กรีนพีซ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้และเครือข่ายปกป้องกระบี่จากถ่านหิน ส่งจดหมายเปิดผนึกถึงผู้ว่าการ กฟผ. เบรกโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินกระบี่และโครงการท่าเทียบเรือขนถ่ายถ่านหินกระบี่ พร้อมข้อเสนอให้ทบทวนทางเลือกการผลิตไฟฟ้าที่ยั่งยืน โปร่งใสและเป็นธรรมในพื้นที่
สำหรับเนื้อความในจดหมายเปิดผนึกดังกล่าวมีดังนี้
วันพฤหัสบดีที่ 12 มิถุนายน 2557
จดหมายเปิดผนึกถึงผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย
เรื่อง หยุดเร่งรัดโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินและโครงการท่าเทียบเรือขนถ่ายถ่านหินกระบี่เข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช) ภายใต้คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และทบทวนทางเลือกการผลิตไฟฟ้าที่ยั่งยืน โปร่งใสและเป็นธรรมในพื้นที่ !
ตามที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (คำสั่งฉบับที่ 54/2557) โดยให้มีอำนาจหน้าที่เสนอแนะนโยบายพลังงานต่อ คสช. กำหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขให้สอดคล้องกับแผนพัฒนาพลังงาน ติดตามดูแล ประสาน สนับสนุนและเร่งรัดงาน ทั้งในส่วนราชการ เอกชน และรัฐวิสาหกิจเพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายของประเทศ รวมทั้งประเมินผล การปฎิบัติงานตามนโยบายพัฒนาพลังงานของประเทศนั้น ทางกรีนพีซ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้และเครือข่ายปกป้องกระบี่จากถ่านหินซึ่งประกอบด้วย กลุ่มและองค์กรตามรายชื่อท้ายจดหมายนี้ในฐานะภาคประชาสังคม ขอเรียกร้องต่อการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ในฐานะเจ้าของโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินและท่าเทียบเรือขนถ่ายถ่านหินที่จังหวัดกระบี่ ดังนี้
1) หยุดเร่งรัดโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินและโครงการท่าเทียบเรือขนถ่ายถ่านหินที่จังหวัดกระบี่เข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ ที่แต่งตั้งขึ้นโดยคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) พร้อมกันนี้ ให้ยุติการดำเนินกระบวนการจัดทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ (EHIA) และการรับฟังความคิดเห็นประชาชนด้วยเหตุที่มีหลักฐานเชิงประจักษ์ที่แสดงให้เห็นว่ากระบวนการดังกล่าวขาดความโปร่งใสตรวจสอบได้และสร้างความขัดแย้งทางสังคมขึ้นในพื้นที่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตฯ ควรนำผลการไต่สวนของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติกรณีการละเมิดสิทธิชุมชน ในพื้นที่จากกระบวนการดังกล่าวมาพิจารณาเป็นบทเรียนในการบริหารจัดการตามแนวทางการกำกับดูแลกิจการที่ดีตามหลักสากลและมีการบริหารงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพโปร่งใส เป็นธรรม คำนึงถึงผู้มีส่วนได้เสียทุกภาคส่วน
2) แม้จะมีข้ออ้างมาโดยตลอดว่าโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินที่กระบี่ตลอดจนโครงสร้างพื้นฐานที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะอย่างยิ่งโครงการท่าเทียบเรือขนถ่ายถ่านหินนั้นสอดคล้องกับแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้า (Power Development Plan) โดยระบุว่าเป็นทางเลือกหนึ่งในการพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าเทคโนโลยีถ่านหินสะอาดในภาคใต้และเพื่อสนองความต้องการใช้ไฟฟ้าของประเทศและเสริมความมั่นคงของระบบไฟฟ้าในภาคใต้ ตลอดจนสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลในเรื่องการกระจายสัดส่วนการใช้เชื้อเพลิง แต่เมื่อพิจารณาข้อเท็จจริงที่เป็นอยู่ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตฯ ต้องยอมรับความจริงที่ว่าแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน คือ PDP2010 ฉบับปรับปรุงครั้งที่ 3 สะท้อนถึงกระบวนการวางแผนพลังงานที่เป็นปัญหาถึงขั้นวิกฤต การเลือกสร้างโรงไฟฟ้าจำนวนมากที่ก่อมลพิษ สร้างความขัดแย้ง มีต้นทุนและความเสี่ยงสูง แทนที่จะเป็นทางเลือกอื่นๆ ที่ปลอดภัยกว่า สะอาดกว่า และสมเหตุสมผลในทางเศรษฐกิจนั้นขัดกับนโยบายด้านพลังงานของประเทศไทยและยังขัดกับผลประโยชน์ของประชากรส่วนใหญ่ของประเทศอีกด้วย
3) เพื่อสร้างความมั่นคงทางพลังงานอย่างแท้จริงให้เกิดขึ้นในพื้นที่จังหวัดกระบี่ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตฯ ควรให้ความสำคัญกับการพัฒนาและส่งเสริมการลงทุนพลังงานหมุนเวียนที่สะอาดและปลอดภัยในทุกระดับ จังหวัดกระบี่มีศักยภาพในการผลิตพลังงานหมุนเวียนมากที่สุดพื้นที่หนึ่งในภาคใต้ สามารถผลิตพลังงานหมุนเวียนเพื่อสนองความต้องการใช้ไฟฟ้าในพื้นที่ได้ถึงร้อยละ 100 ภายใน 4 ปีข้างหน้า หากการไฟฟ้าฝ่ายผลิตฯในฐานะรัฐวิสาหกิจชั้นนำในภาคการไฟฟ้าริเริ่มนำแผนอนุรักษ์พลังงานปี พ.ศ. 2554-2573 และแผนพัฒนาพลังงานทางเลือกปี พ.ศ. 2555-2564 มาปฏิบัติใช้อย่างจริงจัง และมีส่วนเร่งผลักดันกลไกที่มีประสิทธิภาพ เช่น กฎหมายพลังงานหมุนเวียน เป็นต้น ก็ไม่มีความจำเป็นใดๆ ที่ต้องมีโรงไฟฟ้าถ่านหินแห่งใหม่เกิดขึ้นที่กระบี่และในประเทศไทย
ทางกรีนพีซ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้และเครือข่ายปกป้องกระบี่จากถ่านหินมีความยินดีอย่าง ยิ่งที่จะเข้าพบผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตฯ เพื่อปรึกษาหารือถึงรายละเอียดในการจัดการวางแผนระบบการผลิตไฟฟ้าที่เป็นธรรม โปร่งใส และยั่งยืนสำหรับจังหวัดกระบี่และในภาพรวมของประเทศไทยในวันพฤหัสบดีที่ 19 มิถุนายน 2557 ในเวลาตามที่ท่านสะดวก
ด้วยความนับถือ
ธารา บัวคำศรี
ผู้อำนวยการรณรงค์กรีนพีซ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้และตัวแทนเครือข่ายปกป้องกระบี่จากถ่านหิน
หมายเหตุ : เครือข่ายปกป้องกระบี่จากถ่านหินประกอบด้วย 1.กลุ่มรักลันตา 2.กลุ่มพิทักษ์ปกาสัย 3.สมาคมธุรกิจท่องเที่ยวลันตา 4.สมาคมผู้ประกอบการโรงแรมเกาะลันตา 5.มูลนิธิอันดามัน 6.ศูนย์สร้างเสริมจิตสำนึกนิเวศวิทยา 7.กรีนพีซ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ 8.สมาคมสมาพันธ์ชาวประมงพื้นบ้านแห่งประเทศไทย 9.คณะกรรมการประสานงานองค์กรพัฒนาเอกชนภาคใต้ (กปอพช.) 10.โครงการปกป้องพื้นที่ผลิตอาหารชายฝั่งภาคใต้ 11.กลุ่มรักตรังปกป้องตรัง 12.กลุ่มรักษ์อันดามัน 13.กลุ่มอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติสิ่งแวดล้อมปกาสัย จังหวัดกระบี่ 14.กลุ่มอาสาสมัครสาธารณสุขจังหวัดกระบี่ 15.เครือข่ายประมงพื้นบ้านจังหวัดกระบี่ 16.องค์การความร่วมมือเพื่อการฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติอันดามัน 17.เครือข่ายชาวประมงพื้นบ้านอ่าวพังงา อันดามัน 18.เครือข่ายสิทธิผู้ป่วยแม่เมาะ 19.เครือข่ายติดตามผลกระทบจากโรงไฟฟ้าถ่านหิน ตำบลเขาหินซ้อน 20.มูลนิธินโยบายสุขภาวะ 21.เครือข่ายถ่านหิน ประเทศไทย 22.เครือข่ายถ่านหินเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
สำเนาจดหมายเปิดผนึกส่งถึงคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ สำนักนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล travel_astvmgr@hotmail.com