xs
xsm
sm
md
lg

ชวนคิดชวนทำ : 7 เคล็ดลับ ฝ่าฟันสถานการณ์เลวร้าย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“โธ่โว้ย..ทำงานแทบตาย แต่เจ้านายไม่เคยเห็น ความดีความชอบก็ไม่เคยได้ ชีวิตบัดซบจริงๆ”
“ดูซิ..เราทำดีไม่ได้ดี แต่ทีคนทำชั่วกลับได้ดี โลกนี้มันเป็นอะไรไปแล้ว”
“มีแฟนกี่คนๆ ก็ถูกทิ้ง ไม่รู้จะมีชีวิตอยู่ไปทำไม”


นี่คือส่วนหนึ่งของความรู้สึกต่อสถานการณ์อันเลวร้าย ที่เชื่อว่าเคยเกิดขึ้นกับใครหลายคน แต่บางคนก็สามารถจัดการแก้ปัญหาได้ผ่านฉลุย โดยเสียเวลาและความรู้สึกน้อยที่สุด ขณะที่บางคนใช้เวลาเนิ่นนานนั่งจมอยู่กับกองทุกข์ โดยไม่สามารถแก้ไขอะไรได้ เพราะไม่รู้วิธีจัดการกับปัญหา

ดังนั้น ชวนคิดชวนทำจึงได้รวบรวมเคล็ดเคล็ดลับในการฝ่าฟันสถานการณ์ที่เลวร้ายในชีวิต จากผู้ที่เคยทำสำเร็จมาแล้ว มาแบ่งปันเพื่อชีวิตที่ดีร่วมกัน

1. ยอมรับความจริง

คนส่วนใหญ่เมื่อต้องตกอยู่ในสถานการณ์ยากลำบาก จะมีปฏิกิริยาคล้ายกันคือ เริ่มต้นด้วยอาการช็อกและไม่ยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้น ตามมาด้วยความรู้สึกด้านลบ เช่น เจ็บปวด โกรธ เคียดแค้น ชิงชัง รู้สึกผิด ฯลฯ

ดังนั้น สิ่งแรกที่ควรทำคือ ต้องยอมรับความจริงที่เกิดขึ้นก่อน ฟังดูเหมือนง่าย แต่ก็มีหลายคนที่ไม่อาจจะระงับอารมณ์ความรู้สึกดังกล่าวได้

หากเป็นเช่นนี้ ก็จงปลดปล่อยความรู้สึกแย่ๆออกมาให้หมด เช่น ร้องไห้คร่ำครวญให้สุดๆ แล้วหลังจากนั้น ก็ยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้น เพราะยิ่งรับความจริงได้เร็วเท่าไหร่ ก็ยิ่งทำให้ตั้งรับสถานการณ์ได้เร็วเท่านั้น และเมื่อรู้วิธีแก้ไขแล้ว ก็จะช่วยให้คุณรู้สึกดีขึ้นได้

โปรดจำไว้ว่า อย่ารอจนกว่าจะรู้สึกดีขึ้น จึงเริ่มลงมือทำ แต่จงรีบทำก่อน แล้วความรู้สึกจะดีขึ้นเอง

2. ใช้สติปัญญาแก้ไข

จงใช้สติปัญญาแก้ไขสถานการณ์ อย่ายอมแพ้เมื่อต้องตกอยู่ท่ามกลางปัญหาที่เลวร้าย ดูหมดสิ้นหนทาง พึงระลึกเสมอว่า ทุกปัญหามีทางแก้ ขอเพียงคุณมีจิตใจเข้มแข็ง ไม่ย่อท้อ และพร้อมต่อสู้

ที่สำคัญ จงมีสติและเชื่อมั่นในหลักธรรมที่ว่า “สรรพสิ่งล้วนเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป” ไม่มีอะไรคงที่อยู่ได้นาน ความเลวร้ายทั้งหลายทั้งปวงก็เช่นกัน มันก็จะต้องจบสิ้นลงอย่างแน่นอน เมื่อเข้าใจสัจธรรมนี้แล้ว ไม่ว่าสถานการณ์จะหนักหนาเพียงใด คุณก็จะสามารถก้าวข้ามพ้นไปได้

3. ปรับวิธีคิด

หลายคนรู้สึกว่า ชีวิตนี้มีแต่ความอยุติธรรม เช่น คนขยันทำงาน กลับไม่ก้าวหน้า แต่คนเกียจคร้าน รู้จักประจบสอพลอเจ้านาย กลับได้ดี หรือบางครั้งการทำดี กลับไม่ได้สิ่งดีๆตอนแทน ฯลฯ ซึ่งเป็นที่มาของคำพูดเย้ยหยันว่า “ทำดีได้ดีมีที่ไหน ทำชั่วได้ดีมีถมไป” เรื่องเช่นนี้อาจทำให้คุณรู้สึกโกรธ ไม่พอใจ และรู้สึกแย่ๆกับตัวเอง

ดังนั้น วิธีที่ใช้รับมือกับความรู้สึกเช่นนี้ คือการปรับเปลี่ยนวิธีคิด เพราะการทำดีได้ดีนั้น ต้องเข้าใจว่า เราได้ดีตั้งแต่สิ่งที่ทำเสร็จไปแล้ว นั่นคือ ความภาคภูมิใจ อิ่มเอมใจกับสิ่งดีๆที่ได้ทำ ส่วนเรื่องอื่นๆที่จะตามมาหลังจากนั้น คือผลพลอยได้ต่างหาก

ข้อสำคัญ อย่าปล่อยให้ความคิดที่ว่า “โลกนี้ช่างไร้ความยุติธรรม” มาขัดขวางมิให้คุณกระทำสิ่งดีๆต่อตัวเองและผู้อื่น เพราะการทำความดีคือคุณธรรมพื้นฐานของการดำรงชีวิต

4. เรียนรู้จากบทเรียน

มีคำกล่าวว่า “ทุกคนที่เราเจอะเจอนั้น มาเพื่อให้บทเรียนบางสิ่งบางอย่างแก่เรา” หากคิดได้เช่นนี้ คุณจะมองว่า การที่มีคนหรือเหตุการณ์เข้ามารบกวน ทำให้ขุ่นข้องหมองใจนั้น ถือเป็นบทเรียนที่จะช่วยฝึกความอดทนอดกลั้นต่อสิ่งต่างๆ ซึ่งจะช่วยตอบโต้เหตุการณ์เลวร้ายต่างๆที่เกิดขึ้น ให้เป็นไปในทางที่ดี

เช่น ถ้าตกงาน นั่นอาจเป็นเหตุการณ์ที่ทำให้ได้รู้ถึงความต้องการที่แท้จริงในชีวิต หรือถ้าผิดหวังเรื่องความรัก นั่นอาจสอนให้มีจิตใจที่เข้มแข็งขึ้น

เชื่อเถอะว่า บทเรียนชีวิตเหล่านี้จะช่วยให้เกิดการเปลี่ยนแปลงไปในด้านดี ซึ่งทำให้คุณรู้สึกมีพลังที่จะเดินหน้าต่อไป

5. ชีวิตไม่สิ้น ต้องดิ้นต่อไป

บ่อยครั้งที่คนเรามักทำเรื่องเล็กๆน้อยๆที่เข้ามากระทบจิตใจ ให้กลายเป็นเรื่องใหญ่ เหมือนกับไม้ขีดไฟเล็กๆเพียงก้านเดียวที่สามารถเผาทำลายบ้านได้ทั้งหลัง

เพราะฉะนั้นต้องพิจารณาให้เห็นว่า เหตุการณ์ร้ายๆที่เกิดขึ้นนั้น มักมีเรื่องดีๆแฝงตัวมาด้วย ดังมีคำกล่าวว่า “วิกฤตคือโอกาส” เช่น ยามปกติ เราจะไม่สนใจเรื่องสุขภาพ จึงไม่ใส่ใจดูแลสุขภาพ ทั้งเรื่องอาหารการกิน การออกกำลังกาย จนกระทั่งวันหนึ่งที่เกิดเจ็บป่วยขึ้นมา จึงได้เห็นความสำคัญว่า การมีสุขภาพดีนั้น ทำให้มีความสุขเพียงใด

ดังนั้น ไม่ว่าคุณกำลังเผชิญหน้ากับสถานการณ์เลวร้ายเพียงใด ขอให้ถามตัวเองว่า “มันทำให้ชีวิตคุณต้องจบสิ้นลงวันนี้หรือเปล่า”

ถ้าคำตอบคือ “ไม่ใช่” คุณก็ต้องลุกขึ้นมาเดินหน้าสู้ต่อไป จำไว้ว่า.. “หลังฝนตก ท้องฟ้าย่อมแจ่มใสเสมอ”

6. เริ่มต้นใหม่ได้ทุกที่

มันเป็นเรื่องง่ายที่จะทำในสิ่งที่ตนเองคุ้นเคยและมีความสุขอยู่แล้ว แต่เมื่อมีเหตุให้ต้องก้าวออกจากสิ่งที่คุ้นเคย คุณอาจหยุดชะงัก เครียด และไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไรต่อไป

อยากบอกว่า ชีวิตคนเรานั้น ไม่มีอะไรสายเกินไปสำหรับการเริ่มต้นใหม่ เช่น แม้วันนี้จะตกงาน คุณก็ยังสามารถหางานใหม่ที่อาจดีกว่าเดิมได้ และเมื่อมองหาหนทางใหม่ได้เร็วเท่าใด ก็ยิ่งสามารถเปลี่ยนเรื่องร้ายให้กลายเป็นดีได้เร็วเท่านั้น

7. มีอารมณ์ขัน

ท้ายสุด แต่อาจเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด นั่นคือ ต้องมีอารมณ์ขัน แม้ในยามคับขัน เพราะอารมณ์ขันจะช่วยบรรเทาความตึงเครียดให้ลดน้อยลง เช่น เมื่อมีปัญหาการเงิน ทำให้ต้องขายทรัพย์สินออกไป คุณอาจมองให้เป็นเรื่องขำๆว่า “ดีแล้ว จะได้ไม่ต้องมานั่งเก็บรักษาอีกต่อไป เป็นภาระเปล่าๆ”

นอกจากการมีอารมณ์ขันแล้ว การทำจิตใจให้สงบ ด้วยการนั่งสมาธิ เดินเล่น ฟังเพลงโปรด หรือดูรายการทีวีที่ชอบ ซึ่งช่วยให้ร่างกายและจิตใจผ่อนคลายไปพร้อมๆกัน ก็เป็นสิ่งจำเป็นที่จะช่วยให้ผ่านพ้นช่วงเวลาทุกข์ยากไปได้ด้วยดี

(จาก นิตยสารธรรมลีลา ฉบับที่ 159 มีนาคม 2557 โดย ประกายรุ้ง)

กำลังโหลดความคิดเห็น