xs
xsm
sm
md
lg

“เพราะความจน..ทำร้ายครอบครัวฉัน” มุมมืดที่สังคมควรรับรู้

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“อย่าจับแม่ผมเข้าคุก...น้องๆ รออยู่ที่บ้าน เช้านี้เรายังไม่ได้กินข้าวเลย” เสียงเด็กชายวัยอายุ 8 ขวบ ร้องขอความเห็นใจจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ พร้อมกับกอดขานายตำรวจคนนั้นไว้แน่น

นี่เป็นเพียงคำบอกเล่าบางส่วนจาก พ.ต.ต.ชยะ พานะกิจ หัวหน้าสถานีตำรวจภูธรบาตูตาโมง ต.ถ้ำทะลุ อ.บันนังสตา จ.ยะลา ซึ่งได้เล่าให้ผมฟัง หลังจากที่ผมทราบข่าวผ่านทางเฟซบุ๊กที่ได้แชร์ต่อกันมาว่า เกิดคดีเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บาตูตาโมงได้จับกุมผู้หญิงคนหนึ่งที่ไปก่อเหตุแอบขโมยตัดกล้วยหินริมถนน เพื่อจะนำไปขาย และนำเงินมาซื้อข้าวสารให้ลูกๆ อีก 4 คนของเธอได้กิน แต่มีคนพบเห็นจึงได้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าจับกุม เมื่อเช้าวันที่ 13 พฤศจิกายน 2556 ที่ผ่านมา ทันทีที่ทราบข่าวดังกล่าว ผมจึงได้เดินทางไปสอบถามข้อเท็จจริงเกี่ยวกับคดีที่เกิดขึ้นต่อ พ.ต.ต.ชยะ ในทันใด

พ.ต.ต.ชยะ เล่าให้ฟังว่า คดีดังกล่าวนั้น ในขั้นต้นที่ได้จับกุมตัวนางอามีเนาะ สาเมาะ ผู้ต้องหาที่ก่อเหตุลักทรัพย์ โดยไปแอบตัดกล้วยหินในสวนของชาวบ้าน จำนวน 2 เครือ และจากการสอบปากคำผู้ต้องหาได้อ้างว่า จะนำกล้วยหินไปขายเพื่อจะนำเงินไปซื้อข้าวสารมาให้ลูกๆ ของเธออีก 4 คนได้กินกัน

แต่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ปักใจเชื่อ เนื่องจากผู้ต้องหามีพฤติกรรมลักเล็กขโมยน้อย จนเป็นที่ร่ำลือของชาวบ้านละแวกดังกล่าว ตนเองพร้อมด้วยพนักงานสอบสวน และเจ้าของสวนที่มาแจ้งความ พร้อมด้วยครูประจำชั้นของโรงเรียนบ้านตังกาเด็ง จึงได้เดินทางไปตรวจสอบที่บ้านของนางอามีเนาะ ซึ่งอยู่หลังตลาดถ้ำทะลุ

เมื่อเดินทางไปถึงก็พบว่า บ้านที่ปลูกสร้างด้วยสังกะสี มีสภาพเก่า ทรุดโทรม บริเวณรอบบ้านสกปรก เต็มไปด้วยเศษขยะ และป่าหญ้ารก เมื่อเข้าไปดูในบ้านก็เป็นเพียงบ้านที่มีพื้นปูนซีเมนซ์โล่งๆ ไปจนถึงในครัว ซึ่งมีเนื้อที่น้อยนิด ไม่มากเท่าที่ควร เดินจากหน้าบ้านไปจนถึงครัวก็เพียงไม่กี่ก้าว ตนเองได้เปิดดูถังข้าวสารในครัว ก็พบว่าไม่มีข้าวสารตามที่นางอามีเนาะ ได้บอกเล่า ไม่มีกับข้าว ไม่มีอาหารเลยสักอย่าง จึงได้สอบถามว่าอยู่กันอย่างไร มีไฟฟ้าใช้หรือเปล่า

ผู้เป็นแม่ก็ตอบว่า “ไม่มีไฟฟ้าใช้มา 3 ปีกว่าแล้ว เนื่องจากไม่มีเงินจ่ายค่าไฟ การไฟฟ้าเลยตัดไฟ”

พ.ต.ต.ชยะ บอกว่า ได้เดินสำรวจรอบๆ บ้านก็พบว่า แม้แต่ส้วมก็ไม่มี สอบถามก็ทราบว่าไม่มีใช้มากว่า 10 ปีแล้ว เวลาจะปลดทุกข์ก็ถือจอบวิ่งเข้าไปในป่าข้างๆ บ้าน


เมื่อทุกคนที่ไปได้เห็นภาพความยากลำบากดังกล่าว เจ้าของสวนที่แจ้งความดำเนินคดีจึงได้ถอนแจ้งความ ไม่ติดใจเอาความต่อ นางอามีเนาะ และได้ให้เงินอีกจำนวนหนึ่งไปซื้อข้าวสารอาหารมาให้ลูกๆ อีก 4 คน พร้อมกับนำโถส้วมที่บ้านมาให้อีก 1 หัว โดยปรึกษากับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ และทาง อบต.ถ้ำทะลุ เพื่อจะช่วยกันสร้างห้องน้ำให้แก่ครอบครัวนี้

พ.ต.ต.ชยะ เล่าให้ผู้สื่อข่าวฟังว่า นางอามีเนาะ ผู้เป็นแม่มีพฤติกรรมลักเล็กขโมยน้อย ก่อนหน้านี้ได้ก่อเหตุลักขโมยรถจักรยานจากพื้นที่ อ.บันนังสตา พร้อมกับลูกสาว และได้เข็นรถที่ขโมยมาจากตลาดบันนังสตา กลับมาจนถึงบ้าน จนเจ้าของตามมาพบ เมื่อสอบถามก็บอกว่า อยากเอามาให้ลูกสาวได้ใช้ปั่นไปโรงเรียน โดยพฤติกรรมดังกล่าวนี้ชาวบ้านในละแวกใกล้เคียงรับรู้ และเอือมระอา แต่ก็ไม่มีใครอยากจะเอาเรื่อง เพราะรู้ว่าฐานะทางบ้านยากจน และชาวบ้านเองก็ไม่อยากที่จะญาติดีด้วย”

 
ขณะเดียวกัน ผู้สื่อข่าวได้สอบถามทางนายอุดมศักดิ์ พรหมจันทร์ ครูประจำ ป.5 ซึ่งเป็นครูประจำชั้นของ ด.ญ.ยาวารี เจะอุมา ก็ทราบว่า ด.ญ.ยาวารี เริ่มมีพฤติกรรมเลียนแบบแม่คือ จะลักเล็กขโมยน้อย จะแอบหยิบสิ่งของเล็กๆ น้อยๆ ที่ตนเองไม่มี เช่น ดินสอ ยางลบ ลิปควิด ที่ตนเองอยากได้อยากมี แต่ไม่มีเงินซื้อ

ทั้งนี้ เชื่อว่าการกระทำดังกล่าวเลียนแบบมาจากการกระทำของผู้เป็นแม่ แต่ในทางกลับกัน ด.ญ.ยาวารี ก็เป็นคนที่มีจิตอาสา รักน้อง โดยที่ผ่านมานั้นจะร่วมกิจกรรมของโรงเรียนในด้านของจิตอาสา ช่วยทำความสะอาดโรงเรียน จนทำให้ได้รับรางวัลระดับกลุ่มมาแล้ว

“สำหรับครอบครัวของ ด.ญ.ยาวารีถือว่า ยากจนมาก เพราะที่ผ่านมานั้นจะเห็นได้จากการที่แม่ของเค้าจะมาขอเงินที่รัฐบาลสนับสนุนด้านอุปกรณ์การศึกษา นำไปซื้อข้าวสารไปซื้ออาหารมาให้ลูกๆ ของเธอได้กิน ทางโรงเรียนทราบดี แต่ก็จำใจต้องช่วยเหลือเพื่อความอยู่รอดของเด็กๆ” ครูประจำชั้นกล่าว

 พ.ต.ต.ชยะ ให้ข้อมูลด้วยว่า เด็กๆ ทั้ง 4 คนต้องได้รับการช่วยเหลือขั้นพื้นฐานของชีวิตอย่างเร่งด่วน เพราะความยากจนที่เป็นอยู่ จนทำให้เกิดปัญหาในการลักขโมย และหากยังไม่ได้รับการแก้ไข หรือการช่วยเหลือ ลูกๆ ทั้ง 4 คนก็จะมีพฤติกรรมที่เลียนแบบ โตขึ้นไปจะกลายเป็นปัญหาของสังคม ซึ่งอาจจะไปก่อเหตุที่อุกอาจกว่านี้”


“ลูกชายของนางอามีเนาะ เคยเล่าให้ผมฟังว่า บางครั้งพ่อกับแม่ก็ทะเลาะกัน เพราะพ่ออับอายที่แม่ไปก่อเหตุลักขโมยสิ่งของของชาวบ้าน จนถูกชาวบ้านด่า และตราหน้าว่าเป็นพวกขี้ขโมย” พ.ต.ต.ชยะ เล่าให้ฟัง 

ทั้งนี้ ครอบครัวของ ด.ญ.ยาวารี มีด้วยกัน 6 คน คือ นางอามีเนาะ ผู้เป็นแม่ ไม่ได้ประกอบอาชีพ เนื่องจากต้องดูแลน้องคนเล็ก แต่ก็ได้หาเศษไม้มาเผาถ่านขายเพื่อมีรายได้ช่วยเหลือครอบครัว โดยจะขายได้ 200-300 บาท ในช่วง 2 วัน หรือบางครั้งก็ไมได้ขาย เพราะไม่มีคนสั่งซื้อถ่าน

 
คนต่อมาคือ พ่อ - นายมามุ ประกอบอาชีพรับจ้าง ทำก่อสร้างบ้าง แต่งานก็มีไม่บ่อย และมีลูกอีก 4 คน คือ ด.ญ.ยาวารี อายุ 12 ขวบ ด.ช.มูฮัมหมัดซอพรี อายุ 8 ขวบ ด.ญ.นุสฮัสซาวันนา อายุ 5 ขวบ และคนสุดท้อง ด.ญ.นูรุฟิตตรี อายุ 2 ขวบกว่า

นางอามีเนาะ เล่าว่า บางวันลูก 3 คนก็ได้ไปโรงเรียนทั้งที่ไม่มีเงินสักบาท แต่ก็มีข้าวกลางวันที่โรงเรียนกินตอนเที่ยง บางวันก็ไม่ได้ไปเพราะไม่มีเงิน ลูกๆ ก็ไม่อยากไปโรงเรียน และหลังจากลูกกลับมาถึงบ้านแล้วก็ต้องเร่งทำการบ้าน เพราะไม่มีไฟฟ้าใช้ บางวันมีเงินซื้อเทียนไขก็ได้แสงสว่างช่วยให้มองเห็น ได้ทำการบ้าน ได้อ่านหนังสือ แต่เมื่อเทียนไขหมดก็มีแต่ความมืด ก็รอพรุ่งนี้เช้าในวันใหม่ เป็นอยู่อย่างนี้มาหลายปีแล้ว

ปัญหาความยากจนของครอบครัวนี้ เป็นเพียง “มุมมืด” ที่สังคมในยุคสมัยโลกาภิวัตน์อาจจะมองไม่เห็น หรือมองข้ามไป เพราะเป็น “จุดดำ” เพียงจุดเดียวในแสงสว่างของเมืองศิวิไลซ์ ที่ใครมักจะหลงอยู่กับความสะดวกสบาย และความทันสมัยของโลกแห่งการสื่อสาร แต่ปัญหาดังกล่าวก็ถูกสะท้อนออกมาจากโลกของการสื่อสาร โดยนายตำรวจผู้พลิกแผ่นดินด้วยมือเปล่า เพื่อสร้างชีวิต และอนาคตใหม่ให้แก่ 4 ชีวิตที่รอการช่วยเหลือ และเยียวยาจิตใจ จากความจนที่ทำร้ายครอบครัว “ยาวารี”

ขอบคุณ พ.ต.ต.ชยะ พานะกิจ หัวหน้าสถานีตรวจภูธรบาตูตาโมง ต.ถ้ำทะลุ อ.บันนังสตา จ.ยะลา ผู้เปิดเผยเรื่องราวชีวิต และครอบครัวของ ด.ญ.ยาวารี เจะอุมา ขอบคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกนายจากสถานีตำรวจภูธรบาตูตาโมง ที่ร่วมแรงร่วมใจช่วยเหลือ ขอบคุณนายก อบต.ถ้ำทะลุ เจ้าหน้าที่ อบต.ถ้ำทะลุ ขอบคุณผู้อำนวยการ/ครูโรงเรียนบ้านตังกาเด็ง
 
รายงานโดย...เอกรักษ์ ศรีรุ่ง
 
 

กำลังโหลดความคิดเห็น