ประเทศไทยกลายเป็นที่ถูกจับตามองทันที เมื่อสายการบินมาเลเซียแอร์ไลน์ส เที่ยวบินที่ MH370 หายไปอย่างไร้ร่องรอย แม้ทุกฝ่ายจะช่วยระดมกำลังตามหา แต่ดูเหมือนว่าหนทางค้นพบจะมืดมน
นับวันเงื่อนงำยิ่งมีมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีประเด็น “พาสปอร์ตปลอม” ของผู้โดยสารเครื่องบินลำนี้ขึ้นมา และเจ้าของพาสปอร์ตตัวจริงออกมายืนยันว่าทำสูญหายในประเทศไทย ทำให้ประเทศไทยถูกมองว่าเป็นแหล่งผลิตพาสปอร์ตปลอม จนหลายฝ่ายโยงว่าอาจเป็นฝีมือของกลุ่มผู้ก่อการร้ายสากล เรื่องจึงกลายเป็นว่าประเทศไทยมีส่วนเกี่ยวข้องกับการหายไปของสายการบินนี้โดยปริยาย บ้างก็ว่าเมืองไทยเป็นสวรรค์ของการทำพาสปอร์ตปลอม บ้างก็ว่าเมืองไทยเป็นฐานการก่อการร้ายไปซะนี่!
เรื่องนี้ พล.ต.ท.ภาณุ เกิดลาภผล ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ได้แสดงความคิดเห็นถึงกรณีที่ไทยถูกมองว่าเป็นสวรรค์ของการผลิตพาสปอร์ตปลอมว่า
“ผมว่าเรื่องนี้คงไม่ใช่ประเด็น เพราะประเทศไทยมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาเยอะ ปีก่อน 22 ล้านคน มิจฉาชีพจึงมองว่าประเทศไทยมีนักท่องเที่ยวเข้ามาเยอะและหลากหลาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งนักท่องเที่ยวชาวยุโรป ทำให้คนมองว่าที่นี่เป็นแหล่งหาพาสปอร์ตปลอมได้ง่าย เพราะสามารถหาพาสปอร์ตได้จากหลายชาติในที่เดียว คือ ประเทศไทย แต่ถ้าถามว่าประเทศไทยมีการปลอมพาสปอร์ตหรือไม่ ผมว่ามันปลอมได้ทุกแห่งในโลกนั่นแหละครับ ตั้งแต่หลังปี 2550 ประเทศไทยมีกฎหมายรุนแรงเกี่ยวกับการปลอมหนังสือเดินทางหรือพาสปอร์ต ปัญหาปลอมแปลงจึงเกิดขึ้นน้อยมาก อย่าง 5 ปีที่ผ่านมา สตม.จับเคสที่ทำพาสปอร์ตปลอมได้แค่ 7 เคส แต่เป็นการปลอมเล็กๆ น้อยๆ โดยใช้พาสปอร์ตจริงเป็นหลัก เช่น ปลอมรูป ปลอมอายุ หรือทำหน้าคนที่จะใช้พาสปอร์ตนั้นให้เหมือนกับคนในรูปพาสปอร์ต
“ส่วนกรณีของชาวอิหร่านสองคนที่ใช้พาสปอร์ตปลอมในสายการบินมาเลเซียแอร์ไลน์สนั้น เมื่อเขาได้พาสปอร์ตจริงของคนอื่นมาแล้ว อาจจะส่งไปรษณีย์ภัณฑ์ไปทำปลอมที่ไหนก็ได้ เขาอาจจะทำที่ไทยก็ได้ หรือทำที่ประเทศอื่นก็ได้ ผมยังยืนยันว่าเมืองไทยเป็นสวรรค์สำหรับหาพาสปอร์ต แต่ไม่ใช่แหล่งทำพาสปอร์ตปลอม ตอนนี้เรามีการกวดขันจับกุมอย่างต่อเนื่อง ช่วงหลังๆ ข่าวประเภทนี้จึงไม่ค่อยมีในประเทศไทย อย่างปีที่แล้ว เราจับรายที่ทำพาสปอร์ตปลอมได้แค่สองราย คือ มีการเอาพาสปอร์ตจริงมาดัดแปลงเพื่อสวมสิทธิ์ จึงถือว่าจำนวนน้อยมากๆ”
มาตรการที่ช่วยป้องกันการใช้พาสปอร์ตปลอม
ส่วนกรณีที่เจ้าหน้าที่ตรวจคนข้ามแดนของมาเลเซียไม่มีการตรวจสอบข้อมูลพาสปอร์ตหาย จนปล่อยให้ผู้โดยสารใช้พาสปอร์ตปลอมขึ้นเครื่องบินลำที่สูญหายไป และทำให้นานาชาติมาพุ่งเป้าว่าเป็นพาสปอร์ตที่สูญหายไปในไทยนั้น พล.ต.ท.ภาณุกล่าวว่าไม่อยากวิพากษ์วิจารณ์เรื่องนี้ แต่ระบุว่าประเทศไทยมีมาตรการป้องกันการใช้พาสปอร์ตปลอมที่ดีมาก ทำให้มิจฉาชีพไม่สามารถใช้พาสปอร์ตปลอมในไทยได้
“ในปี 55 มีการจับกุมคนใช้พาสปอร์ตปลอมห้าร้อยกว่าคน ปี 56 สองร้อยกว่าคน ปี 57 จับได้ 11 ราย ปกติเราจะมีเจ้าหน้าที่ที่มีประสบการณ์ให้ดูลักษณะของคนที่ใช้พาสปอร์ตปลอม นี่คือการตรวจสอบเบื้องต้น ถ้ามีข้อสงสัย เราจะมีเครื่องมือในการตรวจสอบ เช่น แว่นขยาย กล้องขยาย เครื่องมือตรวจแสงแบบแบล็กไลท์ เครื่องมือขนาดใหญ่ที่สามารถตรวจดูร่องรอยต่างๆ บนพาสปอร์ตได้ชัดเจน ดังนั้นถ้าใครใช้พาสปอร์ตปลอมในเมืองไทย มักจะไม่รอดสักราย โดยเฉพาะอย่างยิ่งพาสปอร์ตไทยที่มีจุดสังเกตได้ถึง 60 จุด
“นอกจากนั้นเรามีศูนย์ข้อมูลจากตำรวจสากล ซึ่งระบุข้อมูลการสูญหายของหนังสือเดินทางกว่า 40 ล้านข้อมูล สามารถเช็กได้ว่าพาสปอร์ตนั้นแจ้งหายหรือถูกอายัดหรือไม่ ส่วนในประเทศไทยเองก็มีระบบคอมพิวเตอร์ ที่รวบรวมข้อมูลพาสปอร์ตสูญหายไว้ในระบบของตม.ไทย อย่างพาสปอร์ตสองเล่มที่มีข่าวว่าหายไป เมื่อนักท่องเที่ยวได้ใช้พาสปอร์ตเล่มใหม่ พาสปอร์ตสองเล่มเก่าจะใช้ไม่ได้โดยอัตโนมัติ ดังนั้นทุกสายการบินที่ผ่าตม. ไทย ถ้าใครใช้พาสปอร์ตปลอม เราก็จะรู้ว่าพาสปอร์ตเล่มนี้ถูกแจ้งความหายแล้ว เพราะระบบคอมพิวเตอร์ของเราเชื่อมโยงไปทุกด่าน ครอบคลุมทั่วประเทศ
“ สังเกตได้ว่าระบบนี้ทำให้พาสปอร์ตสองเล่มที่หายไปไม่ถูกใช้ผ่านด่านชายแดนของไทย เขาอาจจะใช้วิธีส่งไปรษณียภัณฑ์ไปประเทศอื่นๆ แล้วตัวผู้รับก็ใช้เล่มนี้ แต่บอกได้ว่าพาสปอร์ตสองเล่มนี้ไม่สามารถเดินทางเข้าออกประเทศไทยได้นับตั้งแต่มีการแจ้งความหาย แล้วถ้าเราเจอคนที่นำพาสปอร์ตปลอมมาใช้ เราจะใช้กฎหมายอาญาว่าด้วยหนังสือเดินทาง มีโทษหนัก เช่น โทษฐานปลอมแปลงเอกสารหรือ ผิดด้านทรัพย์ ขโมยกระเป๋าไปแล้วได้พาสปอร์ตไปด้วย นี่เป็นหน้าที่ของตำรวจทุกหน่วยที่จะช่วยกันป้องกันตรงนี้ครับ”
การโจรกรรมพาสปอร์ต เพื่อมุ่งสู่ชีวิตที่ดีขึ้น?
พล.ต.ท.ภาณุได้ให้ข้อมูลคืบหน้าถึงกรณีที่มีผู้โดยสารนำพาสปอร์ตปลอมไปใช้ในสายการบินมาเลเซียแอร์ไลน์สที่สูญหายว่า
“ ตอนนี้ผมกำลังให้ตำรวจตรวจสอบอยู่ ทราบชื่อผู้ดำเนินการแล้วคือ นายอาลี เป็นชาวอิหร่าน เขาเป็นคนสั่งซื้อพาสปอร์ตปลอมสองเล่มนั้นและใช้จองตั๋วเครื่องบินให้แก่ชาวอิหร่านสองคน เลยเชื่อว่าน่าจะเป็นแก๊งขนคนไปใช้ชีวิตที่ประเทศที่สาม เพราะปลายทางคือแฟรงก์เฟิร์ตและโคเปนเฮเกน ซึ่งเป็นประเทศที่กลุ่มตะวันออกกลางนิยมไปตั้งถิ่นฐานอยู่ เป็นไปได้ว่าเป็นแก๊งขนคนย้ายที่อยู่ เพราะถ้าเขามาจากประเทศตะวันออกกลาง ประเทศทางตะวันตกจะไม่ค่อยรับ จึงต้องใช้พาสปอร์ตของประเทศอื่นๆ ถึงจะสามารถเข้าประเทศเหล่านั้นได้ง่าย คิดว่าพวกเขามีจุดหมายไปแสวงหาชีวิตที่ดีขึ้นในประเทศตะวันตก”
ข้อมูลจากตำรวจย่านท่องเที่ยวของไทย
ด้านร.ต.ท.รัฐกานต์ ทองไทย พนักงานสอบสวน สถานีตำรวจชนะสงคราม ซึ่งอยู่ในย่านถนนข้าวสาร แหล่งท่องเที่ยวสำคัญอีกแห่งของไทย ได้พูดถึงกรณีชาวต่างชาติทำพาสปอร์ตสูญหายว่า
“ผมมองว่าเราเป็นประเทศท่องเที่ยว ต่างชาติเดินทางไปมาสะดวกมากขึ้น เลยมองว่าปัญหามาจากต่างชาติที่เข้ามากกว่า เวลาชาวต่างชาติมาแจ้งความพาสปอร์ตสูญหายที่นี่ ก็ไม่ได้บอกว่ามีโจรกรรม แต่เกิดจากทำหายเองมากกว่า ส่วนเรื่องแก๊งทำพาสปอร์ตปลอมนั้น ตั้งแต่ผมมาทำงาน สน.นี้ มาสองปี ยังไม่เคยเจอปัญหานี้เลยครับ”
“ดังนั้นส่วนตัวแล้วเห็นว่าเกิดจากความสะเพร่าของนักท่องเที่ยวมากกว่า บางครั้งชาวต่างชาติคิดว่ามาเที่ยวที่นี่แล้วจะปลอดภัยเหมือนอยู่บ้านเขา แต่มันไม่ใช่ เพราะทุกที่ก็มีทั้งคนดีและไม่ดี บางรายวางของมีค่าไว้บนโต๊ะอาหาร แล้วไปห้องน้ำ ไม่มีคนเฝ้าของ กลับมาของก็หายไปแล้ว ดังนั้นอยากให้นักท่องเที่ยวดูแลพาสปอร์ตของตัวเองให้ดีๆ ครับ”
เรื่องโดย ASTV ผู้จัดการ Live