ชุมพร - ภัยแล้งส่งผลกระทบต้นทุเรียนพื้นที่อำเภอท่าแซะ ยืนต้นตายจำนวนมาก เกษตรกรวอนหน่วยงานรัฐเร่งทำฝนเทียมช่วยเหลือด่วน
นายพิเชษฐ์ หมอกประมาณ อายุ 42 ปี อยู่บ้านเลขที่ 431 ม.20 ต.รับร่อ อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร กล่าวว่า ตนมีพื้นที่ทำการเกษตรอยู่จำนวน 60 ไร่ เกษตรกรในพื้นที่ส่วนใหญ่อาชีพทำสวนผสมระหว่างกาแฟ กับ ทุเรียน ระยะหลังๆ กาแฟมีราคาตกต่ำอย่างต่อเนื่อง จึงทำให้เกษตรกรหลายรายหันมาปลูกทุเรียนมากขึ้น ส่วนผลกระทบที่เกิดจากภัยแล้งนั้นได้เริ่มมาตั้งแต่ในช่วงต้นเดือนมกราคม และส่งผลกระทบอย่างรุนแรงในช่วงต้นเดือนมีนาคมนี้เอง ทำให้ต้นทุเรียนของตนที่มีอายุตั้งแต่ 1-5 ปี ที่ปลูกไว้ราว 800 ต้น ขาดน้ำ และตายไปแล้วมากกว่า 400 ต้น ส่วนที่เหลือขณะนี้ใบร่วง และกำลังจะตายเพิ่มขึ้นอีก
นายพิเชษฐ์ กล่าวต่อว่า ทำให้ช่วงนี้ตนต้องหาเงินทุนมาวางระบบน้ำที่ในสวน แต่ก็ทำได้แค่ประมาณ 15 ไร่ ต้องใช้เงินทุนไปแล้วมากถึง 150,000 บาท เหลืออีกราว 45 ไร่ ไม่มีเงินทุนจึงต้องปล่อยทิ้งไปตามยถากรรม ขณะที่ชาวสวนหลายรายต้องกู้เงินนอกระบบมาวางระบบน้ำและมีเกษตรกรหลาย แต่อย่างไรก็ตาม ยังมีชาวสวนอีกจำนวนมากไม่สามารถหาเงินทุนมาวางระบบน้ำได้ ส่งผลให้ทุเรียนในพื้นที่ ต.รับร่อ และใกล้เคียงยืนต้นตายไปแล้วเกือบ 10,000 ต้น ส่วนความช่วยเหลือในขณะนี้คือ ต้องการให้หน่วยราชการที่เกี่ยวข้องเร่งทำฝนเทียมเพื่อให้ต้นทุเรียนที่ยังเหลืออยู่ได้รับน้ำ และสามารถประทังไปได้จนถึงฤดูฝน
ด้านนางกสัน บุญลา อายุ 57 ปี อยู่บ้านเลขที่ 821 หมู่ 20 ต.รับร่อ อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร ชาวสวนทุเรียนอีกคนกล่าวว่า ขณะนี้ทุเรียนของตนกำลังออกดอกผลิผล แต่ต้องประสบการภัยแลง สภาพอากาศที่ร้อนจัด ตอนนี้ตนได้ไปกู้เงินนอกระบบมาแล้ว 150,000 บาท ในอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 4 บาทต่อเดือน แต่ก็ต้องยอม เพื่อนำมาวางระบบน้ำในสวนไม่ให้ต้นทุเรียนยืนต้นตาย และหากไม่สามารถรักษาต้นทุเรียนที่ไว้ได้ ก็คงไม่มีปัญญาที่จะใช้หนี้เช่นเดียวกัน จึงต้องการความช่วยเหลือจากหน่วยราชการที่เกี่ยวข้องช่วยหาแหล่งเงินกู้อัตราดอกเบี้ยต่ำให้แก่เกษตรกรในระยะนี้อย่างเร่งด่วนด้วย เพื่อนำเงินมาวางระบบน้ำในสวนเพราะต้องใช้ในเงินทุนในการวางระบบน้ำสูงมาก