ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - สปต.ออกแถลงการณ์กรณีเหตุยิงชาวไทยพุทธในจังหวัดชายแดนภาคใต้ เรียกร้องให้ทุกฝ่ายยุติการใช้ความรุนแรงต่อประชาชน เด็ก ผู้บริสุทธิ์ ขณะที่ สปต.ตั้งคณะกรรมการแสวงหาข้อเท็จจริงกรณีฆ่าเด็ก 3 ศพ พบข้อมูลเป็นการฆ่าล้างแค้น “เจะมุ” ตอนตกเป็นผู้ต้องหาความมั่นคง ด้านรองแม่ทัพภาค 4 วอนประชาชนอย่าเพิ่งด่วนตัดสินใจว่าเป็นฝีมือฝ่ายรัฐ
วันนี้ (15 ก.พ.) สภาที่ปรึกษาการบริหารและการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (สปต.) ได้ออกแถลงการณ์ เรื่องเหตุการณ์ลอบทำร้ายชาวไทยพุทธในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ทั้งกรณีที่ได้มีคนร้ายไม่ทราบจำนวนได้ใช้อาวุธปืนสงครามกราดยิงพระภิกษุ และประชาชน ที่บ้านศาลาใหม่ อ.แม่ลาน จ.ปัตตานี ขณะที่ประชาชนเตรียมที่จะใส่บาตรพระภิกษุ เป็นเหตุให้พระภิกษุมรณภาพ 1 รูป ประชาชนเสียชีวิต 3 ศพ และบาดเจ็บอีก 6 ราย รวมทั้งก่อนหน้านี้ มีการฆ่าชาวไทยพุทธ ซึ่งเป็นสตรีที่ อ.ยะหริ่ง จ.ปัตตานี อย่างโหดเหี้ยมอีก 2 ราย
สภาที่ปรึกษาการบริหารและการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ในฐานะองค์กรภาคประชาสังคม มาจากตัวแทนของทุกภาคส่วนในจังหวัดชายแดนภาคใต้ จำนวน 49 คน มีอำนาจหน้าที่ตามพระราชบัญญัติการบริหารราชการจังหวัดชายแดนภาคใต้ พ.ศ.2553 ในการให้คำปรึกษา เสนอแนะ ร่วมมือ และประสานงานกับ ศอ.บต. เพื่อการบริหาร และการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ เห็นว่าจากสถานการณ์ความรุนแรงดังกล่าว กลุ่มผู้ใช้ความรุนแรงได้กระทำไม่เฉพาะเจ้าหน้าที่เท่านั้น แต่ยังได้กระทำต่อผู้บริสุทธิ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อเด็กด้วย ส่งผลให้ครอบครัวผู้บริสุทธิ์ได้รับความเดือนร้อน ทรมาน ทั้งร่างกาย และจิตใจ เกิดความหวาดระแวง วิถีชีวิตอยู่บนความไม่ปลอดภัยอันเป็นการละเมิดสิทธิเสรีภาพในชีวิตอย่างรุนแรงต่อประชาชนผู้ได้รับผลกระทบเป็นอย่างยิ่ง
สภาที่ปรึกษาการบริหารและการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ จึงขอเรียกร้องให้ทุกฝ่ายยุติการใช้ความรุนแรงต่อประชาชน เด็ก ผู้บริสุทธิ์ดังกล่าว พร้อมกันนี้ สภาที่ปรึกษาการบริหารและการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ขอความร่วมมือประชาชน และเจ้าหน้าที่ในพื้นที่โปรดช่วยกันสอดส่องดูแล ป้องกันไม่ให้เกิดความรุนแรง ตลอดจนร่วมประณามการกระทำที่โหดร้ายรุนแรงในทุกรูปแบบ เพราะการกระทำดังกล่าวถือว่า ขัดกับหลักกฎหมาย หลักศาสนา และรวมทั้งการละเมิดต่อสิทธิเสรีภาพในชีวิต และร่างกายที่ทุกคนทุกศาสนา ทุกเชื้อชาติ ย่อมได้รับการคุ้มครอง
การออกแถลงการณ์ในครั้งนี้ เพื่อต้องการมิให้เกิดความสูญเสียในลักษณะดังกล่าว และต้องการแสดงจุดยืนอย่างชัดเจนที่ไม่เห็นด้วยกับการใช้ความรุนแรงต่อผู้บริสุทธิ์อีกต่อไป
สปต.ตั้งคณะกรรมการแสวงหาข้อเท็จจริง กรณี ฆ่าเด็ก 3 ศพ
นายไชยยงค์ มณีรุ่งสกุล ประธานคณะกรรมการสื่อสารและการมีส่วนร่วมภาคประชาชน สภาที่ปรึกษาการบริหารและการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้เปิดเผยว่า สภาที่ปรึกษาฯ โดยนายอาซิส เบ็ญหาวัน ประธานสภาที่ปรึกษา ได้แต่งตั้งคณะกรรมเพื่อพิจารณาตรวจสอบแสวงหาข้อเท็จจริง กรณีที่คนร้ายใช้อาวุธสงครามกราดยิงบุคคลในครอบครัว นายเจะมุ มะมัน ที่ ต.บาเจาะ อ.บาเจาะ จ.ยะลา จนทำให้ลูกๆ ของนายเจะมุ เสียชีวิต 3 ศพ ส่วนนายเจะมุ และภรรยาบาดเจ็บสาหัส โดยประชาชนส่วนใหญ่ในพื้นที่ต่างเข้าใจว่า เป็นการกระทำของเจ้าหน้าที่ และกลายเป็นสาเหตุให้แนวร่วมใช้เป็นเงื่อนไขในการฆ่าแล้วเผาชาวไทยพุทธ และการกราดยิงพระ และชาวไทยพุทธที่รอใส่บาตรพระสงฆ์เสียชีวิต 4 ราย และบาดเจ็บอีกจำนวนหนึ่ง
โดยในที่ประชุมได้มีการตรวจสอบข้อเท็จจริง ในเบื้องต้นพบว่า การที่คนร้ายกราดยิงครอบครัวนายเจะมุ มาจากการล้างแค้นส่วนตัว เนื่องจากที่ผ่านมา นายเจะมุ ตกเป็นผู้ต้องหาในคดีความมั่นคงหลายคดี แต่ได้สู้คดีจนได้รับการยกฟ้อง สร้างความเจ็บแค้นให้แก่ญาติๆ ของผู้เสียชีวิต จึงได้รวบรวมพรรคพวกทำการล้างแค้น
ส่วนกลุ่มคนร้ายที่กระทำการในครั้งนี้ จากการแสวงหาข้อเท็จจริงเบื้องต้นพบว่า มีส่วนเกี่ยวข้องกับทหารพราน ที่เกี่ยวข้องเป็นญาติกับผู้เสียชีวิต ที่นายเจะมุ ตกเป็นผู้ต้องหา ซึ่งผู้ที่กระทำการในครั้งนี้เป็นการกระทำโดยส่วนตัว ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับหน่วยงาน และเจ้าหน้าที่รัฐแต่อย่างใด
และในวันที่ 17 ก.พ.ที่จะถึงนี้ คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง จะได้มีการประชุมร่วมกับ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น ฝ่ายปกครองใน อ.บาเจาะ ผบก.ภ.จว. นราธิวาส ฉก.นย. จ.นราธิวาส และตัวแทนของ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า เพื่อตรวจสอบข้อมูล วัตถุพยาน และการสอบสวนการทำคดีของพนักงานสอบสวน รวมทั้งการสืบสวนในเชิงลึก เพื่อที่จะสรุปข้อเท็จจริงว่า เป็นการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐตามที่ผู้ถูกกระทำ และประชาชนส่วนใหญ่เชื่อหรือไม่
ในขณะที่ พล.ต.ปราการ ชลยุทธ รองแม่ทัพภาคที่ 4 และ รอง ผบ.กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า กล่าวว่า คดีนี้มีการกล่าวหาเจ้าหน้าที่รัฐเป็นผู้กระทำ เหมือนกับหลายคดีที่เกิดขึ้น และถูกฝ่ายขบวนการนำไปเป็นเงื่อนไขในการทำร้ายชาวไทยพุทธจนเสียชีวิตจำนวนหนึ่ง จึงขอให้ประชาชนอย่าเพิ่งด่วนตัดสินใจว่า เป็นการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐ ขอให้พนักงานสอบสวน และคณะกรรมการแสวงหาข้อเท็จจริงของสภาที่ปรึกษาฯ ได้ตรวจสอบให้เกิดความชัดเจน และหากมีพยาน หลักฐานเชื่อมโยงกับกำลังพลของกองทัพ ของ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า กองทัพพร้อมที่จะดำเนินการตามกระบวนการยุติธรรมอย่างแน่นอน
วันนี้ (15 ก.พ.) สภาที่ปรึกษาการบริหารและการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (สปต.) ได้ออกแถลงการณ์ เรื่องเหตุการณ์ลอบทำร้ายชาวไทยพุทธในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ทั้งกรณีที่ได้มีคนร้ายไม่ทราบจำนวนได้ใช้อาวุธปืนสงครามกราดยิงพระภิกษุ และประชาชน ที่บ้านศาลาใหม่ อ.แม่ลาน จ.ปัตตานี ขณะที่ประชาชนเตรียมที่จะใส่บาตรพระภิกษุ เป็นเหตุให้พระภิกษุมรณภาพ 1 รูป ประชาชนเสียชีวิต 3 ศพ และบาดเจ็บอีก 6 ราย รวมทั้งก่อนหน้านี้ มีการฆ่าชาวไทยพุทธ ซึ่งเป็นสตรีที่ อ.ยะหริ่ง จ.ปัตตานี อย่างโหดเหี้ยมอีก 2 ราย
สภาที่ปรึกษาการบริหารและการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ในฐานะองค์กรภาคประชาสังคม มาจากตัวแทนของทุกภาคส่วนในจังหวัดชายแดนภาคใต้ จำนวน 49 คน มีอำนาจหน้าที่ตามพระราชบัญญัติการบริหารราชการจังหวัดชายแดนภาคใต้ พ.ศ.2553 ในการให้คำปรึกษา เสนอแนะ ร่วมมือ และประสานงานกับ ศอ.บต. เพื่อการบริหาร และการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ เห็นว่าจากสถานการณ์ความรุนแรงดังกล่าว กลุ่มผู้ใช้ความรุนแรงได้กระทำไม่เฉพาะเจ้าหน้าที่เท่านั้น แต่ยังได้กระทำต่อผู้บริสุทธิ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อเด็กด้วย ส่งผลให้ครอบครัวผู้บริสุทธิ์ได้รับความเดือนร้อน ทรมาน ทั้งร่างกาย และจิตใจ เกิดความหวาดระแวง วิถีชีวิตอยู่บนความไม่ปลอดภัยอันเป็นการละเมิดสิทธิเสรีภาพในชีวิตอย่างรุนแรงต่อประชาชนผู้ได้รับผลกระทบเป็นอย่างยิ่ง
สภาที่ปรึกษาการบริหารและการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ จึงขอเรียกร้องให้ทุกฝ่ายยุติการใช้ความรุนแรงต่อประชาชน เด็ก ผู้บริสุทธิ์ดังกล่าว พร้อมกันนี้ สภาที่ปรึกษาการบริหารและการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ขอความร่วมมือประชาชน และเจ้าหน้าที่ในพื้นที่โปรดช่วยกันสอดส่องดูแล ป้องกันไม่ให้เกิดความรุนแรง ตลอดจนร่วมประณามการกระทำที่โหดร้ายรุนแรงในทุกรูปแบบ เพราะการกระทำดังกล่าวถือว่า ขัดกับหลักกฎหมาย หลักศาสนา และรวมทั้งการละเมิดต่อสิทธิเสรีภาพในชีวิต และร่างกายที่ทุกคนทุกศาสนา ทุกเชื้อชาติ ย่อมได้รับการคุ้มครอง
การออกแถลงการณ์ในครั้งนี้ เพื่อต้องการมิให้เกิดความสูญเสียในลักษณะดังกล่าว และต้องการแสดงจุดยืนอย่างชัดเจนที่ไม่เห็นด้วยกับการใช้ความรุนแรงต่อผู้บริสุทธิ์อีกต่อไป
สปต.ตั้งคณะกรรมการแสวงหาข้อเท็จจริง กรณี ฆ่าเด็ก 3 ศพ
นายไชยยงค์ มณีรุ่งสกุล ประธานคณะกรรมการสื่อสารและการมีส่วนร่วมภาคประชาชน สภาที่ปรึกษาการบริหารและการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้เปิดเผยว่า สภาที่ปรึกษาฯ โดยนายอาซิส เบ็ญหาวัน ประธานสภาที่ปรึกษา ได้แต่งตั้งคณะกรรมเพื่อพิจารณาตรวจสอบแสวงหาข้อเท็จจริง กรณีที่คนร้ายใช้อาวุธสงครามกราดยิงบุคคลในครอบครัว นายเจะมุ มะมัน ที่ ต.บาเจาะ อ.บาเจาะ จ.ยะลา จนทำให้ลูกๆ ของนายเจะมุ เสียชีวิต 3 ศพ ส่วนนายเจะมุ และภรรยาบาดเจ็บสาหัส โดยประชาชนส่วนใหญ่ในพื้นที่ต่างเข้าใจว่า เป็นการกระทำของเจ้าหน้าที่ และกลายเป็นสาเหตุให้แนวร่วมใช้เป็นเงื่อนไขในการฆ่าแล้วเผาชาวไทยพุทธ และการกราดยิงพระ และชาวไทยพุทธที่รอใส่บาตรพระสงฆ์เสียชีวิต 4 ราย และบาดเจ็บอีกจำนวนหนึ่ง
โดยในที่ประชุมได้มีการตรวจสอบข้อเท็จจริง ในเบื้องต้นพบว่า การที่คนร้ายกราดยิงครอบครัวนายเจะมุ มาจากการล้างแค้นส่วนตัว เนื่องจากที่ผ่านมา นายเจะมุ ตกเป็นผู้ต้องหาในคดีความมั่นคงหลายคดี แต่ได้สู้คดีจนได้รับการยกฟ้อง สร้างความเจ็บแค้นให้แก่ญาติๆ ของผู้เสียชีวิต จึงได้รวบรวมพรรคพวกทำการล้างแค้น
ส่วนกลุ่มคนร้ายที่กระทำการในครั้งนี้ จากการแสวงหาข้อเท็จจริงเบื้องต้นพบว่า มีส่วนเกี่ยวข้องกับทหารพราน ที่เกี่ยวข้องเป็นญาติกับผู้เสียชีวิต ที่นายเจะมุ ตกเป็นผู้ต้องหา ซึ่งผู้ที่กระทำการในครั้งนี้เป็นการกระทำโดยส่วนตัว ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับหน่วยงาน และเจ้าหน้าที่รัฐแต่อย่างใด
และในวันที่ 17 ก.พ.ที่จะถึงนี้ คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง จะได้มีการประชุมร่วมกับ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น ฝ่ายปกครองใน อ.บาเจาะ ผบก.ภ.จว. นราธิวาส ฉก.นย. จ.นราธิวาส และตัวแทนของ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า เพื่อตรวจสอบข้อมูล วัตถุพยาน และการสอบสวนการทำคดีของพนักงานสอบสวน รวมทั้งการสืบสวนในเชิงลึก เพื่อที่จะสรุปข้อเท็จจริงว่า เป็นการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐตามที่ผู้ถูกกระทำ และประชาชนส่วนใหญ่เชื่อหรือไม่
ในขณะที่ พล.ต.ปราการ ชลยุทธ รองแม่ทัพภาคที่ 4 และ รอง ผบ.กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า กล่าวว่า คดีนี้มีการกล่าวหาเจ้าหน้าที่รัฐเป็นผู้กระทำ เหมือนกับหลายคดีที่เกิดขึ้น และถูกฝ่ายขบวนการนำไปเป็นเงื่อนไขในการทำร้ายชาวไทยพุทธจนเสียชีวิตจำนวนหนึ่ง จึงขอให้ประชาชนอย่าเพิ่งด่วนตัดสินใจว่า เป็นการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐ ขอให้พนักงานสอบสวน และคณะกรรมการแสวงหาข้อเท็จจริงของสภาที่ปรึกษาฯ ได้ตรวจสอบให้เกิดความชัดเจน และหากมีพยาน หลักฐานเชื่อมโยงกับกำลังพลของกองทัพ ของ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า กองทัพพร้อมที่จะดำเนินการตามกระบวนการยุติธรรมอย่างแน่นอน
