xs
xsm
sm
md
lg

“กรีนพีซ” เรียกร้องร่วมป้อง “มรกตแห่งอันดามัน” เล็งจะเป็นท่าเทียบเรือ-โรงไฟฟ้าถ่านหิน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - กรีนพีซ นักวิชาการพลังงาน และสมาคมท่องเที่ยวเกาะลันตา ร่วมกันเรียกร้องให้ประชาชนออกมาปกป้องกระบี่ “มรกตแห่งอันดามัน” กำลังถูกคุกคามจากแผนโครงการท่าเทียบเรือถ่านหิน และโรงไฟฟ้าถ่านหิน ก่อนที่จะมีการประเมินผลกระทบ EIA และ EHIA

วันนี้ (6 มี.ค.) กรีนพีซ นักวิชาการพลังงาน และสมาคมท่องเที่ยวเกาะลันตา ร่วมวิพากษ์แผนการศึกษาและจัดทำรายงานวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) โครงการท่าเทียบเรือบ้านคลองรั้วและแผนการประเมินผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ (EHIA) โครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินกระบี่ โดยเรียกร้องให้ประชาชนร่วมกันปกป้องกระบี่จากถ่านหิน เพื่อให้กระบี่คงไว้ซึ่งความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อมที่มาจากการพัฒนาที่ยั่งยืนซึ่งสอดคล้องกับวิถีชีวิตชุมชนท้องถิ่น

การวิพากษ์แผนการสร้างท่าเทียบเรือถ่านหิน และโรงไฟฟ้าถ่านหินกระบี่ครั้งนี้ จัดขึ้นก่อนหน้าการประชุมรับฟังความคิดเห็นของประชาชน และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในการกำหนดขอบเขต และแนวทางการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (Public Scoping) ซึ่งจะจัดขึ้นโดยบริษัทที่ปรึกษาในวันที่ 9 มีนาคมที่จะถึงนี้ กรีนพีซ นักวิชาการพลังงาน และสมาคมท่องเที่ยวเกาะลันตาได้แสดงความกังวลต่อกระบวนการศึกษา และจัดทำรายงานวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) โครงการท่าเทียบเรือบ้านคลองรั้ว และแผนการประเมินผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ (EHIA) โครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินกระบี่ เนื่องจากการระบุผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมดังกล่าวนั้นค่อนข้างต่ำกว่าความเป็นจริง

นายธีรพจน์ กษิรวัฒน์ นายกสมาคมการท่องเที่ยวเกาะลันตา กล่าวว่า กระบี่ เปรียบเสมือนมรกตแห่งอันดามัน ซึ่งไม่เพียงแต่มีชื่อเสียงในระดับโลกจากภูมิทัศน์อันงดงามโดดเด่น แต่ยังมีระบบนิเวศทางทะเลที่อุดมสมบูรณ์อีกด้วย โครงการสร้างท่าเทียบเรือ และโรงไฟฟ้าถ่านหินนั้นสวนทางโดยสิ้นเชิงกับแนวนโยบายการพัฒนาของจังหวัดกระบี่ ที่ต้องการพัฒนาไปสู่การท่องเที่ยว ที่เป็นมิตรต่อธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย จะต้องตระหนักถึงภัยคุกคามที่กำลังเกิดขึ้นในจังหวัดกระบี่

จริยา เสนพงศ์ ผู้ประสานงานรณรงค์ด้านพลังงานและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ กรีนพีซ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กล่าวว่า เราเกรงว่าการประชุมรับฟังความคิดเห็นของประชาชนและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในการกำหนดขอบเขต และแนวทางการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมของโครงการท่าเทียบเรือบ้านคลองรั้ว ที่จะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์นี้ จะไม่มีความแตกต่างจากรายงานการศึกษาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหิน และท่าเทียบเรือท่าช้าง ที่มีการจัดทำไปก่อนหน้า คือ การระบุผลกระทบที่ต่ำกว่าความเป็นจริง หรือหากจะเกิดผลกระทบก็ระบุว่า สามารถแก้ไขได้ ผลคือรายงานที่ออกมาได้ตีตราประทับให้เจ้าของโครงการซึ่งก็คือ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย

โครงการท่าเทียบเรือถ่านหินบ้านคลองรั้ว เป็นแผนทางเลือกล่าสุดของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย เพื่อขนถ่ายถ่านหินนำเข้าจากอินโดนีเซีย ออสเตรเลีย หรือแอฟริกา มาเป็นเชื้อเพลิงในโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหิน กำลังผลิตติดตั้ง 870 เมกะวัตต์ จุดของโครงการท่าเทียบเรือตั้งอยู่ ณ ตําบลตลิ่งชัน อําเภอคลองขนาน จังหวัดกระบี่ ในเขตพื้นที่ชุ่มน้ำปากแม่น้ำกระบี่ ซึ่งเป็นพื้นที่ชุ่มน้ำเพียงไม่กี่แห่งในประเทศไทย ที่มีสถานะเป็นพื้นที่ชุ่มน้ำที่มีความสำคัญในระดับนานาชาติ

ในช่วงฤดูมรสุม การขนถ่ายถ่านหินจากเรือเดินสมุทรขนาดมหึมาลงเรือขนถ่านหินขนาดเล็กจะเกิดขึ้นบริเวณกลางทะเลใกล้เกาะปอ ซึ่งอยู่ท้ายเกาะลันตา และบริเวณเกาะกลาง ในช่วงไม่มีมรสุม แล้วผ่านเข้าไปยังท่าเทียบเรือบ้านคลองรั้ว เพื่อขนส่งถ่านหินไปตามสายพานลำเลียงยาว 8.4 กิโลเมตร เข้าสู่โครงการโรงไฟฟ้าถ่านหิน การขนถ่ายถ่านหินจะส่งผลกระทบมหาศาลต่อสิ่งแวดล้อมของกระบี่ โดยเฉพาะปะการัง หญ้าทะเล ผืนป่าชายเลน แหล่งทำประมงพื้นบ้าน แหล่งอนุบาลสัตว์น้ำ ถิ่นที่อยู่อาศัยของพรรณพืช และสัตว์ และที่สำคัญจะสร้างความเสียหายต่อวิถีชีวิตของชุมชนท้องถิ่นในจังหวัดกระบี่

“กรีนพีซ เรียกร้องให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ยกเลิกโครงการก่อสร้างท่าเทียบเรือถ่านหิน และโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินกระบี่ พร้อมให้สัตยาบันต่อภาคประชาชนในความร่วมมือแบบพหุภาคี เพื่อผลักดันพื้นที่แหล่งอนุรักษ์ทะเลอันดามันซึ่งครอบคลุมจังหวัดระนอง พังงา กระบี่ ภูเก็ต ตรัง และสตูล รวมทั้งกับการพัฒนาและส่งเสริมการลงทุนพลังงานหมุนเวียนที่สะอาดและปลอดภัย” จริยา กล่าวเสริม
ทั้งนี้ ประชาชนสามารถร่วมผลักดันข้อเรียกร้องนี้โดยการลงชื่อ “ปกป้องกระบี่” ได้ที่www.protectkrabi.org

ข้อมูลเพิ่มเติม พื้นที่ชุ่มน้ำปากแม่น้ำกระบี่ จังหวัดกระบี่ ถูกขึ้นทะเบียนให้เป็น 1 ใน 10 ของพื้นที่ชุ่มน้ำที่มีความสำคัญระหว่างประเทศ (List of Wetland of International Importance) ตามอนุสัญญาว่าด้วยพื้นที่ชุ่มน้ำที่มีความสำคัญระดับนานาชาติ (Ramsar Convention) หรือเรียกว่า “Ramsar Site” เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ.2544 มีเนื้อที่ประมาณ 133,120 ไร่ ประกอบด้วย พื้นที่ป่าชายเลน หาดทราย และคลองที่ตัวเมืองกระบี่ รวมถึงพื้นที่ป่าโกงกาง และหญ้าทะเลที่เกาะศรีบอยา ซึ่งมีพื้นที่ถึง 62,500 ไร่ ปากแม่น้ำกระบี่เกิดจากการที่แม่น้ำหลายสายในพื้นที่ภาคใต้ไหลมาบรรจบกันที่อ่าวพังงา พื้นที่ปากแม่น้ำของกระบี่เป็นตัวอย่างที่ดีของการอยู่ร่วมกันของชุมชนกับธรรมชาติ โดยป่าชายเลน หญ้าทะเล และแนวปะการัง เป็นแหล่งอาหารที่สำคัญ รวมถึงเป็นพื้นที่อนุบาล และวางไข่ของสิ่งมีชีวิตในทะเล
 
 

กำลังโหลดความคิดเห็น