อธิบดีกรมสุขภาพจิต แนะรักษาความสัมพันธ์ในครอบครัวตั้งสติไม่ใช้ความรุนแรง หากคิดต่างเรื่องการเมือง
นพ.เจษฎา โชคดำรงสุข อธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวถึงสถานการณ์ทางการเมืองที่เริ่มส่งผลกระทบต่อสัมพันธภาพในครอบครัว ว่า เรื่องของการเมืองมักมีความศรัทธาส่วนบุคคลเข้ามาประกอบ ที่ย่อมส่งผลต่อมุมมอง เกิดความเห็นที่แตกต่าง ซึ่งเป็นเรื่องปกติ แต่หากไม่ผ่อนคลายลงบ้างจะทำให้เกิดอารมณ์ทางการเมืองที่อาจนำไปสู่ความรุนแรงและความสูญเสียได้ ที่สำคัญ หากไม่ระมัดระวังย่อมส่งผลต่อสายสัมพันธ์ในครอบครัวและเพื่อนฝูง
นพ.เจษฎา กล่าวอีกว่า ความคิดเห็นที่แตกต่างกันเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ แต่ต้องเป็นไปด้วยการเคารพในสิทธิและบทบาทซึ่งกันและกัน เราจึงควรเปิดใจกว้าง ไม่มองคนที่เห็นต่างจากเราเป็นศัตรู ไม่ใช้ความรุนแรงตัดสินเมื่อเห็นต่าง มองเป้าหมายร่วม ซึ่งก็คือความต้องการที่จะเปลี่ยนแปลงประเทศให้ดีขึ้น เพราะเราทุกคนต่างเป็นคนไทยเป็นครอบครัวเดียวกัน ข้อแนะนำเมื่อเกิดความเห็นต่างในครอบครัว คือ ควรคุยกันโดยมีกติการ่วมกันว่า จะคุยเพื่อทำความเข้าใจและเรียนรู้ความคิดเห็นของอีกฝ่าย โดยต้องรับฟังกัน ไม่มุ่งเอาชนะกัน แต่ถ้าคุยกันไปแล้วรุนแรงขึ้นจนระงับอารมณ์ไม่ได้ ก็ให้เลิกคุย ไม่ต้องใช้เหตุผลมาเถียงกัน เพราะยิ่งเถียงจะยิ่งเครียด และไม่เกิดประโยชน์อะไรทั้งสิ้น ขณะเดียวกัน เมื่อต้องเสพข้อมูลข่าวสารที่มีอยู่มากมายในเวลานี้ ต้องพึงตั้งสติและระมัดระวัง เพราะข้อมูลข่าวสารที่ปรากฏนั้นย่อมมีทั้งข่าวจริง ข่าวลือ ข่าวปล่อย ค่อยๆ กลั่นกรอง อย่ารีบร้อน เพราะจะยิ่งทำให้เกิดความเครียด เพิ่มความโกรธ ความเกลียดแค้นชิงชัง หรือทำให้มองโลกในแง่ลบมากขึ้น และอาจนำไปสู่ความรุนแรงได้ จึงควรหาเวลาพักผ่อน ไม่จดจ่อแต่เรื่องการเมือง หรือการอยากเอาชนะแต่เพียงอย่างเดียว หลีกเลี่ยงการสนทนาการเมือง ลดความสนใจลงบ้าง ทำกิจกรรมผ่อนคลายกับครอบครัวบ้าง หรือถอนตัวออกจากเหตุการณ์การเมืองสักระยะหนึ่งบ้าง ที่สำคัญ รักษาสายสัมพันธ์ที่ดีให้คงอยู่ในครอบครัว อย่าให้เรื่องของการเมืองเข้ามามีอิทธิพลมากเกินไปจนอยู่เหนือความสัมพันธ์ เพราะการเมืองไม่ใช่ทั้งหมดของชีวิต หากเป็นเพียงส่วนหนึ่งของชีวิตเท่านั้น ทั้งนี้ หากมีปัญหาทุกข์ใจ ไม่สบายใจ สามารถขอรับบริการปรึกษาได้ที่สายด่วน 1323 ฟรี ตลอด 24 ชั่วโมง หรือขอรับบริการในหน่วยงานสังกัดกรมสุขภาพจิตได้ทุกแห่งทั่วประเทศในวันและเวลาราชการ
นพ.เจษฎา โชคดำรงสุข อธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวถึงสถานการณ์ทางการเมืองที่เริ่มส่งผลกระทบต่อสัมพันธภาพในครอบครัว ว่า เรื่องของการเมืองมักมีความศรัทธาส่วนบุคคลเข้ามาประกอบ ที่ย่อมส่งผลต่อมุมมอง เกิดความเห็นที่แตกต่าง ซึ่งเป็นเรื่องปกติ แต่หากไม่ผ่อนคลายลงบ้างจะทำให้เกิดอารมณ์ทางการเมืองที่อาจนำไปสู่ความรุนแรงและความสูญเสียได้ ที่สำคัญ หากไม่ระมัดระวังย่อมส่งผลต่อสายสัมพันธ์ในครอบครัวและเพื่อนฝูง
นพ.เจษฎา กล่าวอีกว่า ความคิดเห็นที่แตกต่างกันเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ แต่ต้องเป็นไปด้วยการเคารพในสิทธิและบทบาทซึ่งกันและกัน เราจึงควรเปิดใจกว้าง ไม่มองคนที่เห็นต่างจากเราเป็นศัตรู ไม่ใช้ความรุนแรงตัดสินเมื่อเห็นต่าง มองเป้าหมายร่วม ซึ่งก็คือความต้องการที่จะเปลี่ยนแปลงประเทศให้ดีขึ้น เพราะเราทุกคนต่างเป็นคนไทยเป็นครอบครัวเดียวกัน ข้อแนะนำเมื่อเกิดความเห็นต่างในครอบครัว คือ ควรคุยกันโดยมีกติการ่วมกันว่า จะคุยเพื่อทำความเข้าใจและเรียนรู้ความคิดเห็นของอีกฝ่าย โดยต้องรับฟังกัน ไม่มุ่งเอาชนะกัน แต่ถ้าคุยกันไปแล้วรุนแรงขึ้นจนระงับอารมณ์ไม่ได้ ก็ให้เลิกคุย ไม่ต้องใช้เหตุผลมาเถียงกัน เพราะยิ่งเถียงจะยิ่งเครียด และไม่เกิดประโยชน์อะไรทั้งสิ้น ขณะเดียวกัน เมื่อต้องเสพข้อมูลข่าวสารที่มีอยู่มากมายในเวลานี้ ต้องพึงตั้งสติและระมัดระวัง เพราะข้อมูลข่าวสารที่ปรากฏนั้นย่อมมีทั้งข่าวจริง ข่าวลือ ข่าวปล่อย ค่อยๆ กลั่นกรอง อย่ารีบร้อน เพราะจะยิ่งทำให้เกิดความเครียด เพิ่มความโกรธ ความเกลียดแค้นชิงชัง หรือทำให้มองโลกในแง่ลบมากขึ้น และอาจนำไปสู่ความรุนแรงได้ จึงควรหาเวลาพักผ่อน ไม่จดจ่อแต่เรื่องการเมือง หรือการอยากเอาชนะแต่เพียงอย่างเดียว หลีกเลี่ยงการสนทนาการเมือง ลดความสนใจลงบ้าง ทำกิจกรรมผ่อนคลายกับครอบครัวบ้าง หรือถอนตัวออกจากเหตุการณ์การเมืองสักระยะหนึ่งบ้าง ที่สำคัญ รักษาสายสัมพันธ์ที่ดีให้คงอยู่ในครอบครัว อย่าให้เรื่องของการเมืองเข้ามามีอิทธิพลมากเกินไปจนอยู่เหนือความสัมพันธ์ เพราะการเมืองไม่ใช่ทั้งหมดของชีวิต หากเป็นเพียงส่วนหนึ่งของชีวิตเท่านั้น ทั้งนี้ หากมีปัญหาทุกข์ใจ ไม่สบายใจ สามารถขอรับบริการปรึกษาได้ที่สายด่วน 1323 ฟรี ตลอด 24 ชั่วโมง หรือขอรับบริการในหน่วยงานสังกัดกรมสุขภาพจิตได้ทุกแห่งทั่วประเทศในวันและเวลาราชการ