xs
xsm
sm
md
lg

ฟ้ามีตา…“ประคอง” ใจเจตนาประชาชน ให้ผ่านพ้นเมฆทะมึนขึ้น “ชูจันทร์”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ภาพจาก http://thaienews.blogspot.com/2014/01/blog-post_2815.html
 
โดย...ศูนย์ข่าวภูเก็ต
 
จากเหตุการณ์คนร้ายลอบปาระเบิดใส่กลุ่มผู้ชุมนุม กปปส.ขณะเคลื่อนขบวนผ่านถนนบรรทัดทองเมื่อวันที่ 17 ม.ค. ส่งผลให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บหลายสิบราย หนึ่งในนั้นคือ “ประคอง ชูจันทร์” อายุ 46 ปี พื้นเพเป็นชาวนครศรีธรรมราช แต่ไปปักหลักสร้างครอบครัวอยู่บนเกาะภูเก็ต เขาถูกสะเก็ดระเบิดบริเวณหน้าอก และไปเสียชีวิตที่โรงพยาบาลรามาธิบดีกลางดึกของวันที่ 18 ม.ค.ที่ผ่านมา
 
การออกมาร่วมต่อสู้กับ “ระบอบทักษิณ” ที่สุดแห่งความสามานย์ที่เคยเกิดขึ้นในสังคมไทย ด้วยหัวใจกล้าหาญกับ 2 มือเปล่าจนเขาต้องเอาชีวิตสังเวยนั้น ไม่ได้สร้างความสูญเสียที่ยิ่งใหญ่ให้แก่ครอบครัวที่มีทั้งมารดา ภรรยา ลูกๆ และญาติพี่น้องเท่านั้น ยังรวมไปถึงมวลมหาประชาชนร่วมอุดมการณ์อีกหลายล้านคนบนโลกใบนี้
 
จึงไม่เกินเลยที่สังคมจะยกย่องเชิดชูว่าเขาคืออีก 1 ใน “วีรชนคนกล้า” ในหน้าประวัติศาสตร์การต่อสู้ของภาคประชาชนคนไทย
 
เส้นทางชีวิตของ “ประคอง ชูจันทร์” หรือที่คนใกล้ชิดเรียกชื่อเล่นกันว่า “นะโม” เกิดในหมู่บ้านชาวนาที่บ้านป่าหวาย ต.เชียรเขา อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.นครศรีธรรมราช เป็นบุตรคนที่ 7 ในจำนวนพี่น้อง 9 คน ของพ่อท่านเหลื่อม อดีตเจ้าอาวาสวัดป่าหวาย และนางเชย ชูจันทร์ เป็นศิษย์เก่าโรงเรียนวิเชียรประชาสรรค์ สมัยเป็นเด็กชายตัวเล็กๆ พูดน้อย เรียบร้อย ไม่มีวี่แววสนใจปัญหาบ้านเมือง แต่พอโตเต็มวัยหนุ่มก็เดินอย่างองอาจเข้าคูหาคัดเลือกทหารเกณฑ์ไปจับได้ใบดำ จากนั้นตัดสินใจบวชเพื่อทดแทนคุณบิดามารดาระยะหนึ่ง
 
หลังสึกออกมาก็ตัดสินใจทำตามคำชักชวนของเพื่อนไปทำงานร้านตัดเสื้อผ้าที่ ต.ป่าตอง อ.กระทู้ จ.ภูเก็ต พอไปอยู่ที่นั่นก็พบรักกับ “ทิพเยาว์” สาวตัดผ้าในร้านเดียวกัน 3 ปีต่อมาจึงตัดสินใจแต่งงาน และครองคู่จนมีลูกด้วยกัน 3 คน เป็นผู้หญิง 2 คน และผู้ชาย 1 คน หลังแต่งงานทั้งคู่ได้ร่วมกันเปิดร้านตัดเย็บเสื้อผ้าเป็นของตัวเอง แล้วค่อยๆ เก็บหอมรอมริบขยับขยายไปทำรถตู้ให้เช่า และบริการรับส่งนักท่องเที่ยวควบคู่ไปด้วย
 
สำหรับการออกมาร่วมกับมวลมหาประชาชนต่อสู้กับความไม่เป็นธรรมไม่ใช่เพิ่งจะเกิดขึ้นในห้วงเวลานี้ เป็นที่รับรู้กันว่า เขาคือนักต่อสู้ตัวยงมาตั้งแต่ยุดแรกๆ ที่ “พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย” ออกมาขับไล่รัฐบาลภายใต้การนำของนักโทษหนีคุกทักษิณ ชินวัตร ทั้งเข้าร่วมเคลื่อนไหวกับมวลชนบนเกาะภูเก็ต หรือเคลื่อนทัพเข้าร่วมชุมนุมที่กรุงเทพฯ
 
ทุกครั้งเมื่อมีเสียงนกหวีดระดมพล และเขาก็มักไม่ได้ไปแค่คนเดียว แต่จะพ่วงเอาพี่ๆ น้องๆ หรือคนในครอบครัวไปด้วยเสมอๆ นอกจากนี้ เพื่อนสนิทชิดเชื้อก็ไม่เคยขาดเมื่อเขาออกร่วมเคลื่อนไหวกับภาคประชาชนในแต่ละครั้ง เขาไม่เคยแสดงตัวเป็นแกนนำมวลชน แต่พร้อมจะทำหน้าที่เป็นผู้สนับสนุนที่ดี กุลีกุจอช่วยเหลืองานในทุกด้านที่มีคนร้องขอ
 
เมื่อแกนนำพันธมิตรฯ ประกาศยุติบทบาท และได้ถ่ายเทพลังจนก่อเกิดมวลมหาประชาชนภายใต้การนำของ “กำนันสุเทพ เทือกสุบรรณ” ลุกขึ้นต่อกรกับรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร น้องสาวผู้สืบเชื้อหุ่นเชิด และความสามานย์ของพี่ชาย เขาก็เข้าร่วมแบบไม่เคยเว้นวรรค จึงมักมีคนเห็นเขาหอบหิ้วลูกๆ หลังเลิกเรียนไปนั่งฟังปราศรัยอยู่หน้าเวทีที่ศาลากลาง จ.ภูเก็ตบ่อยครั้ง และมีการเป่านกหวีดเรียกรวมพลเข้ากรุงเทพฯ เขาก็จะเป็น 1 ในจำนวนมวลมหาประชาชนหลายล้านคนไปเสียทุกครั้ง
 
การเรียกระดมพลเข้ากรุงเทพฯ ครั้งล่าสุดแบบไม่ชนะไม่เลิกของกำนันสุเทพเมื่อวันที่ 13 ม.ค.ที่ผ่านมา เขาอาศัยรถยนต์เพื่อนเดินทางไปด้วยกันรวม 3 คน ตั้งแต่วันที่ 11 ม.ค. แล้วไปสบทบอยู่ที่เวทีสวนลุมพินี ปรากฏว่า วันที่ 16 ม.ค.ก่อนสิ้นลมหายใจเพียงวันเดียว เพื่อนเจ้าของรถยนต์ชวนกลับภูเก็ต แต่เขายืนกรานตามที่จะทำตามความมุ่งมั่นไม่ชนะจะไม่กลับ และกลัวว่ามวลชนจะลดน้อยถอยลงจนทำให้ภารกิจกู้ชาติไม่บรรลุเป้าหมาย ซึ่งนั่นก็เป็นเหตุผลให้เพื่อนทั้ง 2 คนยินยอมอยู่สู้ร่วมกันต่อ
 
เพื่อนร่วมอุดมการณ์ของประคองที่เดินทางมาจากภูเก็ตด้วยกันเล่าว่า ในวันเดียวกันนั้นเขายังได้รับโทรศัพท์จากครอบครับ โดยเฉพาะบุตรชายหัวแก้วหัวแหวนคนเดียวได้ร้องขอให้พ่อกลับบ้านอีกด้วย แต่สิ่งที่เขาตอบกลับแก้วตาดวงใจกลับไปก็คือ…
 
“พ่อจะร่วมต่อสู้จนกกว่าประชาชนจะได้รับชัยชนะ แล้วจึงจะเดินทางกลับบ้าน”
 
ใครเลยจะคิดว่าเสียงสนทนาผ่านโทรศัพท์กับครอบครัวในครั้งนั้นจะเป็นครั้งสุดท้าย
 
17 ม.ค.หลังเที่ยงวันผ่านไปไม่นาน ขณะที่กำนันสุเทพ นำมวลมหาประชาชนจากเวทีสวนลุมพินีออกเดินรณรงค์เชิญชวนคนเข้าร่วมต่อสู้ ช่วงคณะเคลื่อนขบวนมาถึง ถ.บรรทัดทอง เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร เสียงกัมปนาทก้องของระเบิดสังหารที่ถูกเหวี่ยงออกมาจากมือลึกลับไปยังกลุ่มผู้ชุมนุม อาจจะทำให้หูของประคอง อื้ออึงจนรับรู้เสียงอื่นใดไม่ได้อีก แต่เชื่อว่ากระแสเสียงในจิตสำนึกอันแจ่มชัดของเขายากที่จะมีสิ่งใดรบกวนได้
 
เหตุการณ์ลอบสังหารด้วยระเบิดอันหมายเด็ดชีพกำนันสุเทพ ในวันนั้นเป็นที่รับรู้กันตามข่าวที่มีการนำเสนอทางสื่อมวลชนไปแล้วว่า 1 ในเหยื่อที่ต้องรับเคราะห์แทนคือเขา แม้แพทย์และพยาบาลของโรงพยาบาลรามาธิบดีจะช่วยผ่าตัด และยื้อยึดชีวิตเขาไม่ให้ถูกพรากไปอย่างเต็มที่ในคืนดึกของวันที่ 18 ม.ค.แล้วก็ตาม  
 
ถึงวันนี้มือลอบสังหารที่ขว้างปาระเบิดใส่ผู้ชุมนุมบน ถ.บรรทัดทอง จะยังไม่ถูกเปิดเผย แต่คนส่วนใหญ่ในบ้านเมืองต่างรับรู้ และมีความเชื่อไปในทิศทางเดียวกันแล้วว่า กลุ่มคนที่ลงมือกระทำ และผู้บงการนั้นคือใคร
 
มีเรื่องขานกันในครอบครัว หมู่เพื่อนฝูง และคนรู้จักมักคุ้นจนแทบจะเป็นเสียงเดียวกันว่า แรงจูงใจสำคัญที่ชักพาให้ประคองเข้าร่วมต่อสู้กับกองทัพประชาชนมาโดยตลอด เนื่องจากเขาไม่พอใจอย่างยิ่งที่บรรดานักการเมือง และพวกสามานย์บางกลุ่มมีความคิดที่จะล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ เพราะตลอดชีวิตเขาถูกบ่มเพาะมาจากครอบครัวที่เทิดทูน และจงรักภักดีสถาบันนี้ยิ่งชีพ
 
ศพของประคอง ได้รับการจัดพิธีในฐานะวีรชนคนกล้าอย่างสมเกียรติ ช่วงที่ตั้งบำเพ็ญกุศล ณ ศาลา 1 เตชะอิทธิพร วัดเทพศิรินทราวาสราชวรวิหาร กรุงเทพฯ ค่ำวันที่ 19 ม.ค. นายเปรี่ยมศักดิ์ มิลินทจินดา ผู้แทนพระองค์ได้อัญเชิญพวงมาลา และพวงหรีดพระราชทานจากสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี ไปมอบให้ในพิธีสวดพระอภิธรรมศพ ทำให้ครอบครัวผู้เสียชีวิต และผู้ที่ไปร่วมพิธีซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณยิ่ง
 
ก่อนหน้าค่ำของวันที่ 18 ม.ค. คณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข (กปปส.) ที่มีกำนันสุเพท เป็นเลขาธิการก็ได้จัดพิธีไว้อาลัยให้อย่างยิ่งใหญ่ร่วมกับมวลมหาประชาชน ณ เวทีปทุมวัน และทุกเวทีเครือข่าย
 
แฟ้มภาพ
 
จากนั้นวันที่ 21 ม.ค.ครอบครัวได้มีการเคลื่อนศพกลับไปตั้งบำเพ็ญกุศลต่อที่วัดเก็ตโฮ่ หรือวัดอนุภาษณ์กฤษฎาราม อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต และทำพิธีฌาปนกิจในวันที่ 25 ม.ค.นี้
 
ภายหลังการเสียชีวิตของเขา เสียงแซ่ซ้องสรรเสริญก็กระหึ่มกลบเสียงระเบิดบน ถ.บรรทัดทองไปสิ้น แถมยังยาวนานจวบจนเวลานี้ และ 1 ในคำไว้อาลัยที่ถูกนำไปอ่านจนเกริกก้องในหลายสถานที่ หลายวาระ โดยเฉพาะบนเวทีการต่อสู้ของมวลมหาประชาชนเป็นของจิระนันท์ พิตรปรีชา” กวีซีไรต์ที่เขียนไว้อาลัยให้เขาเมื่อวันที่ 18 ม.ค.ที่ผ่านมาที่ว่า
 
ประคองร่างกลางม่านควันชูจันทร์ฉาย
แสงสุดท้ายส่องชีวีที่ร่วงหล่น

ประคอง ใจเจตนาประชาชน 
ให้ผ่านพ้นม่านทะมึนขึ้น ชูจันทร์
 
 

กำลังโหลดความคิดเห็น