xs
xsm
sm
md
lg

“ตำรวจไทย” ร่วม FBI สืบเครือข่ายพาสปอร์ตปลอมเชื่อมโยง “มาเลเซีย แอร์ไลน์ส” อึ้ง จ่ายค่า “ตั๋วอี-ทิกเก็ต” เป็นเงินบาท จุดหมายสุดท้ายสู่ “ยุโรป”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เอเจนซีส์/เอเอฟพี/รอยเตอร์ - อินเตอร์บิสซิเนสไทม์ เดอะ ดิพโพลแมต หนังสือพิมพ์เทเลกราฟต์ของอังกฤษ รอยเตอร์ และเอเอฟพี ได้รายงานว่า ในขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจของไทย และเจ้าหน้าที่ FBI สหรัฐฯ ได้ประสานความร่วมมือในการสืบหาเครือข่ายพาสปอร์ตปลอมที่เชื่อมโยงกับการหายไปของเครื่องบิน MH 370 ของสายการบินมาเลเซีย แอร์ไลน์ส ที่พบว่าพาสปอร์ตทั้ง 2 เล่มที่ถูกใช้ในเที่ยวบินนี้ได้ถูกใช้ซื้อตั๋วเครื่องบินอี-ทิกเก็ตด้วย “เงินบาท” และจุดหมายปลายทางสุดท้ายของการเดินทางเพื่อเข้าสู่ยุโรป และผู้โดยสารปลอม 4 คนที่มีรายละเอียดอยู่ในมือกระทรวงคมนาคมมาเลเซียชี้ว่า หนึ่งในนั้นที่ถือหนังสือเดินทางปลอม “ไม่ใช่ชาวมาเลย์”

ย่างเข้าวันที่ 3 แล้วในความพยายามค้นหาเครื่องบินที่หายไปเหนือทะเลจีนใต้ของเที่ยวบิน MH 370 ของสายการบินมาเลเซีย แอร์ไลน์ส ยังไม่คืบหน้า ในขณะที่ตำรวจไทยได้เริ่มการสอบสวนเครือข่ายพาสปอร์ตปลอมที่อยู่บนเกาะภูเก็ต ซึ่งเป็นสถานที่พาสปอร์ตของทั้งคริสเตียน โคเซล ชาวออสเตรีย และลุยจิ มารัลดี ชาวอิตาลีถูกขโมยไป

“การปลอมแปลงเอกสารสำคัญทุกประเภทนั้นทำอย่างกว้างขวางทั่วไปซึ่งมีไทยเป็นศูนย์กลาง” สตีฟ วิคเกอร์ส ซีอีโอบริษัทที่ปรึกษาด้านความปลอดภัย สตีฟ วิคเกอร์ส แอนด์ แอสโซซิเอสเตส (SVA) ที่มีฐานอยู่ในฮ่องกองได้ให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิพม์วอลสตรีทเจอร์นัล และเสริมต่อว่า “เป็นเรื่องง่ายมากที่จะเอาหนังสือเดินทางที่ถูกขโมยหรือหนังสือเดินทางปลอมมาใช้ ซึ่งในกรณีนี้ หนังสือเดินทางเป็นของจริงแต่ทว่าผู้ถือเป็นคนอื่น”

และเมื่อตอบข้อสงสัยที่ว่า เป็นการง่ายหรือไม่ที่จะหาหนังสือเดินทางที่ถูกขโมยหรือเอกสารปลอมมาใช้ วิคเกอร์สตอบกลับว่า “เป็นที่น่าเสียดายว่ากรุงเทพฯเป็นเมืองเปิด มีถนนหลายสายในกรุงเทพฯเป็นแหล่งทำเอกสารปลอมพวกนี้ มีตั้งแต่บัตรประจำตัวลูกเรือสายการบินจนถึงใบขับขี่รถยนต์ในสหรัฐฯ แต่ว่าเอกสารปลอมพวกนี้ใช้ในอาชญากรรมฉ้อโกงมากกว่าที่จะใช้ในด้านอื่น เช่น ก่อการร้าย”

ซึ่งวิคเกอร์สเชื่อว่าเหตุที่ไทยเป็นศูนย์กลางอาชญากรรมการปลอมแปลงเอกสารสืบเนื่องมาจากความย่อหย่อนในการบังคับใช้กฎหมายของไทย ซึ่งจากระบบกฎหมายของไทยนั้นเป็นการยากที่จะเอาผิดผู้กระทำผิดอย่างจริงจัง อย่างไรก็ตาม วิคเกอร์สยังเชื่อว่าเป็นการยากที่คนทั่วไปจะใช้พาสปอร์ตปลอมขึ้นเครื่องสายการบินระหว่างประเทศ

และนอกจากนี้สหรัฐฯได้ส่งเจ้าหน้าที่ FBI เดินทางมายังไทยเพื่อร่วมสืบสวนกับตำรวจท้องถิ่นถึงเครือข่ายพาสปอร์ตปลอม ท่ามกลางความวิตกว่าการหายไปของสายการบิน MH 370 นั้นอาจเป็นฝีมือผู้ก่อการร้าย

นอกจากนี้ยังมีรายงานพบว่าตั๋วเครื่องบินอี-ทิกเก็ต ที่ออกสำหรับหนังสือเดินทางสัญชาติอิตาลีและออสเตรียที่ถูกขโมยทั้ง 2 เล่มนั้นถูกซื้อโดยใช้เงินสดเป็น “สกุลเงินบาท” และทำการซื้อที่บริษัทท่องเที่ยวแห่งหนึ่งในพัทยา

และยังพบว่า โอเปอเรเตอร์ของสายการบิน KLM ที่อยู่ในจีนนั้นได้ยืนยันในวันอาทิตย์(9) ว่า ทั้งพาสปอร์ตของมารัลดี และโคเซล ได้ใช้ซื้อตั๋วเครื่องบินเที่ยวเดียวของสายการบิน KLM ในไฟลต์เที่ยวเดียวกันเพื่อจะบินออกจากปักกิ่งไปยังอัมสเตอร์ดัม เนเธอร์แลนด์ ในวันเสาร์ (9)

ซึ่งพาสปอร์ตของโคเซลจะต้องต่อเครื่องไปยังแฟรงก์เฟิร์ต เยอรมนี ในขณะที่พาสปอร์ตของมารัลดีนั้นมุ่งหน้าไปที่โคเปนเฮเกน เดนมาร์ก โดยโอเปอเรเตอร์ของสายการบิน KLM ได้เผยต่อว่า คนทั้งคู่ได้บุ๊กที่นั่งผ่านสายการบินไชน่า เซาท์เทอร์น แอร์ไลน์ แต่โอเปอร์เรเตอร์หญิงคนนี้ไม่มีข้อมูลว่าซื้อตั๋วเครื่องบินจากที่ไหน

ด้านตำรวจอินเตอร์โพลได้ตำหนิเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองของมาเลเซียที่สะเพร่าปล่อยให้ผู้โดยสารปลอมขึ้นเครื่องได้

และคาลิด อาบู บาการ์ (Khalid Abu Bakar) ผู้บัญชาการตำรวจมาเลเซีย ได้กล่าวในวันจันทร์ (10) ว่า หนึ่งในสองของผู้โดยสารต้องสงสัยที่แอบใช้พาสปอร์ตปลอมนั้นไม่ใช่ชาวมาเลย์ นอกจากนี้ผู้โดยสารที่ต้องสงสัยอีก 2 คนใช้หนังสือเดินทางยุโรปที่คาดกันว่า อาจจะเป็น “พาสปอร์ตยูเครน” อ้างจากรอยเตอร์และเอเอฟพี

“ทางมาเลเซียได้ดูกล้องวงจรปิดอย่างละเอียด และยังได้สอบถามเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองมาเลเซียที่ปล่อยให้ผู้โดยสารปลอมขึ้นเครื่อง” แหล่งข่าวเจ้าหน้าที่มาเลย์เผย พร้อมกับให้สัมภาษณ์ The Star ต่อไปว่า “ในเบื้องต้นชี้ให้เห็นว่า เกิดรั่วทางระบบรักษาความปลอดภัยขึ้น”
กำลังโหลดความคิดเห็น