xs
xsm
sm
md
lg

ตร.คาดพาสปอร์ตโยงมาเลเซียแอร์ไลน์สถูกฉกโดยไม่ผ่านระบบตรวจคนเข้าเมือง

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม


ผบ.ตร.เรียกถกพาสปอร์ตชาวอิตาลี่ และออสเตรีย ปริศนาที่เกี่ยวโยงเครื่องบินมาเลเซีย แอร์ไลน์ส สูญหาย ยันเคยแจ้งหายที่ จ.ภูเก็ต หลังจากแจ้งหายไม่พบว่ามีการถูกใช้เดินทางออกนอกประเทศ คาดถูกขโมยไปโดยไม่ผ่านระบบตรวจคนเข้าเมือง แต่ยอมรับว่าการเชื่อมโยงฐานข้อมูลพาสปอร์ตระหว่างประเทศยังไม่มีความเชื่อมโยงกัน

วันนี้ (10 มี.ค.) ที่ศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปก.ตร.) ชั้น 20 พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เรียกหน่วยที่เกี่ยวข้องด้านความมั่นคง ประชุมกำหนดแนวทางการช่วยเหลือกู้ภัยเครื่องบินมาเลเซีย แอร์ไลน์ส ที่สูญเสียการติดต่อ โดยมี พล.ต.ท.ภาณุ เกิดลาภผล ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ผบช.สตม.) พล.ต.ท.สฤษฎ์ชัย เอนกเวียง ผู้บัญชาการสันติบาล (ผบช.ส.)พล.ต.ท.คำรบ ปัญญาแก้ว ผู้บัญสำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ (ผบช.สพฐ.ตร.) ตำรวจกองการต่างประเทศ ตำรวจน้ำ ตำรวจท่องเที่ยว ร่วมประชุม โดยมีการเชื่อมโยงสัญญานทางไกล ไปยัง กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 (บช.ภ.8) กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต (บก.ภ.จว.ภูเก็ต) โดยมี นายลูจิ มาราดี ชาวอิตาเลียน เจ้าของหนังสือเดินทาง หรือพาสปอร์ตที่สูญหาย แต่ถูกใช้ปลอมแปลงขึ้นเครื่องบิน ร่วมคอนเฟอเรนซ์ด้วย โดยใช้เวลาประชุมนานกว่า 1 ชั่วโมง

พล.ต.ท.ภาณุ กล่าวก่อนประชุมว่า จากการตรวจสอบดจ้าของพาสปอร์ต ทั้ง 2 ฉบับ นั้น พบว่าสูญหายในประเทศไทยจริง มีการแจ้งหายไว้ โดยทั้งชาวอิตาเลียน และออสเตรีย เจ้าของพาสปอร์ต เดินทางเข้าในประเทศไทยจริง กรณี นายลูจิ มาราดี ชาวอิตาเลียนนั้น เข้าออกประเทศไทย 5 ครั้งแล้ว ส่วนครั้งที่พาสปอร์ตหายเดินทางเที่ยว จ.ภูเก็ต นำพาสปอร์ตไปใช้เช่ารถจักรยานยนต์แล้วหายไป จึงแจ้งหายที่ภูเก็ต ต่อมาติดต่อสถานทูตทำหนังสือเดินทางชั่วคราว และติดต่อที่ สตม.1 แจ้งวัฒนะ เพื่อปรับเปลี่ยนดวงตรา เข้า-ออก ในหนังสือเดินทางก่อนเดินทางออกไป และกลับไปทำพาสปอร์ตเล่มใหม่ที่ประเทศตนเอง ทั้งนี้ในระบบ PIBICS ของ สตม.ซึ่งเป็นระบบคอมพิวเตอร์เชื่อมโยงข้อมูลทุกด่านของประเทศ ได้บันทึกข้อมูลนี้ไว้ในระบบแต่แรก ว่าหนังสือเดินทางของนายลูจิ เล่มที่หายนั้นยกเลิกแล้ว ซึ่งยืนยันว่าไม่มีการใช้พาสปอร์ตเล่มที่หายเดินทางออกนอกประเทศไทยแต่อย่างใด สำหรับรายที่ 2 นายคริสเตียน โครเซล ชาวออสเตรีย นั้นเข้าไทยในปี 2555 พาสปอร์ตหายที่โรงแรมที่ จ.ภูเก็ต จากนั้นไปทำพาสปอร์ตชั่วคราวที่สถานทูต ใช้พาสปอร์ตชั่วคราวออกนอกประเทศไป และไม่เข้าประเทศไทยอีกเลย ต่างจากรายแรกที่ปัจจุบันกลับมาเที่ยวที่ จ.ภูเก็ต

ผบช.สตม.กล่าวว่า สำหรับหนังสือเดินทางทั้ง 2 เล่ม หลังจากแจ้งหายไม่พบว่ามีการถูกใช้เดินทางออกนอกประเทศแต่ประการใด เป็นไปได้ว่าหนังสือเดินทางที่เมื่อถูกขโมยไปอาจส่งผ่านพัสดุไปรษณีย์ หรือนำติดตัวออกไป โดยไม่ผ่านระบบตรวจคนเข้าเมืองแล้ว

เมื่อถามถึงกรณีที่พบว่ามีการนำพาสปอร์ตของทั้ง 2 คน ฉบับที่หายไป ไปใช้ซื้อตั๋วเครื่องบิน เที่ยวบินที่หายไป โดยซื้อจากเอเยนต์ ในพัทยา จ.ชลบุรี ผบช.สตม.กล่าวว่า การซื้อตั๋ว ซื้อได้หลายวิธีการ ทั้งทางอินเทอร์เน็ต หรือผ่านเอเยนต์ ซึ่งไม่เชื่อมโยงกับข้อมูลของ สตม.ทั้งนี้การปลอมแปลงพาสปอร์ต ใช้พาสปอร์ตปลอมนั้นมีหลายวัตถุประสงค์ เช่น ขอวีซ่าไม่ผ่าน ปลอมแปลงเป็นพลเมืองของอีกชาติเพื่อให้ขอวีซ่าเดินทางเข้าประเทศง่ายว่า หรืออาจไปทำเองมิดีมิร้ายก็ได้ เป็นไปได้หลายวัตถุประสงค์

พล.ต.ท.ภาณุ กล่าวว่า ในแต่ละปีมีพาสปอร์ตหายในประเทศไทยเป็นพันๆ เล่ม ในปี 2556 ที่ผ่านมา 10 อันดับแรก พาสปอร์ตของชาวรัสเซีย หายมากที่สุด 384 เล่ม รองลงมา อังกฤษ 378 เล่ม ฝรั่งเศส 334 เล่ม จีน 290 เล่ม เกาหลีใต้ 223 เล่ม อเมริกา 218เล่ม ญี่ปุ่น 200 เล่ม เยอรมัน 172 เล่ม ออสเตรเลีย 156 เล่ม และแคนาดา 120เล่ม ปี 2555 อังกฤษ 369 ฝรั่งเศส 304 เกาหลีใต้ 186 ญี่ปุ่น 181 รัสเซีย 177 เยอรมัน 172 อเมริกัน 171 ออสเตรเลีย 150 จีน 118 แคนาดา 96 และ ปี 2554 อังกฤษ 391 เล่ม ฝรั่งเศส 341 เยอรมนี 207 อเมริกัน 201 รัสเซีย 196 ญี่ปุ่น 187 ออสเตรเลีย 196 เกาหลีใต้ 168 อิสราเอล 151 อินเดีย 140 ปี ซึ่งบางคนไปเล่นน้ำแล้วหาย บางคนลืมไว้ บางคนถูกขโมย เมื่อหายทุกคนต้องติดต่อสถานทูตเพื่อทำพาสปอร์ตชั่วคราว และทุกเล่มที่หายจะมีการอายัด ไม่สามารถใช้เดินทางเข้าออกในประเทศไทยได้ แต่ยอมรับว่าการเชื่อมโยงฐานข้อมูลพาสปอร์ตระหว่างประเทศยังไม่มีความเชื่อมโยงกัน แม้แต่ของไทยกับมาเลเซียก็ยังไม่เชื่อมโยงอยู่ระหว่างการพัฒนาระบบ ทุกวันนี้แม้ถูกอายัดในไทยแต่อาจนำไปใช้ในประเทศอื่นได้อีก

เมื่อถามถึงขบวนการลักลอบทำพาสปอร์ตปลอมในประเทศไทย ผบช.สตม.กล่าวว่า ประเทศไทยเราเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยว ผู้คนหลากหลายเดินทางเข้ามา บางส่วนอาจใช้เป็นบานการเดินทางไปยังประเทศที่ 3 มาจากจีน เกาหลี หรือมาจากตะวันออก ก็มีบ้าง ก็พยายามตรวจสอบติดตาม แต่ของ สตม.มีระบบตรวจสอบหนังสือเดินทางที่เข้มแข็งมีระบบการตรวจหนังสือเดินทางปลอมที่ดี ประเทศเราอาจเป็นสถานที่ ที่คนบางกลุ่มเข้ามา ลักหนังสือเดินทางเอาไป ทำปลอมแปลง เอาไปใช้ที่อื่น กลุ่มที่มาอาศัยพื้นที่แหล่งท่องเที่ยว อาทิ ภูเก็ต พัทยา ซึ่งมีชาวต่างชาติตจำนวนมาก เพื่อหาพาสปอร์ตไปทำปลอมก็มีอยู่บ้าง ที่ผ่านมา สตม.จับกุมต่อเนื่อง

ด้าน พล.ต.อ.อดุลย์ กล่าวภายหลังการประชุม ว่า สตม.ได้รายงานว่ามีการแจ้งพาสปอร์ต 2 เล่มหายในประเทศไทยจริง โดยจะประสานกับประเทศมาเลเซียเพื่อพิสูจน์ทราบทั้งหมด โดยตนได้แต่งตั้ง พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ รอง ผบ.ตร. บูรณาการสันติบาล สตม.ตำรวจท่องเที่ยว ตำรวจภูธรภาค 8 ในการสืบสวนกรณีพาสปอร์ตเป็นการเฉพาะ กรณีนี้ยังไม่ยืนยันว่ามีการนำไปทำปลอมแปลงหรือไม่ อย่างไรก็ตามในส่วนของตำรวจไทยเมื่อมีการแจ้งหายเราก็ได้ลงในระบบฐานข้อมูล ยกเลิกพาสปอร์ตเรียบร้อย เพียงแต่ระบบยังไม่มีการเชื่อมโยงระหว่างประเทศอาเซียน

ผบ.ตร.กล่าวว่า ทางการมาเลเซียได้ประสานกับทั้งสันติบาล สตม.ไทย เกี่ยวกับข้อมูลเรื่องพาสปอร์ต และการสืบสวนในประเด็นก่อการร้ายที่อาจเชื่อมโยง โดยมีการขอข้อมูลระหว่างกันซึ่งสันติบาลไทยและมาเลเซียมีความสัมพันธ์อันดีอยู่แล้ว ทั้งนี้ยืนยันประเทศไทยไม่ได้เป็นฐานก่อการร้าย รวมทั้งไม่ได้เป็นฐานในการปลอมแปลงพาสปอร์ต โดยขอเวลาในการดำเนินการตรวจสอบเรื่องนี้ โดยที่ผ่านมาตำรวจไทยก็ปราบปราม ป้องกันเรื่องนี้อย่างต่อเนื่อง

เมื่อถามถึงกรณีที่ข่าวว่า มีการซื้อตั๋วเครื่องบินด้วยเงินไทยผ่านเอเย่นต์ ที่พัทยา ผบ.ตร.กล่าวว่า มีข้อมูลเรื่องนี้ กำลังให้ตำรวจภูธรภาค 2 เจ้าของพื้นที่เข้าไปตรวจสอบ

“อย่างไรก็ตามเรื่องนี้ไม่น่าจะเป็นการก่อการร้าย แต่เป็นลักษณะการใช้ประเทศไทยเป็นทางผ่าน เดินทางผ่านไปยังประเทศที่ 3 เป็นคนทางจีน เรื่องนี้พาสปอร์ตถูกขโมยในไทย ไม่ได้ปลอม จากนั้นเอาไปใช้ในประเทศอื่น เรื่องนี้ตำรวจไทยโดยศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ และ สตม.จะช่วยในเรื่องข้อมูลเกี่ยวกับพาสปอร์ต ส่วนสันติบาลจะช่วยสืบสวนการข่าวเกี่ยวกับการก่อการร้าย และไทยกับมาเลเซียเป็นมิตรประเทศ เราเตรียมหน่วยกู้ภัยทั้งตำรวจน้ำ กองบินตำรวจ รวมถึงการเตรียมทีมพิสูจน์เอกลักษณ์บุคคลไว้ เตรียมพร้อมเข้าช่วยเหลือ โดยได้ประสานงานกับทาง ผบ.ตร.มาเลเซียไว้ ส่งอีเมลไปเรียนแล้ว” ผบ.ตร.กล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น