xs
xsm
sm
md
lg

ชาวสวนชุมพรร่ำไห้ ภัยแล้งทำกาแฟยืนต้นตาย เสียหายกว่า 100 ล้าน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ชุมพร - ชาวสวนกาแฟชุมพรร่ำไห้ ภัยแล้งทำกาแฟยืนต้นทยอยตายแล้วกว่า 5 พันไร่ เสียหายนับ 100 ล้านบาท ทำให้เกษตรไม่มีผลผลิตขายในปีนี้ ขอความช่วยเหลือหน่วยงานรัฐเร่งหาน้ำก่อนยืนต้นตายมากกว่านี้

วันนี้ (20 มี.ค.) นายอวยพร มีเพียร นายก อบต.รับร่อ อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ภัยแล้งในปีนี้ถือว่ามีความรุนแรงมากที่สุด สภาพอากาศที่ร้อนจัด และไม่มีฝนตกเป็นเวลานาน ขณะนี้ได้ส่งผลให้เกิดสร้างความเสียหายให้แก่เกษตรกรเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะชาวสวนกาแฟ ซึ่งถือเป็นพืชเศรษฐกิจที่สำคัญของ จ.ชุมพร ที่มีพื้นที่ปลูกกันมากที่สุดในประเทศไทย แต่ละปีมีผลผลิตออกสู่ตลาดหลายหมื่นตัน

นายอวยพร เปิดเผยต่อว่า เฉพาะพื้นที่รับผิดชอบที่ตนดูแลอยู่ใน ต.รับร่อ ซึ่งเป็นตำบลขนาดใหญ่อยู่ติดชายแดนไทย-พม่า มีพื้นที่ทางการเกษตรมากถึง 200,000 ไร่ จำนวน 60% เป็นเกษตรกรทำสวนกาแฟ ส่วนที่เหลือเป็นสวนทุเรียน ยางพารา และปาล์มน้ำมัน แต่พื้นที่ส่วนใหญ่ไม่มีเอกสารสิทธิ เพราะอยู่ในเขตป่าอนุรักษ์ และป่าสงวนที่ชาวบ้านได้อยู่อาศัยทำกินมานานกว่า 30-40 ปีแล้ว จนกลายเป็นแหล่งพืชเศรษฐกิจที่สำคัญของจังหวัด ซึ่งก็ส่งผลให้การช่วยเหลือเป็นไปด้วยความลำบากล่าช้าเพราะติดขัดทางข้อกฎหมายบางประการ

นายอวยพร เปิดเผยว่า จากการออกสำรวจขณะนี้มีความเสียหายจากภัยแล้ง จำนวน 12 หมู่บ้าน โดยพบว่าชาวสวนกาแฟเดือดร้อนอย่างหนัก สภาพอากาศที่ร้อนจัดได้เผาใบกาแฟจนเหี่ยวแห้งร่วงหมดต้น และต้นกาแฟขาดน้ำเป็นเวลานาน ทำให้กาแฟเหี่ยวแห้งยืนต้นตายไปแล้วกว่า 5 พันไร่ รวมมูลค่าความเสียหายไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท และมีแนวโน้มขยายวงกว้างเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งคาดว่าจากเหตุการณ์ดังกล่าวจะมีเกษตรกรชาวสวนกาแฟจำนวนมากจะไม่มีผลผลิตกาแฟออกขายในปีนี้อย่างแน่นอน ส่งผลให้เกษตรกรเดือดร้อนมากขึ้น เนื่องจากไม่มีรายได้

นายอวยพร เปิดเผยว่า สำหรับการช่วยเหลือในเบื้องต้นนั้น ตนได้พยายามหาแหล่งนำในพื้นที่เพื่อนำน้ำไปแจกจ่าย พร้อมประสานไปยังหน่วยงานเกี่ยวข้อง แต่การชาวเหลือก็ยังไม่ทั่วถึงมากนักเพราะพื้นที่กว้าง และมีผู้เดือดร้อนมีจำนวนมาก ประกอบกับเป็นพื้นที่อยู่ติดชายแดนไทย-พม่า แต่อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ได้แจ้งปัญหาความเดือดร้อนให้นายอำเภอท่าแซะ และผู้ว่าราชการจังหวัดแล้ว โดยเฉพาะการประสานหน่วยงานเกี่ยวข้องขอทำฝนหลวงในช่วงนี้เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนจากภัยแล้งไม่ให้เกิดความเสียหายไปมากกว่านี้

ด้านนายทองใส แหนบทอง อายุ 45 ปี ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 18 ต.รับร่อ กล่าวว่า เกษตรกรชาวสวนกาแฟ และสวนผลไม้ในพื้นที่ได้รับผลกระทบจากสภาวะภัยแล้งมาตั้งแต่ปลายเดือน พ.ย.56 แต่ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงในเดือน มี.ค.57 ทำให้ต้นกาแฟ และต้นทุเรียนในพื้นที่หมู่ 18 ต.รับร่อ ยืนต้นตายไปแล้วมากกว่า 2,000 ไร่ และหากว่าฝนยังไม่ตกลงมาในระยะนี้ความเสียหายเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากพื้นที่การเกษตรส่วนใหญ่เป็นเนินเขา ไม่มีแหล่งน้ำธรรมชาติ ทำให้เกษตรกรไม่มีน้ำมารดต้นกาแฟ ส่งผลให้ความเสียหายรุนแรงมากกว่าพื้นที่หมู่บ้านอื่นๆ และสิ่งที่เกษตรกรต้องการในขณะนี้คือ ให้ภาครัฐเร่งดำเนินการทำฝนเทียม และหาแหล่งเงินทุนอัตราดอกเบี้ยต่ำเพื่อฟื้นฟูสภาพสวนกาแฟ และสวนผลไม้ต่อไป





 
 

กำลังโหลดความคิดเห็น