นราธิวาส - ผบ.ทบ.ประชุมฝ่ายความมั่นคงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เผยห่วงงานป้องกันเพราะเหตุมักเกิดกับเป้าหมายอ่อนแอบ่อยครั้ง นอกจากคดีความมั่นคงแล้ว ยังมีอีกหลายสาเหตุที่เกิดความรุนแรง ล่าสุด ฝ่ายความมั่นคงได้เชิญกลุ่มผู้ที่มีความขัดแย้งของวงศ์ตระกูลรวม 20 ครอบครัวมาเจรจาตกลงที่จะยุติปัญหา ฝากถึงผู้นำกลุ่มที่ขัดแย้งทุกกลุ่มควรถอยออกมา เพื่อให้ประเทศเดินไปข้างหน้าได้
เมื่อเวลา 10.30 น.(17 มี.ค.) ที่หอประชุมสโมสรร่มเกล้า ค่ายจุฬาภรณ์นราธิวาส พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก พร้อมคณะเข้าร่วมประชุมกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ทั้งทหาร ตำรวจ และฝ่ายปกครอง ประกอบด้วย คณะผู้ว่าราชการจังหวัดทั้ง 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ผู้แทนจาก ศอ.บต. และเจ้าหน้าที่ตำรวจจากศูนย์ปฏิบัติการจังหวัดชายแดนภาคใต้ รวมถึงเจ้าหน้าที่ทหารจากหน่วยเฉพาะกิจที่รับผิดชอบในพื้นที่ทั้งหมด โดยมี พล.ท.สกล ชื่นตระกูล ผอ.กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า เป็นผู้บรรยายสรุปการดำเนินงานในภาพรวม และสถิติของสถานการณ์ความไม่สงบที่เกิดขึ้นในพื้นที่
ขณะที่ทางศูนย์ปฏิบัติการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ สรุปผลการดำเนินคดีสำคัญในพื้นที่ และหลังจากประชุมเสร็จแล้ว คณะมีกำหนดการเดินทางตรวจเยี่ยมกองร้อยทหารพราน 4109 ในพื้นที่ อ.รือเสาะ เพื่อตรวจเยี่ยม และบำรุงขวัญเจ้าหน้าที่ทหารพราน พร้อมรับฟังการบรรยายสรุปการดำเนินงานแก้ปัญหาความไม่สงบในพื้นที่ตามแผนพิทักษ์บูโดด้วย
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก กล่าวก่อนเข้าร่วมประชุมว่า การเดินทางมาครั้งนี้เป็นการเดินทางมาเพื่อติดตามการดำเนินงานของเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงในพื้นที่ ซึ่งปัจจุบันเป็นห่วงในส่วนของงานป้องกัน เพราะเหตุความไม่สงบที่เกิดขึ้นมักเกิดขึ้นกับกลุ่มเป้าหมายอ่อนแอ ทั้งครู พระ และประชาชน บ่อยครั้งขึ้น เจ้าหน้าที่จะต้องดำเนินงานเชิงรุกมากขึ้น ทั้งการลาดตระเวน และการตั้งจุดตรวจลอยเพื่อสร้างความปลอดภัยให้ประชาชน ส่วนการทำงานพื้นที่ส่วนในทั้งเขตชุมชน และเขตเมืองนั้น เห็นว่าสามารถดูแลพื้นที่ได้ 100 เปอร์เซ็นต์
ผู้บัญชาการทหารบก กล่าวด้วยว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในพื้นที่ นอกจากเป็นการสร้างสถานการณ์เนื่องจากต้องการแบ่งแยกดินแดน หรือเขตปกครองตนเองแล้ว ยังเกิดมาจากผู้มีอิทธิพล ปัญหาความขัดแย้งส่วนตัว และปัญหาความขัดแย้งที่เกิดจากวงศ์ตระกูล ซึ่งล่าสุด ทางเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงในพื้นที่ได้เชิญกลุ่มผู้ที่มีความขัดแย้งของวงศ์ตระกูลที่กระจายอยู่ในแต่ละพื้นที่รวมแล้ว 10 ถึง 20 ครอบครัว มาเจรจาตกลงที่จะยุติปัญหา เพื่อป้องกันการสะสมอาวุธในการป้องกันตัว ตลอดจนการล้างแค้นตามกระบวนการของตนเอง โดยทุกคนจะต้องเชื่อมั่นในกลไกของรัฐในกระบวนการยุติธรรม
ผู้บัญชาการทหารบก กล่าวเพิ่มเติมอีกด้วยว่า นอกจากจะมาดูงานด้านความมั่นคงแล้ว ก็จะมีการติดตามในส่วนของงานพัฒนา ซึ่งจะต้องดำเนินการให้เกิดผลสัมฤทธิ์ และเป็นรูปธรรมแก่ประชาชนในพื้นที่ ทั้งการศึกษา อาชีพ รายได้ โดยจะต้องมีการกำหนดกรอบ และระยะเวลาที่ทำงานชัดเจน เพื่อสามารถสำรวจความพึงพอใจของประชาชนในพื้นที่ได้ ซึ่งในส่วนนี้ทหารเป็นผู้ขับเคลื่อนให้ทุกหน่วยงานในพื้นที่มีการทำงานแบบบูรณาการร่วมกันเท่านั้น
และในช่วงท้าย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก กล่าวฝากถึงกลุ่มที่ขัดแย้งทุกกลุ่มในประเทศว่า ผู้ที่เป็นผู้นำของแต่ละกลุ่มควรถอยออกมา เพื่อให้ประเทศเดินไปข้างหน้าได้ ซึ่งหากสู้ต่อไปก็ไม่เกิดประโยชน์ ควรให้ทุกอย่างอยู่ภายใต้กฎหมาย เพราะสุดท้ายแล้วการกระทำทุกอย่างก็จะต้องมีกฎหมายของบ้านเมืองเป็นตัวควบคุม อย่าทำอะไรด้วยความรู้สึกส่วนตัวควรหันหน้าพูดคุยกันเพื่อทุกอย่างจะได้สงบ และอยู่อย่างเข้าใจกันมากขึ้น