คนคอนตั้งเวทีอัด กฟผ. ชี้ “โอบามา” สั่งเลิกโรงไฟฟ้าถ่านหินแล้ว

 
นครศรีธรรมราช - เครือข่ายต้านโรงไฟฟ้าถ่านหิน ร่วมกับกลุ่มกรีนพีซ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เปิดเวทีสาธารณะวิพากษ์ กฟผ. ชี้ “บารัค โอบามา” ประกาศยกเลิกโรงไฟฟ้าถ่านหิน 1 ใน 3 ของอเมริกาแล้ว แต่ที่ไทยยังเดินหน้าเพราะมีคนบางกลุ่มได้ผลประโยชน์ พร้อมชวนเยาวชนเล่นว่าวรณรงค์ใช้พลังงานลมทดแทน
 
น.ส.จริยา เสนพงศ์ ผู้ประสานงานด้านพลังงานและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ กรีนพีซ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เปิดเผยถึงกรณีคัดค้านการก่อสร้างโรงไปฟ้าพลังงานถ่านหินใน อ.หัวไทร จ.นครศรีธรรมราช ขณะร่วมกิจกรรม “Wind Energy For All” ว่า ผลกระทบที่จะเกิดขึ้นจากโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินคือ สาเหตุที่สำคัญที่สุดที่ประชาชนในพื้นที่ออกมาคัดค้าน เนื่องจากการสูญเสียต่อระบบนิเวศวิทยา ความหลากหลายชีวภาพ และวิถีชีวิตที่คนกว่าครึ่งล้านทำอาชีพการเกษตร การทำประมง และท่องเที่ยวใน อ.หัวไทร ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่โครงการพัฒนาพื้นที่ลุ่มน้ำปากพนังอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ที่มีมาตั้งแต่ปี 2538 พื้นที่แห่งนี้มีความความหลากหลายทางชีวภาพ แต่ขณะเดียวกัน ก็มีความเปราะบางของระบบนิเวศวิทยา
 
“มีวิธีการแก้ปัญหาง่ายๆ ที่จะสร้างความมั่นคงต่อความต้องการพลังงานใน จ.นครศรีธรรมราช และปกป้องสิ่งแวดล้อม นั่นก็คือ การนำศักยภาพของพลังงานหมุนเวียนที่มีอยู่มาใช้ให้เกิดประโยชน์อย่างเต็มที่ และสูงสุด พลังงานลมสามารถสร้างงาน ส่งจ่ายกระแสไฟฟ้า และไม่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมเหมือนโรงไฟฟ้าถ่านหิน พลังงานลมเรามีอยู่แล้ว แต่เราไม่สามารถนำมันมาใช้ได้ทั้งหมด หากไม่มีกฎหมายพลังงานหมุนเวียนที่บังคับให้รัฐรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนเข้าสู่ระบบสายส่งเป็นลำดับแรก” น.ส.จริยากล่าว
 
ผศ.ประสาท มีแต้ม นักวิชาการอิสระที่มีความเชี่ยวชาญด้านพลังงาน กล่าวว่า การเข้ามาในพื้นที่ของการไฟฟ้าฯ นั้น พยายามแยกสลายผู้นำชาวบ้าน และไม่ได้ให้ข้อมูลที่แท้จริง ต้องทำความเข้าใจว่าชาวบ้านในพื้นที่ไม่ได้ปฏิเสธโรงไฟฟ้า แต่ปฏิเสธถ่านหิน ในขณะที่พื้นที่นั้นมีพลังงานทางเลือกหลากหลาย ในขณะที่กระแสโลกไม่เอาแล้วกับพลังงานที่สกปรก เช่น ถ่านหิน ซึ่งถือว่าสกปรกที่สุดในโลก
 
“เมื่อ 2 วันก่อน อเมริกาประกาศจะโละโรงไฟฟ้าถ่านหินทิ้ง 1 ใน 3 ของเขา จะรื้อทิ้งและเอาพลังงานหมุนเวียนมาใช้ทดแทน” ผศ.ประสาท กล่าวและเสริมว่า
 
ปัญหาของประเทศไทยนับว่าเหลื่อมล้ำสูงที่สุดในโลก ปัญหานี้คนจะลุกขึ้นมารังเกียจ มาฆ่ากัน ทิศทางของโลกเปลี่ยนไปแล้ว แต่ประเทศไทยไม่เปลี่ยน เพราะระบบผูกขาด ไม่เฉพาะผูกขาดนโยบาย เพราะบริษัทที่ทำไฟฟ้าไปซื้อถ่านหินเอาไว้ เช่น ปตท.ซื้อในอินโดนีเซีย ไม่ใช่ผูกเฉพาะนโยบาย ผูกขาดวัตถุดิบด้วย ไม่ได้มีอะไรมาก แผนพัฒนาในประเทศไทยของทุนผูกขาดคือ 1.ล้างสมอง 2.ปล้น เรื่องไฟฟ้าเป็นการคอร์รัปชันโดยตรง คือ การรวมศูนย์ผูกขาดแล้วคอร์รัปชัน
 
ขณะที่ นายสมิง พัฒนานท์  ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 2 ต.หน้าสตน อ.หัวไทร จ.นครศรีธรรมราช กล่าวว่า จากผลพวงของการเคลื่อนไหวในพื้นที่ของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ทำให้สิ่งที่เกิดขึ้นตามมาคือ ชุมชนที่แตกแยกอย่างหนัก มีทั้งฝ่ายสนับสนุน และฝ่ายคัดค้าน ผู้นำที่ไปสนับสนุนเหมือนกับกินเหยื่อแล้วคายไม่ได้ ทุกฝ่ายที่ระบุถึงผลกระทบ วันนี้พ่อแม่ทะเลาะกัน ลูกไม่พูดกับแม่ แม่ไม่พูดกับลูก เพราะความเห็นเรื่องโรงไฟฟ้าไม่ตรงกัน
 
“กฟผ.จึงควรจริงใจ และเปิดข้อมูลทั้งหมดมาพูดคุยกัน หลังจากนี้แกนนำการเคลื่อนไหวครั้งนี้ เราต้องยกระดับขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อหยุดยั้งการไฟฟ้าฯ ที่จะปักหลักสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินในพื้นที่ให้ได้” นายสมิงกล่าว
 
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เด็กและเยาวชน พร้อมทั้งผู้ปกครองจากหลายโรงเรียนในพื้นที่ อ.หัวไทร ได้เข้าร่วมกิจกรรมการเล่นว่าวในทุ่งกังหันบ้านทะเลปัง ต.หัวไทร อ.หัวไทร โดยเป็นกิจกรรมที่จัดร่วมกับกลุ่มกรีนพีซ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในหัวข้อ “Wind Energy For All” ซึ่งเริ่มขึ้นตั้งแต่ช่วงเย็นของวานนี้ (18 ส.ค.) เพื่อรณรงค์ให้เห็นถึงศักยภาพของพลังงานลมในพื้นที่ ซึ่งสามารถรองรับการลงทุนพัฒนาพลังงานลมเป็นกระแสไฟฟ้า
 
โดยกิจกรรมดังกล่าว เป็นประเด็นที่สอดคล้องกับกับกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน กระทรวงพลังงาน ที่ได้ลงทุนติดตั้งกังหันลมขนาด 1.5 เมกะวัตถ์ เป็นกังหันลมที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย แต่กลับไม่มีการส่งเสริมอย่างต่อเนื่อง ทำให้เป็นอุปสรรคสำคัญในการพัฒนา แต่กลับเร่งพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานถ่านหินในพื้นที่ขึ้นแทน
 
ขณะที่ในช่วงค่ำวันเดียวกันนั้น ภาคประชาชน พร้อมด้วยผู้นำท้องถิ่นผู้นำท้องที่แสดงความไม่เห็นด้วยกับ กฟผ.ในการสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินจำนวนมาก ได้ร่วมกันตั้งเวทีสาธารณะขึ้น โดยมีนักวิชาการ ผู้ทรงคุณวุฒิ และผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่เข้าร่วมให้ความรู้ถึงผลกระทบ พร้อมทั้งเปิดเผยข้อมูลในประเทศสหรัฐอเมริกา กรณีประธานาธิบดีบารัค โอบามา ประกาศยุติการสนับสนับโรงไฟฟ้าถ่านหิน และจะทยอยยุติการใช้งานโรงไฟฟ้าพลังงานถ่านหิน รวมทั้งผลการวิจัยล่าสุดจากมหาวิทยาลัยฮาร์เวิร์ด ที่ได้ถูกเปิดเผยเมื่อ 3 เดือนที่ผ่านมาว่า ผลกระทบจากโรงไฟฟ้าถ่านหินสามารถกระจายได้ข้ามทวีป เป็นต้น