานทุกคนแต่งตัวแบบนี้หมด
“น้อง พี่อยากได้เครื่องดื่ม” อาทิตย์บอกจึงเห็นว่าเป็นเอกชเยศร์ “อ้าว คุณเอก” อาทิตย์มองเทียบชุดเอกชเยศร์กับชุดพนักงานเสิร์ฟ “รับจ๊อบเหรอครับ”
เอกชเยศร์หงุดหงิด พูดไม่ออก เดินหนีไป อาทิตย์ขำๆ แล้วนึกแผนสนุกๆ ได้ พอดีกับแท่นและโทนี่เดินเข้ามาสมทบ
“ยืนขำอะไรวะอาทิตย์”

“ชั้นมีอะไรหนุกๆ จะให้พวกแกเล่นว่ะ สนใจป่าว หึๆ”

ดนตรีบรรเลง เปิดตัวบ่าวสาวเดินมาตามทางเดินในงาน มีเด็กน้อยคอยนำขบวน
 
พวกแขกตลอดสองข้างทางถ่ายรูปกันเพียบๆ มัทนีกับเอกชเยศร์ยืนมองอยู่ด้วยกันที่ด้านหนึ่ง อยู่ๆ อาทิตย์ก็ควงพลอยมายืนข้างมัทนีแบบจงใจมาเย้ยมัทนี ทั้งสองมองบ่าวสาวแล้วทำท่าซาบซึ้งเว่อร์ๆ พลอยเอียงหัวซบบ่าอาทิตย์ คลอเคลียๆ
มัทนีกับเอกชเยศร์มองอย่างหมั่นไส้ เอกชเยศร์จะจับหัวมัทนีกดให้มาซบบ่าตนบ้าง แต่มัทนีไม่ซบ
“อะไรคะ”
“เผื่อมัทอยากจะซบ”
“ไม่อยากค่ะ”
บ่าวสาวไปที่เวที โมกข์ทำหน้าที่พิธีกร
“ขอเสียงปรบมือให้บ่าวสาวของเรา คุณนรีและคุณอเนก อีกครั้งครับ”
อาทิตย์กับพลอยตบมือ ส่งเสียงวู้ๆ แสดงความดีใจมากๆ
“ญาติสนิทเขายังไม่ดีใจขนาดนี้เลย ไม่รู้จะดีใจอะไรนักหนา” เอกชเยศร์ต่อว่า
“อ้าว เพื่อนรักผมแต่งงานทั้งที ไม่ดีใจไม่ได้หรอกครับ จริงมั้ยคะพี่พลอย” อาทิตย์บอก
“จริงจ้ะ เพราะฉะนั้นเราต้อง...”
“วู้ๆๆๆ”
อาทิตย์กับพลอยส่งเสียงพร้อมกัน มัทนีหน้าบึ้ง
“แหวะ”
อาทิตย์ยิ้มๆ ที่ยั่วมัทนีได้ พลอยยักคิ้วให้อาทิตย์แบบรู้กัน

“เราทุกคนคงอยากจะทราบว่า เจ้าบ่าวเจ้าสาวของเรา ประทับใจอะไรกันและกันจริงมั้ยครับ ให้เจ้าบ่าวบอกก่อนดีกว่าว่าโดนอะไรในตัวเจ้าสาว” โมกข์ถามบ่าวสาว
“โดนอะไร อืม ถ้าตอบไม่ดี ผมจะโดนมั้ยอ่ะ ฮะๆ คือ ผมก็ไม่รู้จะอธิบายยังไง เอาเป็นว่าเวลามีนรีอยู่ด้วย ผมรู้สึกอบอุ่น ปลอดภัย รู้สึกอยากกลับบ้าน อยากมีชีวิตอยู่ต่อไปนานๆ กับคนๆ นี้ รู้สึกว่าเวลาผมเจอเรื่องดีๆ หรือไม่ดี ผมอยากจะแชร์กับคนๆ นี้ รู้สึกว่าในทุกวินาทีของผม มีคนๆ นี้อยู่ในนั้นทั้งสิ้น” อเนกบอก
“แล้วเจ้าสาวล่ะครับ ประทับใจอะไรในตัวเจ้าบ่าว” โมกข์ถามนรี
“นรี ไม่รู้จะพูดอะไรค่ะ ฟังที่เขาพูดมา แล้วยังจะต้องให้นรีบอกอีกเหรอคะว่าประทับใจอะไรในตัวของเขา”
นรีโผกอดอเนกกลางเวที ซาบซึ้ง
“นายอเนกพูดได้ซึ้งกินใจมากเลยเนอะครับพี่พลอย” อาทิตย์หันมาพูดกับพลอย
“แต่พี่เชื่อว่า เมื่อถึงวันแต่งงานของอาทิตย์ อาทิตย์จะพูดได้กินใจยิ่งกว่านี้อีกร้อยเท่า แล้วพี่จะรอฟังนะ” พลอยบอกยิ้มๆ มัทนีฟังแล้วหมั่นไส้จึงพูดกับเอกเชยเศร์บ้าง
“เอก คนที่จะพูดอะไรลึกซึ้งโดนใจได้ เขาต้องเป็นคนที่รู้จักความรักมากๆ เลยนะ พวกที่ไม่เคยมีรักที่แท้จริง ถ้าจะพูดอะไรอย่างนี้ ก็คงจะเฟค เสแสร้ง แสลงหู ฟังแล้วน้ำเน่าสุดๆ เลยเนอะ”
“ผมเห็นด้วยกับคุณมัท และผมเชื่อว่าคุณเอกก็ต้องพูดอะไรที่ไม่น้ำเน่าแน่ๆ หึๆ เราไปกันเถอะครับพี่พลอย”
อาทิตย์ขำๆ พาพลอยเดินแยกออกไป โมกข์ส่งซิกกับทีมเทคนิคข้างเวที
“ลำดับต่อไป เป็นคิวแทรก เพื่อนเจ้าบ่าวมีเซอร์ไพร้สเล็กๆ ให้เจ้าบ่าวเจ้าสาว เป็นของขวัญพิเศษด้วยครับ เชิญชมได้เลยครับ”
โมกข์ผายมือไปที่อีกมุมด้านหนึ่งของห้อง

แสงไฟรับที่มุมด้านหนึ่งที่ถูกเซ็ทไว้สวยๆ อาทิตย์นั่งประจำที่แกรนด์เปียโน กำลังเล่นเปียโน เพลงพรหมลิขิต โดยมีพลอยร้องนำและประสานกับอาทิตย์
“พรหมลิขิตบันดาลชักพา ดลให้มาพบกันทันใด ก่อนนี้อยู่กันแสนไกล พรหมลิขิตดลจิตใจ ฉันจึงได้มาใกล้กับเธอ”
“เออชะรอยจะเป็นเนื้อคู่ ควรอุ้มชูเลี้ยงดูบำเรอ แต่ครั้งแรกเมื่อพบเธอ ใจนึกเชื่อว่าแรกเจอ ฉันและเธอคือคู่สร้างมา”
พลอยกับอาทิตย์ร้องคู่กันเข้าขากันมากๆ หวานๆ มัทนีเห็นแล้วยิ่งหมั่นไส้
“และในโอกาสนี้ ขอเชิญเจ้าบ่าวเจ้าสาว เปิดฟลอร์เลยครับ” โมกข์
อเนกโค้งเชิญนรีเต้น แขกคนอื่นๆ ที่มาเป็นคู่ๆ โค้งชวนกันเต้น หาญดูเวลา ทำท่าจะปลีกตัว แต่จำเนียรคว้ามือไว้
“ไปเต้นกันเถอะค่ะ”
จำเนียรลากหาญออกไปเต้น

ลิ้นจี่นั่งอยู่คนเดียว มองหาคนที่อาจจะมาโค้ง แต่กลับเจอยามอ้วนคนเดิมมองจ้องมา ลิ้นจี่หันหน้าหนี แล้วก็ไปเห็นแววมยุราที่นั่งมองกิตติ แบบรอให้มาโค้งเต้น
“ท่านจะไม่ชวนภรรยาออกไปเต้นรำเหรอคะ” ลิ้นจี่ถามกิตติ
“คุณแววเขาไม่ชอบเต้น”
“ไม่จริงหรอกค่ะ ไปๆ บรรยากาศความสุขแบบนี้ ออกไปสวีทกันหน่อยเถอะค่ะ ไปๆ”
กิตติจำใจลุกไปยื่นมือให้แววมยุราอย่างเสียไม่ได้ มยุราลุกตามไปเต้นด้วย ลิ้นจี่ยิ้มๆ

เอกชเยศร์กำลังโค้งเชิญมัทนีเต้น แต่ยังไม่ทันได้เริ่มเต้นอะไร อยู่ๆ โทนี่ก็วิ่งเข้ามาสะกิดเอกชเยศร์
“น้องพี่ทำน้ำหก ไปเช็ดให้ทีสิ อะอ้าว คุณเอกชเยศร์”
“ชั้นไม่ใช่พนักงานเสิร์ฟ แล้วชุดนี้ราคาครึ่งแสน ไม่ใช่ชุดพนักงาน แยกไม่ออกหรือไง นี่ๆ ดีไซน์มันหรูกว่าตั้งเยอะ”
“ครับๆ ขอโทษทีครับ”
โทนี่ออกไป เอกชเยศร์สงบอารมณ์แล้วหันมาโค้งขอมัทนีเต้นอีก แต่ยังไม่ทันได้ออกไปเต้น แท่นก็วิ่งเข้ามาจากอีกด้าน กระชากแขนเอกชเยศร์
“น้อง เอาแก้วไปเก็บทีสิ เอ้า อะอ้าว คุณเอกชเยศร์”
“เออ ชั้นไม่ใช่พนักงานเสิร์ฟ ชุดนี้ราคาครึ่งแสน ไม่ใช่ชุดพนักงาน แยกไม่ออกหรือไง นี่ๆๆ ดีไซน์มันหรูกว่าตั้งเยอะ”
“ครับ ขอโทษทีนะครับ”

“คนพวกนี้มันตาต่ำจริงๆ มัท เราไปเต้นรำกันเถอะ”

เอกชเยศร์ยื่นมือให้ มัทนีกำลังจะจับมือ
 
แต่อยู่ๆ หัวหน้าพนักงานเสิร์ฟตัวโตล่ำบึ้ก เข้ามาลากตัว มัทนีเซ็ง เดินไปที่อื่น
“มาอู้อะไรตรงนี้ ในครัววุ่นวายจะแย่แล้ว ไปๆ”
“เฮ้ย ชั้นไม่ใช่พนักงาน ชั้นเป็นแขก แล้วชุดนี้ก็ราคาห้าหมื่น ไม่ใช่ชุดเด็กเสิร์ฟกระจอกๆ แยกไม่ออกหรือไง” เอกชเยศร์หันกลับมาหามัทนี แต่มัทนีหายไปแล้ว “อ้าว มัท มัทไปไหนแล้ว”
“อย่ามาตลก จะเอามั้ยค่าแรงขั้นต่ำสามร้อยบาท ไปทำงาน ไปๆ”
หัวหน้าคนงานลากเอกชเยศร์ออกไป เอกชเยศร์โวยวาย แต่ก็ไม่มีใครฟัง หัวหน้าคนงานลากเอาตัวออกไป ผ่านหน้าโมกข์ แท่น โทนี่ที่ยืนขำอยู่ด้านหนึ่ง ก่อนที่โมกข์จะหันไปพยักเพยิดเป็นเชิงรู้กันกับอาทิตย์
อาทิตย์เล่นเปียโนไป จับตาดูมัทนีไป แต่อยู่ๆ ก็มีเสียงโวยวายดังขึ้น
“โอ๊ย! นังโง่เอ๊ย”
กิตติผลักแววมยุราจนล้มลงไปกองกับพื้น อาทิตย์หยุดเล่นเปียโน แขกทุกคนชะงัก หยุดหมด
“รองเท้าคู่เป็นหมื่น เพิ่งถอยมา ก็มาเหยียบได้ ปัทโธ่ เต้นไม่เป็นแล้วยังอยากจะเต้นอีก ไป ออกไปรอที่รถ ไม่ต้องเข้ามาอีก ไป” แววมยุราอึ้ง อาย หน้าเสีย รีบลุกวิ่งหนี ฝ่าผู้คนออกไป มัทนีรีบตามแววมยุราออกไป “ไม่มีอะไรๆ สนุกกันต่อเถอะพวกเรา”

มัทนีเดินตามหาคุณหญิงแววมยุรา แต่คลาดกัน มองๆ หาไปรอบๆ แต่แล้วก็มีเสียง ประตูห้องน้ำหญิงที่เพิ่งดีดตัวเองปิดสนิทดังตึง! มัทนีเอะใจ
มัทนีเข้ามาในห้องน้ำหญิง พบแววมยุรายืนร้องไห้อยู่หน้าอ่างล้างมือ

อีกด้านหนึ่ง จำเนียรอุ้มท่วมทุ่งมา กำลังมองหาหาญ
“หายไปไหนนะ”
“ตามหาใครอยู่เหรอคะคุณจำเนียร” ปะการังเข้ามาถาม
“คุณปะการัง คือว่าคุณหาญน่ะสิ หายตัวไปไหนก็ไม่รู้ ใกล้จะได้เวลาส่งบ่าวสาวเข้าห้องหอแล้วด้วย ไม่รู้มีอะไรนักหนา วันนี้แปลกๆ ทั้งวัน”
“คุณหาญ ท่านคงมีเซอร์ไพร้สล่ะมั้งคะ หึๆ”
“เซอร์ไพร้ส อะไรคะ”
“แหม อย่าให้พูดเลยค่ะ เขิน มิน่าล่ะ คุณจำเนียรถึงได้ดูสวยไม่สร่าง เพราะยังคงซู่ซ่าๆ กับสามีอย่างนี้นี่เอง”
“คุณพูดถึงเรื่องอะไรคะ”
“ก็เรื่องที่คุณสองคนแอบเปิดห้องเอาไว้ คืนนี้ หลังงานเลิก แล้วก็คงไม่ใช่เปิดเพื่อนอนพัก ใช่มั้ยคะ เพราะรายการสิ่งของที่คุณหาญโน้ตให้พนักงานเตรียมเอาไว้ให้มันคืออุปกรณ์ เพิ่มความสุข แบบพิเศษ อัศจรรย์สุดเลยค่ะปะการังอิจฉามาก อยากให้อีตาโมกข์หัดมีอารมณ์โรแมนติกแบบคุณหาญบ้าง”
“คุณหาญเปิดห้องเอาไว้นอนกับชั้นเหรอ”
“ถ้าไม่ใช่คุณ แล้วจะเป็นใครคะ”
“ห้องเลขอะไรคะ” ท่วมทุ่งหอน
“เอ้อ คุณจำเนียร ฝากสุนัขไว้กับดิฉันก่อนไหมคะ ดิฉันมีที่รับฝากสุนัข ไม่อยากเอาขึ้นไปบนห้องน่ะค่ะ”
“วุ้ย ได้ค่ะ ฝากด้วยนะคะ”
จำเนียรส่งท่วมทุ่งให้แบบดี๊ด๊า ปะการังรับไป แล้วมองตามจำเนียรอย่างขำๆ ปนเอ็นดู ที่จำเนียรรีบไปอย่างระริกระรี้ ปะการังเดินเล่นกับท่วมทุ่งออกไป
“มาๆ มาอยู่กะคุณหมอรักหมาที่มุมของพวกเธอก่อนนะจ๊ะ เปิดโอกาสให้คุณแม่คุณพ่อเขาได้สวี้ทวิ้ดวิ้วกันหน่อย นานๆ ทีนะจ๊ะ อย่าดื้อนะจ๊ะ อย่าดื้อ”

จำเนียรมายืนที่หน้าห้องพักที่หาญสั่งเปิดแล้วยิ้มอย่างทะลึ่งทะเล้น
“แหมๆ คงจะติดใจจากวันนั้น แต่ทำเป็นฟอร์ม พวกธรรมะจัดก็แบบเนี้ย ปากหนัก คอยดูวันนี้จะทำให้ตบะแตกไม่มีชิ้นดีเลย หึๆ”
จำเนียรมองซ้ายมองขวา แล้วเข้าไปในห้อง ปิดประตูแบบแง้มๆ ไว้ แล้วสักพักหาญก็เดินลับๆ ล่อๆ มาตามทางเดิน มองซ้ายมองขวา จนกระทั่งมาหยุดที่หน้าห้องที่นัดหมายเอาไว้
“อุ๊บ ประตูปิดไม่สนิท แสดงว่าน้องนกมาถึงแล้วแน่ๆ คงจะเปิดประตูไว้อ่อยเรา หึๆ นกจ๋า วันนี้หานนี้จะสไลด์ให้น้องนกลืมวิธีบินไปเลย หึๆ ฮ่าๆ” หาญหยิบกล่องของขวัญที่อาทิตย์เอามา มาแกะออกแล้วเอาน้ำยาว่านออกมา ยกกระดกหมดทั้งขวด “ประกาศเตือน แขกของโรงแรมทุกท่าน ไม่ต้องตกใจ หากพบว่าคืนนี้เกิดแผ่นดินไหว แรงสั่นสะเทือนแปดจุดแปดริกเตอร์ ฮ่าๆ”
ว่าแล้ว หาญก็รีบเข้าไปในห้องทันที

ช่วงเวลาเดียวกันนั้นที่ห้องน้ำชาย กิตติกำลังล้างมืออยู่ในห้องน้ำ แต่แล้วก็รู้สึกว่ามีคนเดินเข้ามา กิตติเงยหน้ามองผ่านกระจกเห็นอาทิตย์ แท่น โทนี่ โมกข์ อเนกยืนอยู่ ราวกับจะมาหาเรื่อง
“ท่านครับ พวกผมขอคุยด้วยหน่อยนะครับ”
“เรื่องภรรยาของท่าน”
อีกด้านที่ห้องน้ำหญิงแววมยุรากำลังสะอื้นๆ มัทนีจับมือมากุม ปลอบใจ อยู่ๆ นรีเดินเข้ามา
“พี่นรี”
“มีอะไรหรือเปล่ามัท แล้วคุณแววเป็นอะไรไปคะ”
“ชั้นขอโทษนะ ที่ทำให้บรรยากาศงานแต่งของเธอเสีย ชั้นไม่ได้ตั้งใจจริงๆ”
“คุณแววคะ คุณแววช่วยตอบคำถามมัทตามตรงได้มั้ยคะ รอยแผลที่หน้าคุณ เป็นฝีมือของสามีคุณ ใช่มั้ยคะ”
แววมยุราสะอื้น

“เขาเคยรักชั้นนะ เคยรักมาก”
 
อ่านต่อหน้า 4

พ่อไก่แจ้ ตอนที่ 6 (ต่อ)

ที่ห้องน้ำชายกิตติกำลังโวยใส่พวกอาทิตย์

“ทำไมชั้นจะไม่มีสิทธิทำกับภรรยาแบบนั้น ในเมื่อเวลาเขาอยากจะได้อะไร ชั้นก็หามาให้ จะแหวนเพชร สร้อยไข่มุก ชั้นก็เอามาปรนเปรอให้ เพราะฉะนั้น อารมณ์อะไรนิดๆ หน่อยๆ ของชั้น เขาก็ต้องทนได้ ไม่มีสิทธิบ่น”
“จะบอกว่า คุณจ่ายเงินให้ภรรยา แลกกับการให้เขาอดทนยอมให้คุณกดขี่ข่มเหง อย่างนั้นเหรอ?” อาทิตย์ถาม

ที่ห้องน้ำหญิง
“พวกเธอไม่ต้องมาห่วงชั้นหรอก เธอกำลังจะแต่งงาน ชั้นก็ขอให้เธอโชคดี มีชีวิตคู่ที่สวยงามเหมือนในฝัน อย่าเป็นอย่างชั้น ที่ยิ่งกว่านรก ไม่มีอะไรสวยงามเหมือนที่คิดไว้เลย เขาให้ชั้นแต่งตัวสวยๆ ใช้เครื่องประดับแพงๆ เพราะแค่ต้องการใช้ชั้นเป็นเครื่องประดับบารมีเท่านั้น ชั้นมีค่าน้อยกว่ารองเท้าหนังวัวของเขาซะอีก” แววมยุราบอกทั้งน้ำตา
นรีอึ้งถึงกับเผลอจับแหวนหมั้นของตัวเองโดยไม่รู้ตัว
“แล้วคุณจะอดทนไปทำไมคะคุณแวว คุณจะยอมให้เขาทุบตี ทำร้ายคุณอย่างนี้ไปตลอดงั้นเหรอคะ” มัทนีถามอย่างไมเข้าใจ

ที่ห้องน้ำชาย
“ไม่ยอม มันก็ต้องยอม และถ้ามันคิดจะทำอะไรให้ชั้นเสื่อมเสีย ชั้นไม่เอาไว้แน่ ชั้นจะแนะนำพวกนายนะ ถ้าอยากจะมีชีวิตที่เจริญก้าวหน้า จงแต่งงานกับผู้หญิงที่สวยแต่โง่ พวกที่ชอบแต่งตัวเป็นพริตตี้ แต่อ่านภาษาไทยก็ไม่แตก พูดผิดๆ ถูกๆ เหมาะที่จะเอามาเป็นเมีย ยืนประดับบารมี มีหน้าที่ทำให้คนที่เราติดต่อธุรกิจด้วยอิจฉา แค่นั้นเอง” กิตติบอก
“คุณคิดอย่างนี้ แล้วไม่คิดถึงใจภรรยาคุณบ้างเหรอครับ” อเนกถามอย่างไม่พอใจ
“ทำไมต้องคิด”
“ผมว่าถ้าคุณไม่ได้อยู่กับภรรยาด้วยความรัก คุณเลิกกันดีกว่า” อาทิตย์บอก

ที่ห้องน้ำหญิง มัทนีก็บอกให้แววมยุราเลิกกับกิตติเหมือนกัน
“ชั้นเลิกกับเขาไม่ได้” แววมยุราบอก
“ทำไมคะ” นรีกับมัทนีถามออกมาพร้อมกัน
“เลิกไม่ได้ ก็คือไม่ได้ ชั้นขอบใจพวกเธอที่หวังดี แต่ไม่เป็นไร ไม่ต้องห่วง ชั้นอยู่อย่างนี้มานานแล้ว ชั้นทนได้”
แววมยุราชิ่งหนีออกจากห้องน้ำไป
“เดี๋ยวค่ะ คุณแวว”
มัทนี นรีตามออกไป

มัทนีกับนรีตามแววมยุราออกมา
“คุณแววคะ ฟังมัทก่อนนะคะ มัททำงานมูลนิธิเพื่อนหญิง มัทเจอเคสอย่างนี้บ่อยๆ คุณสามารถฟ้องหย่าได้ส่วนใหญ่แล้ว กรณีแบบนี้ ศาลมักจะตัดสินให้ฝ่ายหญิงชนะนะคะ”
“ใช่ค่ะ คุณอย่าทนอีกเลยนะคะคุณแวว เลิกกับสามีคุณเถอะค่ะ”
“จะเลิกกับชั้นเหรอ”
เสียงกิตติดังขึ้น กิตติเดินออกมาจากห้องน้ำชายได้ยินพอดี พวกอาทิตย์ตามออกมา ทั้งหมดตกตะลึง กิตติโกรธมาก มองจ้องราวกับจะกินเลือดเนื้อ จนแววมยุราถึงกับสยอง กลัวตัวสั่น
“เรามีเรื่องต้องคุยกัน กลับบ้าน”
กิตติจะเข้าไปจับตัวแววมยุรา แต่มัทนีก้าวมายืนขวางหน้าไว้ก่อน
“ถ้าคุณทำอะไรคุณแวว รับรองว่า...”
กิตติผลักมัทนี ชี้หน้า
“เรื่องของผัวเมีย อย่ามายุ่ง” กิตติกระชากแววมยุรามาอย่างแรง “ไป กลับบ้าน”
กิตติกระชากตัวแววมยุราออกไป เอกชเยศร์วิ่งเข้ามา
“มัท มีเรื่องอะไรกัน เกิดอะไรขึ้น แล้วคุณกิตติกลับแล้วเหรอ รอด้วยคร้าบ ผมจะไปส่งท่านขึ้นรถคร้าบบ”

กิตติกระชากแววมยุรามาที่ลานจอดรถ และเหวี่ยงแววมยุราไปกระแทกกับรถอย่างแรง
“คิดจะหย่ากับชั้นงั้นเหรอ”
“ชั้นเปล่า”
“โกหก” กิตติตบเปรี้ยง “ชั้นได้ยินกับหู ว่าพวกนั้นเชียร์ให้แกฟ้องหย่าจากชั้น แกไปบอกอะไรพวกมัน ห๊า! แกก็รู้ว่าชั้นกำลังจะลงเล่นการเมือง แทนที่จะสนับสนุนชั้น แต่กลับประจานชั้น อยากให้ชั้นสอบตกหรือไง” กิตติพุ่งเข้าจับตัวแววมยุรามา เขย่าๆ “แกเป็นเมียประสาอะไรกัน ห๊า ตอบมาสิ ตอบมา”
กิตติเขย่าๆ แววมยุราเจ็บแขนที่ถูกบีบ เลยฮึดกำลัง ผลักกิตติออก จนไปกระแทกกับรถ กิตติแค้นมาก แววมยุรารู้ตัวว่ากำลังจะโดนซ้อมอย่างหนัก
“ชั้น ชั้นไม่ได้ตั้งใจ” แววมยุรายกมือไหว้ “ชั้นขอโทษ อย่าทำอะไรชั้นเลย”
กิตติเดินเข้าหา แววมยุราหันหลังจะวิ่งหนี แต่กิตติกระชากผมเอาไว้ ดึงเข้ามาหา แล้วจับตัวแววมยุราดันไปจนกระแทกกับเสาลานจอดรถ
“แกกล้าสู้ชั้นเหรอ ห๊า”

กิตติจับแววมยุรากระแทกเสา กระแทกๆ

“หยุดนะคุณกิตติ ปล่อยคุณแววเดี๋ยวนี้ ปล่อย”

มัทนีรีบเข้ามาห้าม
“ออกไป”
“เอก ช่วยห้ามเขาที” มัทนีเรียกเอกชเยศร์ แต่เอกชเยศร์กลัว ไม่กล้า
“มัท มัทอยากให้เอกตกงานหรือไง แล้วอีกอย่าง นี่มันเรื่องในครอบครัวของเขา เราอย่าไปยุ่งดีกว่า กลับเข้าไปในโรงแรมเถอะ ไปๆ”
“เอก มัทไม่กลับ”
“กลับเถอะนะ”
แต่แล้วอยู่ๆ อาทิตย์ก็ปราดเข้าไป กระชากกิตติออกมาจากแววมยุรา แล้วอาทิตย์ก็ชกเปรี้ยง กิตติหน้าคว่ำไป
“รังแกผู้หญิง ยังมีความเป็นลูกผู้ชายหรือเปล่า”
“หน็อย ไอ้เด็กเมื่อวานซืน”
กิตติจะเข้าชก แต่อาทิตย์เก่งกว่า หลบหมัดได้ แล้วชกสวนกลับไป แล้วจับแขนกิตติบิดมาไพล่หลัง จนกิตติสิ้นท่า ร้องโอย แล้วอาทิตย์ก็ปล่อยกิตติ ผลักออกไป กิตติยังแค้น คิดจะสู้อีก แต่พวกออนก แท่น โทนี่ โมกข์ตามมาสมทบ กิตติชะงัก
“ถ้าท่านยังเปรี้ยวไม่เลิก อย่างน้อยๆ สิบเท้าของห้าคนที่ยืนตรงนี้ ประทับอกท่านแน่ๆ”
“ที่นี่โรงแรมผม ถ้าท่านไม่ไปดีๆ ผมจะเรียกรปภ.มาเชิญตัวออกไป”
“แก แล้วแกจะได้เห็นดีกัน” กิตติบอกอย่างแค้นๆ
เอกชเยศร์ยังคงประจบเอาใจกิตติ
“ท่านครับ ผมเปิดประตูให้ครับ”
เอกชเยศร์จะเข้าไปเปิดประตูให้ แต่กิตติผลักกระเด็น แล้วเปิดขึ้นไปนั่งเอง จนคนขับรถขับออกไป อาทิตย์เดินกลับมาหามัทนี ที่ดูแลแววมยุราอยู่
“คุณกับมูลนิธิของคุณเก่งนักไม่ใช่เหรอ เป็นศัตรูกับการใช้ความรุนแรงกับผู้หญิงทุกรูปแบบไม่ใช่เหรอ งั้นก็เอาเคสนี้ไปจัดการด้วยนะ ผมอยากจะรู้ ว่าคุณจะมีปัญญาเล่นงานคนระดับนั้นได้เหมือนที่เล่นงานพวกผมหรือเปล่า”
อาทิตย์บอก มัทนีอึ้งๆ

ในห้องพักของโรงแรม หาญนอนกลิ้งไปมาบนเตียง
“แอร๊ยๆ ยากำลังออกฤทธิ์แล้ว ปึ๋งๆ ปั๋งๆ บูมบาลาก้า ชิกกาลาก้า วี้ดบูม วี้ดบูม”
หาญกลิ้งตัวไปมองที่ประตูห้องน้ำ ห้องน้ำยังปิดอยู่ หาญทำหน้างุงิ แล้วลุกมา อารมณ์ร่าเริง ย่องดึ๋งๆ มาหยุดเงี่ยหูฟังหน้าห้องน้ำในห้องนอนที่ปิดอยู่ มีเสียงน้ำไหลเบาๆ หาญทำหน้าคิกๆ
“แหม ทำอะไรอยู่ในห้องน้ำนานจัง สงสัยคงกะจะขัดให้เอี่ยมๆ ล่ะสิ แหมๆ แบบนี้น่าจะเปิดประตู ให้เขาเข้าไปอาบด้วยนะตะเอง” หาญตัดสินใจเคาะ และทำเสียงน่ารัก “ตะล็อกต๊อกแต๊กๆ”

ในห้องน้ำ จำเนียรกดชักโครก แล้วเดินมาล้างมือเบาๆ หาญส่งเสียงดังขึ้น แต่บีบเสียงน่ารักๆ เหมือนเดิม
“ตาล็อกก ต๊อกก แต๊กกก”
จำเนียรได้ยิน ขำ ทำเสียงบีบน่ารักๆ ตอบ
“มาทามมาย”
หาญดีใจ ที่หญิงเล่นด้วย
“ว้าว น้องนกรู้จักเล่นตะล็อกต๊อกแต๊กด้วย ไม่น่าเชื่อเลย ปกติ เด็กรุ่นนี้จะเกิดไม่ทัน แจ๋วว่ะ สงสัย ตอนเด็กๆเคยเล่นกะพ่อแม่มา” หาญบีบเสียงตอบ “มาซื้อดอกไม้”
“ดอกอาราย”
“ดอกจำปี”
“ม่าย มี”
“ดอกจำปา”
“ม่าย มา”
“โอ๊ย แล้วเมื่อไหร่จะมาซะที น้องสาวจ๋า พี่ฟิตเต็มที่แล้วนะ อย่าเล่นเกมยื้อเวลากันอีกเลย มามะ มามะ ออกมาได้แล้วน้า”
“ต๊ายตาย คนบ้า ทะลึ่งตึงตังนัก เดี๋ยวเถอะ เดี๋ยวจะหยิกให้แขนเขียวเชียว มาแล้วๆ มาแล้วจ้า จะใจร้อนไปถึงไหนคะ”

ประตูห้องน้ำถูกเปิด หาญดีใจ รีบมาแอบข้างๆ เตรียมจ๊ะเอ๋เต็มที่ จำเนียรเดินออกมา หาญเข้าโจมตีด้านหลัง เข้ากอดล็อกไว้ทันที
“โฮก พี่เสือร้ายมาตะปบแม่นกน้อยแสนซนแล้วเอย”
จำเนียรหันมา หน้าน่ารักสุดๆ
“นกน้อยหนีไม่ทันแล้วเอย น้องนกกลัวจนตัวสั่น นกน้อยกลายเป็นลูกนกในกำมือ สุดแท้แต่พี่เสือ พี่จะบีบก็ตาย พี่จะคลายก็รอด” หาญช็อก
“จะจะจะ จำเนียร”
“หะหะหะ หาญ” จำเนียรทำเสียงล้อเลียน
“คุณ ได้ ได้ไง คุณมาในห้องนี้แล้ว แล้ว แล้ว”
“แล้วอะไรคะ ที่รัก” จำเนียรลูบหัวหาญ
“แล้ว คนอื่นๆ ลูก เจ้าบ่าว เจ้าสาว”
“ไม่มีใครรู้หรอกค่ะ ที่รัก เซอร์ไพร้สของคุณ มัน มันโอ๊ว มันล้ำมากค่ะ” จำเนียรลูบผมหาญจนปุยฟู
“ผม ผม คือ เอาวะ ไม่ไหวแล้ว”

หาญโดดกดตัวจำเนียร

เช้าวันใหม่ รถตำรวจแล่นเข้ามาจอดหน้าตึกบ้านอาทิตย์ ดูเอิกเกริก
 
มีตำรวจเปิดรถ แล้ววิ่งพรูกันลงมา พากันถามไถ่ถึงอาทิตย์ แล้วพากันเข้าบ้านไป พวกเด็กรับใช้ คนงาน มารุมดูกันฮือฮา
ในบ้าน ลิ้นจี่ถึงกับช็อกเมื่ออ่านหมายจับลูกชายโดนมีตำรวจยืนล้อม รอฟังกันจริงจัง
“อะไรนะคะ พวกคุณมีหมายจับ มาจับ อาทิตย์ ลูกชายดิฉัน”
“ข้อหา พยายามฆ่าครับ” ตำรวจบอก
“หา พยายามฆ่า ฆ่าใครคะ”
“ท่านกิตติครับ เหตุเกิดที่โรงแรม...เมื่อวานนี้ เรามีหลักฐานเป็นภาพจากโทรทัศน์วงจรปิดของทางโรงแรม จึงอยากจะมาเชิญนายอาทิตย์ไปให้ปากคำที่สถานีหน่อยครับ”
อาทิตย์อยู่ในชุดอยู่บ้าน ยืนฟังอยู่หลังประตูมานานแล้ว เดินออกมา
“ท่านกิตติเป็นคนไปแจ้งความเองงั้นหรือครับ” อาทิตย์ถาม ตำรวจพากันอึ้งๆ
“ครับ”
“และที่ผมโดนพวกคุณมาเชิญจนถึงบ้าน นี่ก็คงเพราะท่านกิตติ เร่งรัดพวกคุณด้วยตัวเองด้วย ใช่ไหมครับ”
“กรุณาไปกับเราเถอะนะครับ ทางเราก็อยากจะฟังความทางคุณเช่นกัน”
“ผม รู้สึกตลกเกี่ยวกับข้อหาน่ะครับ พยายามฆ่าเชียวหรือ มันเว่อร์ไปหน่อยไหม”
“ไอ้ท่านกิตตินี่มันต้องเป็นโรคจิตแน่ๆ ไอ้เลว ชั่ว ไอ้ พ่อแม่ไม่...” ลิ้นจี่จะด่าต่อ อาทิตย์กระแอมเตือน
“แม่ครับ แม่คงไม่อยากโดนข้อหาหมิ่นประมาทด้วยอีกคนหรอกนะฮะ”
ลิ้นจี่เบรก รีบปิดปากแทบไม่ทัน

ที่โรงพัก อาทิตย์ แท่น โทนี่ โมกข์นั่งกันพร้อมหน้า มองดูภาพจากกล้องcctv ที่มีแค่ตรงอาทิตย์ต่อยท่านกิตติที่ลานจอดรถ ที่ตรงเพลย์ให้ดูจากคอมพ์บนโต๊ะของโรงพัก ภาพที่มีคือช่วงที่อาทิตย์ชกท่านกิตติล้วนๆ จากมุมกล้อง ดูโหดร้ายมาก หน้าอาทิตย์โหดสุดๆ พวกอาทิตย์หันมามองหน้ากัน
“โทษทีนะ แล้วช่วงก่อนหน้านี้หายไปไหนล่ะครับ” โทนี่ถามขึ้นมา
“ใช่ๆ ช่วงที่อิตากิตติทำร้ายเมียตัวเอง หายไปไหน” แท่นบอก
“แล้วหลังจากนี้ด้วย ภาพหายไปไหน ภาพพวกนี้ ไอ้กิตติมันเอามาให้ล่ะสิ ไม่ได้แล้ว นี่มันโรงแรมเมียผม ผมจะเอาภาพทั้งหมดจากฝ่ายรักษาความปลอดภัยมาให้คุณตำรวจเอง” โมกข์บอก
“นายกิตติเขาทำร้ายร้างกายผู้หญิง ทำให้ผมทนไม่ได้จริงๆ ผมอาจจะทำร้ายเขาเพราะบันดาลโทสะ ทนไม่ไหว แต่ไม่ใช่การพยายามฆ่าแน่ๆ” อาทิตย์บอก
“ใจเย็นๆ เว้ย อาทิตย์ เดี๋ยวชั้นโทรเดี๋ยวนี้เลย ให้ที่โรงแรมเอาคลิปวิดีโอต้นฉบับทั้งหมดมาให้” โมกข์บอก
“คุณว่า โรงแรมนั้น เป็นของภรรยาคุณ?” ตำรวจถาม
“ใช่ แล้วทำไม”
“แบบนี้คุณก็สามารถทำอะไรกับเทปต้นฉบับได้ตามใจชอบสิ เช่น ตัดต่อ หรือถ่ายอะไรเพิ่มเข้าไป” ตำรวจบอก
“อ้าว พูดแบบนี้แปลว่าอะไรเนี่ย นี่พวกคุณเล่นตั้งธงเอาไว้แล้วนี่ว่าจะเล่นงานเพื่อนผม” โทนี่บอกอย่างไม่พอใจ
“ถ้าจะเล่นกันแบบนี้ ผมไม่ขอพูดอะไรดีกว่า เราไปเจอกันที่ศาลเลยก็แล้วกัน ไป พวกเรากลับ” อาทิตย์บอก
“เซ็นรับทราบข้อกล่าวหาก่อนครับ” ตำรวจบอก
“ผมไม่เซ็นอะไรทั้งนั้น”
“ให้ความร่วมมือกันหน่อยสิครับ คุณ”
“ผมไม่ร่วมมืออะไรกับคนแปลกหน้า”
“ก็แค่เซ็นนิดเดียวเองครับ คุณอาทิตย์”
“ข้อหาพยายามฆ่าเนี่ยนะ”
เพื่อนๆ อาทิตย์เข้ามาขวางพวกตำรวจไม่ให้มายุ่งกับอาทิตย์ ภาพดูวุ่นวายดูเหมือนมีเรื่องกัน

ทันใด แสงแฟลชสว่างพั่บๆ เต็มหน้าอาทิตย์ จนอาทิตย์ตาหยี แล้วต้องยกมือกัน อาทิตย์พยายามหลบจะหันหนี
“แหม คนเลวนี่มันเลวครบสูตรจริงๆ นอกจากจะเป็นเพลย์บอย เห็นผู้หญิงเป็นของเล่นแล้ว ยังเป็นนักเลงอันธพาลกันทั้งแก๊ง” เสียงเอกชเยศน์ดังขึ้น อาทิตย์ตั้งสติ หันไปมอง เอกชเยศร์กำลังเชียร์ช่างภาพ2-3คนให้ถ่าย “เอาเลยๆ น้อง ถ่ายอีกๆ เราจะได้เอาไปลงหลายๆ ฉบับ ภาพมันจะได้มีมุมต่างๆ กันไป ดูสิ ว่าคนพวกนี้มันขึ้นลงโรงพักจนตำรวจเขาเบื่อจะแย่อยู่แล้ว”
“ไอ้เอกชเยศร์”
“แน่ะๆ ดูๆ มันอาฆาตผมด้วย มีการเรียกชื่อเป็นการขู่สำทับด้วย ไหน กล้องใครเป็นภาพเคลื่อนไหวบ้าง เอาลงข่าวทีวีไปเลยนะ ว่ามันมีการข่มขวัญนักข่าวอย่างพี่ด้วย”
พวกช่างภาพถ่ายกันใหญ่ อาทิตย์มองเอกชเยศร์อย่างแค้นๆ เอกชเยศร์มองท้าทาย เยาะๆ

ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง บริกรเอาน้ำปั่นสวยๆ มาเสิร์ฟลิ้นจี่กับอาทิตย์ ที่ดูกระวนกระวาย ทั้งสองนั่งในมุมด้านในของร้าน ที่มีต้นไม้บังจนดูลึกลับ
อาทิตย์ดูนาฬิกาข้อมือ ชะเง้อ รอคอย บริกรเปิดประตูร้าน แววมยุราก้าวเข้ามา สวมหมวกปีกกว้าง ใส่แว่นดำ มีผ้าพันคอ ลักษณะพรางตัว กลัวคนจำได้ เดินเข้ามา แล้วหยุดมองหารอบๆ ลังเล ถอดแว่นออก ลิ้นจี่เห็น ดีใจ จำได้ รีบยกมือเรียก
 
แววมยุรารีบเดินเข้ามา รีบนั่ง

“ต้องขอโทษนะคะ ที่เราต้องรบกวนคุณ คืออาทิตย์ต้องการความช่วยเหลือจากคุณจริงๆ ค่ะ”

“ขอบคุณคุณแววมยุรามากครับ ที่คุณกรุณามา”
“สามีดิฉัน เขาแจ้งความว่าคุณทำร้ายร่างกายเข้าหรือคะ คุณอาทิตย์”
“เขาแจ้งว่าผมพยายามฆ่าครับ”
“พยายามฆ่า” แววมยุราตกใจ บริกรเข้ามา
“รับอะไรครับ”
“ไม่ล่ะคะ มาแป๊บเดียว จะกลับแล้ว”
“ผมอยากจะขอร้องแค่ คุณแววมยุราช่วยมาเป็นพยานให้ผม หากผมต้องขึ้นไปสู้คดีที่ศาลได้ไหมครับ”
“หา ขึ้นศาลหรือคะ”
“ครับ คุณแววกรุณาพูดความจริงแค่นั้นเองครับ แค่เล่าว่าที่ผมโดดไปชกสามีคุณแวว เพราะเขาทำร้ายคุณแวว แล้วผมเลยทนไม่ได้ เลยเข้าไปสั่งสอนเขาบ้างอะไรบ้าง”
แววมยุรานิ่งอึ้งไป
“คุณแววคะ จะให้อาทิตย์เขาต้องตกเป็นผู้ต้องหาพยายามฆ่า เพราะเค้าอยากช่วยคุณ ไม่ให้โดนสามีรังแกไม่ได้นะคะ” ลิ้นจี่บอก
“คือ ขอพูดอย่างตรงๆ เลยนะคะ ถึงคุณกิตติเขาจะทำร้ายฉันยังไง แต่ฉันก็ยินยอมให้เค้าทำร้าย คนนอกไม่ควรเข้ามายุ่ง เพราะมันคือเรื่องของผัวเมีย ถูกไหมคะ”
อาทิตย์ช็อกที่แววมยุราพูดแบบนี้
“อะไรนะ”
“คุณแวว แต่ว่า...” ลิ้นจี่จะพูดแต่แววมยุราขัดขึ้น
“ขอโทษนะคะ ดิฉันคงช่วยอะไรคุณอาทิตย์ไม่ได้ เสียใจจริงๆ ค่ะ”
อาทิตย์ ลิ้นจี่ มองดูตามหน้าตา เนื้อตัวของแววมยุรา ที่ตา แก้ม แขน ขา มีรอยช้ำจ้ำๆ สองแม่ลูกสบตากัน เศร้าใจ

วันต่อมาที่บ้านมัทนี หาญนั่งกอดเข่า ตาลอยคว้าง ท่วมทุ่งมาตะกายๆ
“อะไรอีกล่ะ ไอ้หมาน่ารำคาญ” ท่วมทุ่งคาบสายจูงมาวาง “จะให้พาไปเดินเล่นงิ เดินก็เดินวะ”
หาญลุก ใส่สายจูงให้หมา แล้วจูงจะออกไป สวนกับจำเนียรที่ถือหนังสือพิมพ์รายวันเข้ามาพอดี
“อ้าว คุณ พาหมาคุณไปเดินที”
“แหมๆ หมาชั้น ก็เหมือนหมาคุณล่ะน่า เพราะมันคือหมาของเรานะจ๊ะ พ่อหวานใจ ชุบุๆ” จำเนียรทำปากจุ๊บให้
“โอเคๆ พาไปเองก็ได้”
“นะ-ระ-อ้ะ”
จำเนียรทำตาหวานใส่ เข้ามาลูบหัวหาญเบาๆ
“กึ๋ย” หาญรีบเผ่น จูงท่วมทุ่งออกไป จำเนียรมองตาม หัวเราะ ทำท่าปิดปาก แบบน่ารัก
“ครุคริครุคริ”

จำเนียรเดินมานั่ง คลี่หนังสือพิมพ์อ่าน แล้วตาเหลือก เพราะที่หน้า1 มีภาพอาทิตย์ชัดที่โรงพัก กำลังทำท่าเอาเรื่องใส่ตำรวจ
“พ่ออาทิตย์” จำเนียรรีบอ่านคำบรรยายใต้ภาพ “อาทิตย์ บวรกิจบรรหาร ทายาทคุณนายลิ้นจี่ เจ้าของยาสมุนไพรเพื่อสุขภาพชื่อดัง กร่าง ทำร้ายร่างกายผู้อื่นถึงขั้นโดนข้อหาพยายามฆ่า...” อ่านต่อหน้า จำเนียรรีบพลิกเป็นการใหญ่ ก้มหน้าก้มตาอ่านจริงจัง ขณะนั้นมัทนีเดินลงมาพอดี “โธ่ พ่ออาทิตย์ ไม่น่าเลย ทำไม ทำไมคนดีๆ ต้องโดนแบบนี้ มันใช่เหรอ ชั้นไม่ยอมๆ พ่ออาทิตย์ โธ่”
จำเนียรพูดคนเดียว มัทนีได้ยิน ตกใจ
“อะไรคะ แม่ เกิดอะไรขึ้น นายอาทิตย์เป็นอะไร ตาย หรือคะ”
มัทนีวิ่งเข้ามา กระชากหนังสือพิมพ์ไปจากมือแม่อย่างลืมตัว แล้ววิ่งเอาไปอ่านด้านหนึ่ง
“ไม่ใช่อย่างนั้น คือ...”

จำเนียรเห็นมัทนีอ่านแล้วก็เลยไม่พูดต่อ ยืนรอดูปฏิกิริยา สักพักมัทนีวางหนังสือพิมพ์ลง หน้าขรึม นิ่งๆ
“ข่าวนี่มันโกหกชัดๆ นะคะ แม่”
“ลูกอยู่ในเหตุการณ์ใช่ไหม แม่ไม่เห็น มัวแต่ เอ่อ” จำเนียรทำท่ากระตุ้งกระติ้ง “ช่างเถอะ แต่แม่ก็เห็นจนพอแล้วว่าไอ้นายกิตติคนนี้มันเป็นคนยังไง แม่คิดว่าสมควรแล้ว ที่มันจะโดนพ่ออาทิตย์จัดหนัก”
“หนูอยู่ในเหตุการณ์ค่ะแม่ หนูเอง ยังอยากจะโดดชกไอ้นายกิตติให้เละเหมือนกัน ความจริงมันไม่ใช่แบบที่หนังสือพิมพ์ลงซักหน่อย”
“หนูอยู่ในเหตุการณ์”
“ค่ะ”
“งั้นแบบนี้หนูก็ไปช่วยเป็นพยานให้เค้าได้น่ะสิ”
“อุ๊ย ไม่ต้องถึงหนูมั้งคะ แต่เพื่อนๆ เค้าก็มีกันตั้งหลายคน ก็เป็นพยานให้กันได้อยู่แล้ว”
“เอ๊ะ นี่ ทำไมหนูพูดเหมือนคนไม่มีความรู้ทางกฎหมายแบบนี้ล่ะ คนเป็นเพื่อนกัน เป็นพวกเดียวกัน ให้การช่วยกัน มันไม่มีน้ำหนักเท่าไหร่นะลูก บางทีตำรวจก็ไม่ยอมรับฟังด้วยซ้ำ เพราะเห็นว่าเพื่อนกัน ย่อมช่วยเหลือกัน หนูนั่นแหละควรจะไปช่วยเค้า ในฐานะที่หนูทำงานช่วยผู้หญิง แล้วนี่ คุณอาทิตย์เขาโดนเล่นงานแบบนี้ เพราะเขาไปเล่นงานคนที่รังแกผู้หญิงเข้า”
“แต่หนูไม่...”
“ทีเวลาหนูทำงานมูลนิธิ หนูยังยินดีช่วยคนที่หนูไม่รู้จักเลยด้วยซ้ำ แต่นี่เขาเป็นคนที่หนูรู้จัก แล้วเขาก็ดีกับบ้านเรา เวลานี้เขาโดนผู้มิอิทธิพลกลั่นแกล้ง หนูจะทำไม่รู้ไม่ชี้ได้ไง ลูก”
 
จำเนียรทำเสียงจริงจัง มัทนีอึ้งๆ
 
อ่านต่อตอนที่ 7
กำลังโหลดความคิดเห็น