โดย...จรูญ หยูทอง-แสงอุทัย
ข้าพเจ้าทราบข่าวร้ายการจากไปโดยไม่มีวันกลับของ “หมัดแสล๊ะ เส็นลิหมีน” เพื่อนรุ่นน้องผู้ร่วมอุดมการณ์ในการพัฒนาชุมชนท้องถิ่นชาวหัวเขาแดง อ.สิงหนคร จ.สงขลา จากบุญเลิศ จันทระ เมื่อเวลาเกือบเที่ยงวันของวันที่ ๑๓ ธันวาคม ๒๕๕๖ ข่าวว่าเขาถูกยิงด้วยอาวุธสงคราม บริเวณเลยปั๊มน้ำมัน พีที เชิงเขาแดง หน้าร้านอาหารซัลวา
หลังจากเพิ่งเปิดตัวลงสมัครชิงตำแหน่ง “นายกเทศมนตรีเมืองสิงหนคร” ได้เพียง ๓ วัน (๑๑ ธันวาคม) และเต็นท์ที่ใช้ในวันเปิดตัวก็ยังทันได้ใช้ในพิธีศพของเขาอย่างน่าเศร้าใจ
ข้าพเจ้าจำไม่ได้แล้วว่ารู้จัก หมัดแสล๊ะ ครั้งแรกเมื่อไหร่ จำได้คร่าวๆ ว่าพบเขาบ่อยขึ้นและสนิทสนมกันมากขึ้นในช่วงที่มีการเคลื่อนไหวของพรรคความหวังใหม่ และการจัดทำแผนแม่บทการพัฒนาลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลา ที่ข้าพเจ้าทำหน้าที่หัวหน้าคณะทำงานประชาสัมพันธ์และการมีส่วนร่วมของประชาชน และล่าสุด การจัดทำแผนแม่บทการขุดลอกเพื่อพัฒนาและฟื้นฟูทะเลสาบสงขลาตอนล่าง ข้าพเจ้าได้ติดต่อทาบทามให้ หมัดแสล๊ะ เป็นผู้ประสานงานพื้นที่ในการจัดเวทีรับฟังความคิดเห็นของประชาชนในพื้นที่ อ.สิงหนคร และได้รับความร่วมมือด้วยดีตลอดมา จนใกล้จะเสร็จสิ้นการดำเนินงาน แต่หมัดแสล๊ะ ก็มาจบชีวิตอย่างน่าเศร้าสลดใจเสียก่อน
เท่าที่รู้จักมักคุ้นสนิทสนมร่วมงานกันมา ข้าพเจ้ารับรู้ด้วยตัวเองได้ว่า หมัดแสล๊ะ เป็นคนดี เป็นสุภาพบุรุษ ให้เกียรติคนอื่น มีน้ำใจเพื่อชุมชนและสังคม เหมาะสมจะเป็นผู้นำของชุมชนที่ต้องการผู้นำที่มีวิสัยทัศน์ เป็นนักพัฒนาแนวใหม่ที่ปลอดจากการแสวงหาอำนาจ ผลประโยชน์ และสร้างอิทธิพล เมื่อทราบข่าวว่าเขาจะลงแข่งขันในสนามการเมืองท้องถิ่นของสิงหนคร ข้าพเจ้าอดเป็นห่วงในความปลอดภัยในชีวิตเขาไม่ได้ แต่ก็ไม่คิดว่าเหตุการณ์ที่ข้าพเจ้าหวั่นวิตกจะเกิดขึ้นกับเขา หลังจากเขาเปิดตัวจะลงแข่งขันเพื่อเป็นอีกทางเลือกหนึ่งให้พี่น้องชาวสิงหนครได้เพียง ๓ วัน
ทราบข่าวจากคนในพื้นที่ที่ไปร่วมในพิธีฝังศพของเขาในวันศุกร์ที่ ๑๓ ธันวาคมที่ผ่านมาว่า ฝูงชนล้นหลั่งจำนวนที่วัดด้วยสายตาคร่าวๆ อยู่ในระดับที่เรียกว่า ถ้าคนเหล่านี้ไปทำหน้าที่เลือกตั้ง และเลือกเขาเขา น่าจะชนะคู่แข่งขันอย่างขาดลอย แต่เสียดายคนเหล่านี้ได้มีโอกาสแค่ไปงานศพเพื่อร่วมไว้อาลัย และประกาศให้ผู้ที่อยู่ข้างหลัง และคนที่มีส่วนในการตายของเขาได้รู้ว่า เขาเป็นคนดี เป็นคนที่ชุมชน และสังคมนี้ให้ความรักความอาลัย และเห็นความสำคัญในวาระสุดท้ายของเขา
สำหรับประเด็นในทางคดี ทุกคนกล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่า เป็นเรื่องของการสกัดดาวรุ่งของการเมืองท้องถิ่น โดยเฉพาะการเมืองท้องถิ่นของสิงหนครที่มีความดุเดือดรุนแรง และทำลายล้างกันมาตลอด เช่นเดียวกับการเมืองท้องถิ่นในหลายชุมชนในคาบสมุทรสทิงพระ และพื้นที่อื่นๆ ทั่วประเทศ
อาจจะเรียกว่า “การเมืองในระบอบทักษิณ” หรือการเมืองในระบอบ “ธนาธิปไตย” ผสมผสานกับ “อิทธิพลาธิปไตย” หรือ “อาวุธาธิปไตย” แล้วแต่จะเรียก มันเป็นการเมืองของกลุ่มอิทธิพล หรือการเมืองที่นิยมความรุนแรง ไม่ใช่การเมืองเชิงสร้างสรรค์ แข่งขันกันทำความดีเพื่อสร้างสรรค์สังคมที่สันติสุข เป็นเมืองน่าอยู่ตามที่หลายคนใฝ่ฝันอยากเห็น
การเลือกตั้งท่ามกลางบรรยากาศของความรุนแรง ความหวาดระแวง ความระส่ำระสาย หวั่นไหวของทุกฝ่าย ย่อมไม่อาจจะเรียกว่าเป็นการเลือกตั้งที่อิสระ เที่ยงธรรม และนำมาซึ่งการยอมรับในการเข้าสู่อำนาจของคนที่ชนะการเลือกตั้ง ไม่ว่าผู้ชนะจะมีส่วน หรือไม่มีส่วนต่อการก่อให้เกิดความรุนแรงก็ตามที แต่ในทางการเมืองเพียงแต่ประชาชนเชื่อก็ย่อมมีผลแล้วเช่นกัน แม้ว่าสิ่งที่ประชาชนเชื่ออาจจะไม่เป็นความจริงก็ตาม
เมืองสิงหนครมีสิ่งดีๆ มากมาย ผู้คนพลเมืองทั้งไทยพุทธ และมุสลิมที่มีคุณภาพ มีศักยภาพมากมาย โดยเฉพาะพี่น้องชาวตำบลหัวเขา เป็นมุสลิมที่มีบทบาททั้งในระดับท้องถิ่น ระดับชาติ และระดับสากล ดังจะเห็นได้ว่าผู้นำมุสลิมในระดับจังหวัด และระดับชาติไปจากผู้มีพื้นเพอยู่ที่นี่ เช่น อดีตสมาชิกวุฒิสภาจังหวัดสงขลาสมัยแรก และจุฬาราชมนตรี เป็นต้น
นอกจากนั้น สิงหนคร ยังเป็นดินแดนประวัติศาสตร์ที่สัมพันธ์กับประวัติศาสตร์ชาติไทยและประวัติศาสตร์โลก ไม่ว่าจะเป็นโบราณสถาน โบราณวัตถุ เกี่ยวกับสงขลาเมืองเก่าหัวเขาแดง สุสานสุไลมาน สุสานฮอลันดา ชุมชนโบราณบ้านปะโอ ศรีไชย ปัจจุบันยังเป็นชุมชนที่มีส่วนสัมพันธ์กับรัฐบุรุษ ประธานองคมนตรี ผู้นำเหล่าทัพ และอดีตนายกรัฐมนตรี พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ในหลายๆ ด้าน เช่น บ้านศรัทธา วัดเปรมศรัทธา และหมู่บ้านพัฒนาชุมชนปากรอ เป็นต้น
นี่ไม่ใช่ความรุนแรงครั้งแรกๆ ของการเมืองในสิงหนคร ก่อนหน้านี้ ก็เคยมีความรุนแรงในระดับนี้เกิดขึ้นมาหลายครั้งต่อเนื่องกันมา ตั้งแต่สมัยที่การเมืองท้องถิ่นยังไม่ยกระดับมาสู่การเลือกนายกเทศมนตรี หรือผู้บริหารทางตรงอย่างปัจจุบัน หลังจากยกฐานะเป็นเทศบาลตำบล และเทศบาลเมืองสิงหนครเช่นปัจจุบัน
ความรู้สึกนึกคิดของข้าพเจ้าต่อการจากไปด้วยสาเหตุความขัดแย้งทางการเมืองของ หมัดแสล๊ะ เส็นลิหมีน ในครั้งนี้ ก็คงไม่ต่างจากคนอื่นๆ นั่นคือ การสังหารคนดีด้วยอาวุธสงคราม ในลักษณะการจ้างฆ่า หรือสั่งฆ่า ไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไร เพราะผู้ตายเองย่อมไม่อาจจะป้องกันได้ตลอดเวลา เนื่องจากคิดว่าไม่เคยทำลายให้ร้ายใคร ไม่เคยคิดจะฆ่าใคร ไม่น่าจะมีใครมาฆ่าเขา แต่เมื่อการณ์ไม่เป็นดังคาด ก็ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดีไปกว่าการรู้สึกเสียดายคนดี ที่ไม่มีโอกาสได้สร้างสรรค์สังคมตามที่เขาตั้งใจ และประชาชนส่วนหนึ่งก็รอที่จะสนับสนุนเขา
หลังจากนี้ก็เป็นหน้าที่ของชาวสิงหนครว่า จะช่วยกันปกป้องคนดีของชุมชน และสังคมสิงหนครได้อย่างไร คงไม่มีทางใดเหมาะสมไปกว่า พระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ว่า “เมื่อไม่สามารถจะทำให้ทุกคนเป็นคนดีได้ ก็จงช่วยกันสนับสนุนให้คนดีได้มีโอกาสเข้ามามีอำนาจ ขณะเดียวกัน ก็ป้องกันไม่ให้คนไม่ดีมีอำนาจ” เท่านั้น
ขอภาวนาให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมคนร้าย และผู้จ้างวานที่แท้จริงมาลงโทษให้ได้ เพื่อเป็นขวัญ และกำลังใจให้คนดีได้มีความหวังที่จะยืนยันในความดีของตนบนแผ่นดินนี้ได้อย่างมีความมั่นใจ และเกิดสันติสุขอย่างแท้จริง เพราะกระบวนการยุติธรรมที่ยุติธรรมก็มีความสำคัญในการสร้างสรรค์สังคมดี
เริ่มต้นนับหนึ่งการปฏิรูปการเมืองไทยไปพร้อมๆ กันทั่วประเทศครับ.
