ศูนย์ข่าวภูเก็ต - ตร.กะทู้ ภูเก็ต เดินหน้าตรวจสอบข้อมูลพาสปอร์ตนักท่องเที่ยวหาย ขอหมายศาลเข้าตรวจค้นร้านให้เช่ารถจักรยานยนต์ในพื้นที่ป่าตอง เจ้าของร้านให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ขณะที่ ทร.ภ.3 ตั้งศูนย์ปฏิบัติการค้นหา และช่วยเหลืออากาศยานที่ประสบภัยฯ ส่ง รล.ปัตตานี เฮลิคอปเตอร์ เครื่องบินดอร์เนียร์ ออกค้นหาเครื่องบินโบอิ้ง 777-200 ER ของสายการบินมาเลเซีย แอร์ไลน์ส
สำหรับความคืบหน้ากรณีเครื่องบินของสายการบินมาเลเซีย แอร์ไลน์ส สูญหาย และขาดการติดต่อไปตั้งแต่เวลา 02.40 น. วันที่ 8 มี.ค.ที่ผ่านมา ขณะบินเหนือน่านฟ้าเวียดนาม และจากการตรวจสอบรายชื่อพบว่า มีการใช้พาสปอร์ตของนาย Christan Kozel อายุ 30 ปี ชาวออสเตรีย และนาย Luigi Maraldi อายุ 37 ปี ชาวอิตาลี เดินทางไปกับสายการบินดังกล่าวด้วย ขณะที่เจ้าตัวยืนยันไม่ได้เดินทางไป และยังมีชีวิตอยู่
โดยในส่วนของนาย Christan Kozel ขณะที่อาศัยอยู่ที่ประเทศออสเตรีย และ นาย Luigi Maraldi เดินทางมาท่องเที่ยวที่จังหวัดภูเก็ต โดยเมื่อวานที่ผ่านมา นาย Luigi Maraldi ได้ออกมาเปิดตัว และยืนยันถึงการมีชีวิตอยู่ผ่านสื่อมวลชนในภูเก็ตไปแล้ว พร้อมกับยืนยันว่าพาสปอร์ตของเขาได้หายไปขณะมาเที่ยวภูเก็ต โดยนำไปเช่ารถจักรยานยนต์ และมีชาวต่างชาติคนอื่นมาขอรับไป
ล่าสุด เมื่อเวลา 13.00 น. วันนี้ (10 มี.ค.) เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.กะทู้ นำโดย พ.ต.ท. สุทธิชัย เทียนโพธิ์ สารวัตรสืบสวน สภ.กะทู้ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.กะทู้ นำหมายศาลจังหวัดภูเก็ต ที่ 10/2557 เข้าตรวจค้นที่ร้านให้เช่ารถชื่อ B.N.MASSAGE ซึ่งตั้งอยู่บริเวณถนนนาใน และหมายศาลจังหวัดภูเก็ตเลขที่ 11/2557 เข้าตรวจต้นที่บ้านพักซึ่งเปิดเป็นร้านซักรีด ชื่อ B.N.LAUNDRY ของนายสมศักดิ์ สอนสุทธิ์ ซึ่งจากการเข้าตรวจสอบพบว่าทางเจ้าของร้านได้ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ซึ่งการตรวจสอบในครั้งนี้เพื่อหาข้อมูล และข้อเท็จจริงในการจัดเก็บเอกสารต่างๆ ของลูกค้าที่มาใช้บริการ
นายสมศักดิ์ สอนสุทธิ์ เจ้าของร้านรถเช่า B.N.MASSAGE กล่าวว่า เมื่อเดือน ก.ค.56 ที่ผ่านมา นาย Luigi Maraldi นักท่องเที่ยวชาวอิตาลี ได้มาเช่ารถจักรยานยนต์ โดยตั้งพาสปอร์ตไว้ที่ร้าน ซึ่งหลังจากเช่ารถไปแล้ว เมื่อมีความจำเป็นจะต้องใช้พาสปอร์ตนาย Luigi ก็จะมาขอรับพาสปอร์ตเป็นประจำ และจะนำมาคืนภายใน 1 วัน แต่วันที่เกิดเหตุนั้นตัวเองไม่อยู่ที่ร้าน โดยให้ป้าที่ดูแลร้านอยู่เฝ้าร้าน เนื่องจากตนเดินทางไปทำธุระในตัวเมือง และขณะที่ทำธุระอยู่นั้น คนดูแลร้านได้โทรศัพท์เข้ามาบอกว่ามีฝรั่งมาขอพาสปอร์ต ซึ่งตนก็ถามว่าชื่ออะไร แต่คนดูแลร้านแจ้งว่าเป็นคนที่คลับคล้ายคลับคลาว่ามาเอาพาสปอร์ตเป็นประจำ ซึ่งตนก็คิดว่าเป็นนาย Luigi ก็เลยบอกให้คนดูแลไปหยิบพาสปอร์ตมาให้นักท่องเที่ยว ซึ่งจากการสอบถามทราบว่า คนดูแลร้านหยิบมา จำนวน 4 เล่ม เมื่อเอามาให้นักท่องเที่ยวชายที่มาขอพาสปอร์ตก็หยิบไป 1 เล่ม ซึ่งตนก็ไม่ได้คิดอะไร
จนกระทั่งเมื่อ นาย Luigi มาหาเพื่อจะเอาพาสปอร์ตไปทำธุระ ก็บอกว่าคุณเอาไปแล้ว และยังไม่เอามาคืน ซึ่งเจ้าของพาสปอร์ตยืนยันว่า ยังไม่ได้เอาไป จึงได้นำพาสปอร์ตที่เหลืออยู่มาตรวจสอบ และโทรศัพท์สอบถามเจ้าของพาสปอร์ตทั้งหมดว่าหยิบพาสปอร์ตผิดไปหรือไม่ ต่างก็ยืนยันว่าไม่ได้เอาไป ก็เลยเอะใจว่ามีคนมาเอาไป ซึ่งตอนแรกคิดว่าอาจจะเอาผิดไป จึงบอกให้ทางเจ้าของพาสปอร์ตรอ จนกระทั่งสุดท้ายไม่มีใครเอามาคืน จึงได้พาเจ้าของพาสปอร์ตไปแจ้งความต่อทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.กะทู้ หลังจากนั้นได้อำนวยความสะดวก และจ่ายค่าใช้จ่ายให้แก่นาย Luigi ในการเดินทางไปติดต่อเรื่องของการทำเอกสาร และพาสปอร์ตชั่วคราว จนกระทั่งนาย Luigi เดินทางกลับประเทศ ซึ่งก็คิดว่าเรื่องจบไปแล้ว
แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อเกิดเรื่องการนำพาสปอร์ตไปใช้ในการขึ้นเครื่อง ทางตนก็พร้อมที่จะให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบ เพราะมีความบริสุทธิ์ใจอยู่แล้ว และที่ผ่านมา ไม่เคยมีปัญหาเกี่ยวกับพาสปอร์ตของนักท่องเที่ยวเกิดขึ้น ซึ่งครั้งนี้ถือว่าเป็นครั้งแรก จึงยินดีที่จะให้ความร่วมมือกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจอย่างเต็มทีในทุกๆ เรื่อง
ส่วนเรื่องของการให้ความช่วยเหลือ และค้นหาเครื่องบินโบอิ้ง 777-200ER ของสายการบินมาเลเซีย แอร์ไลน์ส ที่ขาดการติดต่อไปนั้นในส่วนของทัพเรือภาคที่ 3 พล.ร.ต.ประยุธ ภู่เทียน เสนาธิการทัพเรือภาค 3 และ ผอ.ศูนย์ปฏิบัติการค้นหาและช่วยเหลืออากาศยานที่ประสบภัย ทัพเรือภาค 3 กล่าวว่า ขณะนี้ทัพเรือภาค 3 ได้จัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการค้นหาและช่วยเหลืออากาศยานที่ประสบภัย ทร.ภ.3 โดยนำ ร.ล.ปัตตานี เฮลิคอปเตอร์ Super Lynx-300 ลิ้ง และเครื่องบินตรวจการณ์ดอร์เนียร์ DO-228 พร้อม จนท.ชุดปฏิบัติการพิเศษ (มนุษย์กบ) ออกปฏิบัติการค้นหาบริเวณเกาะลังกาวี เกาะเปรัค และช่องแคบมะระกา ตั้งแต่เวลา 19.00 น. ของคืนที่ผ่านมา ตามที่ผู้บัญชาการทหารสูงสุดประเทศมาเลเซีย ได้ร้องขอให้ประเทศไทยช่วยทำการค้นหา และกู้ภัยฯ โดยจนถึงขณะนี้ยังไม่พบร่องรอย หรือสิ่งผิดสังเกตใดๆ
อย่างไรก็ตาม ผอ.ศูนย์ปฏิบัติการค้นหาและช่วยเหลืออากาศยานที่ประสบภัย ทร.ภ.3 ก็ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการค้นหาต่อไปจนกว่าจะพบเป้าหมาย หรือมีความแน่ชัดว่าเกิดอะไรขึ้นกับเครื่องบินลำดังกล่าวจึงจะสามารถยกเลิกภารกิจ