xs
xsm
sm
md
lg

“เต้น” ส่งสัญญาณใช้แดงชนม็อบ ซัด “เทือก” ทำตัวมีอำนาจสูงสุด-ท้าลงเลือกตั้ง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รักษาการ รมช.พาณิชย์ และแกนนำ นปช. (ภาพจากแฟ้ม)
อำมาตย์ นปช.ดิ้นไม่เลิก ซัด “สุเทพ” ทำตัวเป็นรัฐฐาธิปัตย์ หยันม็อบมหาศาลแค่เน้นปริมาณแต่เรียกร้องสิ่งที่ไม่ใช่ประชาธิปไตย แน่จริงมาลงเลือกตั้ง ส่งสัญญาณเสื้อแดงถึงเวลานำม็อบชนม็อบ ใช้คำว่า “ปฏิวัติประชาชน” นำหน้า ตราหน้าผู้ชุมนุมสถาปนาระบอบสุเทพ พวกเผด็จการ

วันนี้ (10 ธ.ค.) ที่สโมสรทหารบก นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รักษาการ รมช.พาณิชย์ และแกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กล่าวถึงกรณีที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรี และรักษาการ รมว.กลาโหม ประกาศยุบสภาเมื่อวานนี้ว่า ตนขอชื่นชมต่อการตัดสินใจที่ประกาศยุบสภาคืนอำนาจให้ประชาชน เพื่อหลีกเลี่ยงสถานการณ์ความรุนแรงและความสูญเสีย ถือเป็นการตัดสินใจของผู้นำรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน

อย่างไรก็ตาม ตนขอทำความเข้าใจกับนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข หรือ กปปส. ให้ชัดเจนว่าการยุบสภาของนายกรัฐมนตรี คือการคืนอำนาจอธิปไตยให้กับประชาชน ไม่ใช่การยกอำนาจอธิปไตยให้กับนายสุเทพและคณะ ซึ่งสิ่งที่นายสุเทพแสดงออกขณะนี้ที่ได้ยึดกุมเอาอำนาจอธิปไตยของประชาชนทั้งหมดจากการยุบสภาของนายกฯ และออกประกาศ ออกคำสั่งเหมือนกับเป็นหัวหน้าคณะยึดอำนาจ สิ่งที่นายสุเทพกำลังทำเท่ากับประกาศตัวเองเป็นรัฏฐาธิปัตย์ หรือผู้มีอำนาจสูงสุดในบ้านเมือง สิ่งนี้ไม่มีทางเกิดขึ้นได้กับประเทศที่เป็นประชาธิปไตย

นายณัฐวุฒิกล่าวว่า อยากให้นายสุเทพทบทวนสิ่งทำอยู่ และยอมรับการแสดงบทบาทขณะนี้เป็นการทำลายประชาธิปไตยอย่างสิ้นเชิงและนำพาประเทศเข้าสู่ระบอบเผด็จการสมบูรณ์แบบ ตนเห็นด้วยกับที่นายสุเทพประกาศว่าการชุมนุมครั้งนี้เป็นประวัติศาสตร์ที่โลกต้องบันทึกไว้ แต่ไม่ใช่เรื่องของจำนวน แต่บันทึกในเรื่องที่ประเทศที่ปกครองโดยระบอบประชาธิปไตย แต่มีคนกลุ่มหนึ่งออกมาเรียกร้องในสิ่งที่ไม่เป็นประชาธิปไตยอยู่ตลอดเวลา วันที่บ้านเมืองมีรัฐบาลมาจากการเลือกตั้ง ก็มีคนกลุ่มหนึ่งออกมาเรียกร้องรัฐบาลที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง

ทั้งนี้ ตนขอเรียกร้องพรรคประชาธิปัตย์แสดงท่าทีที่ชัดเจนในการเข้าสู่การเลือกตั้งตามกระบวนการประชาธิปไตย เพราะถ้าพรรคประชาธิปัตย์ตัดสินใจบอยคอตไม่ว่าด้วยเหตุผลใดก็ตาม เท่ากับว่ามีเจตนาทำให้เกิดทางตันและทำให้เกิดรัฐประหารเหมือนเหตุการณ์เดือนกันยายน 2549 ประเทศไทยและประชาชนไม่ต้องการสิ่งนี้ ถ้าพรรคประชาธิปัตย์มั่นใจว่ากระแสนิยมของพรรคดีขึ้นมาก และสิ่งที่นายสุเทพประกาศว่ามวลมหาประชาชนที่หมายถึงประชาชนทั้งประเทศ ถือว่าเพียงพอแล้วที่พรรคประชาธิปัตย์มั่นใจว่าจะชนะการเลือกตั้ง และหลังจากนั้นก็แถลงนโยบายหาเสียงว่า ถ้าพรรคประชาธิปัตย์ชนะจะปฎิรูปการเมืองและประเทศตามแนวทางของนายสุเทพ โดยจะให้มีสภาประชาชนให้มีนายกฯและรัฐบาลมาจากการแต่งตั้ง โดยไม่ผ่านการตัดสินใจของประชาชน ขณะนี้พรรคเพื่อไทยและทุกพรรคพร้อม ระบอบประชาธิปไตยก็พร้อมทำหน้าที่ของตัวเอง ขอถามว่าพรรคประชาธิปัตย์พร้อมหรือยัง

“การที่นายสุเทพออกมาเคลื่อนไหว โดยส่วนตัวผมเคารพในเสรีภาพแต่ไม่อาจยอมรับจุดยืนและข้อเรียกร้อง เพราะทำให้ประเทศถูกทำลายประชาธิปไตยอย่างย่อยยับ ดังนั้น การที่นายสุเทพยังยึดหลักการแบบนี้ ผมขอส่งสัญญาณไปถึงพี่น้องผู้รักประชาธิปไตย ขอให้ติดตามข้อมูลทางการเมืองอย่างใกล้ชิด ถ้าถึงเวลาตนจะชวนประชาชนออกมาปฏิวัติประชาชน เราจะออกมาอย่างสันติ เพื่อสร้างสันติภาพ ผมไม่อยากให้นายสุเทพขึ้นเวทีประกาศทำให้ประเทศอับอายต่อสายตาคนทั้งโลก เพราะหากสิ่งที่นายสุเทพทำ แล้วบอกว่าเป็นประชาธิปไตย ขอบอกว่าไม่ใช่แต่เป็นระบอบสุเทพ ซึ่งผมขอประกาศตัวล่วงหน้าว่าเป็นกบฎต่อระบอบสุเทพ เมื่อไหร่ก็ตามที่มีการสถาปนาระบอบสุเทพ เมื่อนั้นผมจะชวนพี่น้องประชนออกมาเคลื่อนไหวปฏิวัติประชาชนทันทีเหมือนกัน เพราะถือว่าเป็นหน้าที่ที่ฝ่ายประชาธิปไตยต้องพร้อมใจกันต่อสู้ แต่ยืนยันหลักการสันติวิธี และปลายทางของการต่อสู้คือสันติภาพ ไม่ใช่ความรุนแรง ไม่ใช่สงครามการเมือง” นายณัฐวุฒิกล่าว

เมื่อถามว่า มีความเป็นไปได้หรือไม่ที่จะก่อให้เกิดการเผชิญหน้ากัน นายณัฐวุฒิกล่าวว่า ตนจะประเมินสถานการณ์ เพราะสิ่งที่นายสุเทพทำไม่มีใครรับได้ ยกเว้นนักวิชาการที่ขายวิญญาณและสมคบคิดกันมาตลอด ดังนั้น หากนายสุเทพพาสถานการณ์นำไปสู่สภาลากตั้งมีรัฐบาลลากตั้ง ตนว่าเป็นหน้าที่ของประชาชนที่จะออกมาปกป้องประชาธิปไตย

เมื่อถามว่า รูปแบบที่จะออกมาปกป้องประชาธิปไตยเป็นอย่างไร นายณัฐวุฒิกล่าวว่า ถ้านายสุเทพคิดว่ารูปแบบที่ทำอยู่สามารถทำปฏิวัติประชาชนได้ตนคิดว่าตนทำได้ และยืนยันตนไม่ประสงค์ให้เกิดสถานการณ์แบบนั้น อยากจะให้บ้านเมืองเดินหน้าไปสู่กติกา ขณะนี้ประตูเลือกตั้งเปิดแล้ว แต่นายสุเทพและพรรคประชาธิปัตย์พยายามฉายหนังซ้ำ เหมือนปี 49 ที่ทำให้เกิดการรัฐประหาร

เมื่อถามว่า การที่จะทำปฏิวัติประชาชนอีกทางนั้นคิดว่าจะทำให้สู่ความขัดแย้งมากขึ้นหรือไม่ นายณัฐวุฒิกล่าวว่า ถ้าเป็นความขัดแย้งในทางหลักการ ก็จำเป็นต้องต่อสู้กัน เพราะเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องรัฐบาลและฝ่ายค้าน หรือเพื่อไทยหรือประชาธิปัตย์ แต่เรื่องนี้มันเดิมพันระบอบการปกครองระหว่างเผด็จการกับประชาธิปไตย ต่อจากนี้จะเฝ้าดูสถานการณ์อย่างอดทน เพราะอยากให้นายสุเทพได้สำนึก หากต้องการประกาศชัยชนะ ที่มาจากระบอบประชาธิปไตยที่แท้จริง มาจากการตัดสินใจของประชาชน และชัยชนะที่มาจากกฎกติกาที่ถูกต้อง ไม่ใช่ชัยชนะที่มาจากการปล้นอำนาจอธิปไตยของประชาชนเป็นของตัวเอง ตนไม่ได้ไปยืนคำขาด เพราะไม่ใช่การที่มาข่มขู่ กดดัน แต่เอาสถานการณ์ของบ้านเมืองเป็นที่ตั้ง ถ้าหากเกิดสภาประชาชนด้วยนายสุเทพเอง เชื่อว่าไม่มีใครจะรับได้ และวันนั้นคำว่าปฏิวัติประชาชนตัวจริงจะเกิดขึ้น

เมื่อถามว่า การที่จะออกมาปฏิวัติประชาชน จะต้องหารือกับพรรคเพื่อไทยหรือไม่ นายณัฐวุฒิกล่าวว่า ตนพูดในนามประชาชน เพราะตนเคลื่อนไหวต่อสู้ทางการเมืองมาโดยตลอด และเชื่อว่าพี่น้องที่ร่วมต่อสู้มาด้วยกันคิดไม่ต่างกับตน บ้านเมืองมีทางออกของสถานการณ์อยู่แล้ว จะแพ้หรือชนะ ให้ผ่านการตัดสินใจของประชาชนตามกติกา

เมื่อถามว่าจะลงรับสมัครเลือกตั้งในครั้งนี้ด้วยหรือไม่ นายณัฐวุฒิกล่าวว่า แน่นอนวันนี้ตนมาเรียกร้องให้ทุกฝ่ายลงเลือกตั้งก็ต้องเดินเข้าสู่สนามด้วย ส่วนการที่พรรคประชาธิปัตย์จะไม่ส่งผู้สมัครลงเลือกตั้งนั้น สะท้อนว่านายสุเทพกำลังจะต้อนประเทศไทยเข้าสู่มุมอับและนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองที่เป็นเผด็จการทำร้ายคนทั้งประเทศ ดังนั้นนายสุเทพควรแค่แสดงบทบาทให้ต่อจากนี้เป็นการตัดสินใจของประชาชนทั้งหมด นี่คือทางออกเดียวของประเทศ


กำลังโหลดความคิดเห็น