นักเรียนเชียงใหม่ 30 คน ร้องดีเอสไอถูกแก๊งมิจฉาชีพตุ๋นเรียนฟรีที่ไต้หวัน โดยเสียค่าจ่ายคนละ 40,000 บาท แต่เมื่อถึงกำหนดวันเดินทางไม่สามารถไปเรียนที่ไต้หวันได้
ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เมื่อเวลา 13.30 น.วันที่ 10 ต.ค.นายเพชรวรรต วัฒนพงศ์ศิริกุล ที่ปรึกษา รมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ นายพิชิตพล สุทธิสานนท์ ผอ.กลุ่มนิเทศก์ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยม เขต 34 (สพม. 34) พร้อมด้วยกลุ่มนักเรียนประมาณ 30 คน เข้ายื่นหนังสือต่อนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ หลังถูกชาวไต้หวันหลอกลวงให้ไปเรียนฟรีในมหาวิทยาลัยไต้หวัน 7 แห่ง โดยต้องออกค่าใช้จ่ายคนละ 40,000 บาท แต่เมื่อถึงกำหนดเดินทางกลุ่มนักเรียนไม่สามารถไปเรียนที่ใต้หวันได้ตามที่กล่าวอ้างจนมีนักเรียนในภาคเหนือ 212 ราย หลงเชื่อจ่ายเงิน รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 8 ล้านบาท เบื้องต้นอธิบดีดีเอสไอ มอบหมายให้ พ.ต.ท.พงษ์อินทร์ อินทรขาว ผบ.สำนักคดีความมั่นคง ดีเอสไอ เข้าตรวจสอบข้อเท็จจริง
นายเพชรวรรต วัฒนพงศศิริกุล ที่ปรึกษา รมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) กล่าวว่า สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยม เขต 34 ได้รับการติดต่อจากบุคคลชาวไต้หวัน ที่อ้างว่าเป็นประธานมูลนิธิการศึกษาอาชีพและเทคนิคนิติบุคคล กลุ่มการเงินและสมาคมการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมนานาชาติไต้หวัน ศูนย์การอบรมนักศึกษานานาชาติไต้หวัน และคณะพร้อมชายไทยคนหนึ่ง อ้างว่ามีโครงการทุนเรียนต่อที่ประเทศไต้หวัน ในมหาวิทยาลัยเอกชน 7 แห่ง โดยนักเรียนไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายตลอดหลักสูตร 4 ปี พร้อมมีค่าตอบแทนระหว่างฝึกงานโดยมูลนิธิฯ ดังกล่าวจะเป็นผู้ดูแลและลงทะเบียนในมหาวิทยาลัยให้ แต่ต้องมีค่าใช้จ่ายสำหรับดำเนินการครั้งเดียว จำนวน 40,000 บาท
ที่ปรึกษา รมว.พม.กล่าวอีกว่า ต่อมาทางกลุ่มบุคคลดังกล่าวได้เชิญตัวแทน ผอ.โรงเรียนในพื้นที่ และศึกษานิเทศก์ เดินทางไปดูงานที่ประเทศไต้หวันพบว่ามีมหาวิทยาลัยทั้ง 7 แห่ง ตามที่มูลนิธิดังกล่าวระบุ พร้อมรับฟังนโยบายการับฟังนโยบายการรับนักเรียนต่างชาติเข้าเรียนในไต้หวัน กลับมาทาง สพม.เขต 34 จึงสรุปผลการศึกษาดูงานว่า มีประโยชน์ มีผลดีต่อนักเรียน แจ้งประชาสัมพันธ์ให้โรงเรียนในสังกัด และโรงเรียนที่สนในรับทราบ ต่อมาวันที่ 22 มี.ค.56 สพม.เขต 34 และโรงเรียนในสังกัด ได้ทำบันทึกความร่วมมือ (MOU) กับมหาวิทยาลัยไต้หวัน 7 แห่ง และมูลนิธิดังกล่าว ที่โรงแรมแห่งหนึ่งในจังหวัดเชียงใหม่ในพื้นที่จังหวัดทางเหนือมีนักเรียนหลงเชื่อสมัครเข้าโครงการทุนเรียนต่อที่ประเทศไต้หวัน จำนวน 212 ราย แต่ละรายได้จ่ายเงินค่าใช้จ่ายคนละ 40,000 บาท โดยนัดเดินทางวันที่ 18 เม.ย.56
นายเพชรวรรต กล่าวอีกว่า แต่ปรากฏว่าก่อนการเดินทางสำนักงานเศรษฐกิจและวัฒนะธรรมไทเป ประจำประเทศไทย ไม่ออกวีซ่าให้กลุ่มนักเรียน โดยระบุเหตุผลว่าเพราะสงสัยว่าน่าจะไปค้ามนุษย์หรือไปรับจ้างขายแรงงาน ทำให้กลุ่มนักเรียนดังกล่าวไม่สามารถเดินทางไปประเทศไต้หวันได้ เมื่อทาง สพม.เขต 34 และกลุ่มผู้ปกครองพยามยามติดต่อประธานมูลนิธิดังกล่าวถึงปัญหาที่เกิดขึ้นก็ถูกบ่ายเบี่ยงกระทั่งไม่สามารถติดต่อได้อีก ทั้งที่ได้รับเงินค่าใช้จ่ายจากกลุ่มนักเรียนผู้เสียหายทั้ง 212 คน มูลค่ากว่า 8 ล้านบาท โดยมีนักเรียนจำนวนมากที่สอบเข้ามหาวิทยาลัยของรัฐชื่อดังได้แต่สละสิทธิ์ หรือนักเรียนบางคนต้องออกกลางคัน เพื่อจะรับทุนไปเรียนในประเทศไต้หวันแต่มาประสพปัญหาดังกล่าว ทำให้ได้รับความเดือดร้อนมาก โดยยังมีนักเรียนทั่วประเทศอีกหลายร้อยคนที่ถูกหลอกลวงดังกล่าว บางคนต้องไปกู้เงินนอกระบบมาเป็นค่าใช้จ่าย
ด้านนายหนึ่ง (นามสมมติ) อายุ 18 ปี โรงเรียนหอพระ อ.เมืองเชียงใหม่ กล่าวว่า ตนสอบเข้ามหาวิทยาลัยราชมงคล วิทยาเขตล้านนา คณะวิศวกรรมเครื่องกลได้ แต่ทราบข่าวโครงการทุนไปเรียนที่ประเทศไต้หวัน จึงสละสิทธิ์มหาวิทยาลัยราชมงคลฯ พร้อมขอเงินผู้ปกครองจ่ายไป เพราะเห็นว่าอยากไปเรียนภาษาต่างประเทศ เพื่อรองรับการเปิดประชาคมอาเซียน แต่ปรากฏว่าไม่สามารถไปเรียนได้จริง ตอนี้ก็พยายามหาที่เรียนใหม่ โดยทาง สพม.เขต 34 ได้เยียวยาเบื้องต้นให้ทุนตนและนักเรียนผู้เสียหายไปเรียนภาษีจีนที่ประเทศจีน ประมาณ 6 เดือน พร้อมหาทางนำเงิน 40,000 บาท มาคืนผู้ปกครอง
นายสอง (นามสมมติ) อายุ 18 ปี โรงเรียนหอพระ อ.เมืองเชียงใหม่ กล่าวว่า ตนสอบติดมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมิตร คณะวิศวกรรมไฟฟ้า และสอบติดมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ คณะวิทยาศาสตร์ สาขาฟิสิกส์วัสดุศาสตร์ โดยเลือกที่มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ พร้อมดำเนินการตามระเบียบมหาวิทยาลัยทุกอย่าง เพื่อเข้าศึกษาต่อ กระทั่งวันรายงานตัวเข้าหอพักนักศึกษา ตนทราบข่าวและเห็นว่าการมีโอกาสไปเรียนเมืองนอกจะเป็นประสบการณ์ที่ดี จึงสละสิทธิ์ที่มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ก่อนพบว่าไม่สามารถไปเรียนที่ประเทศไต้หวันได้จริงตอนนี้จึงรู้สึกเคว้งคว้างมาก
ด้าน พ.ต.อ.พงศ์อินทร์ อินทรขาว ผบ.สำนักคดีความมั่นคง ดีเอสไอ กล่าวว่า ตนจะเดินทางไป จ.เชียงใหม่ ตรวจสอบข้อเท็จจากผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ทั้งผู้เสียหายและผู้ถูกกล่าวหา ขอให้มั่นใจว่าดีเอสไอจะดำเนินการอย่างเต็มที่ อาจจะได้เงินคืนหรือไม่ได้เงินก็ตามแต่อย่างน้อยต้องนำตัวคนเกี่ยวข้องมาลงโทษ ขอเตือนผู้เสียหายว่าระหว่างนี้หากผู้เกี่ยวข้องมาติดต่อขอประนีประนอมยอมความ ไม่ว่าจะเจรจาตกลงใดๆ ก็ตาม อย่าไปหลงเชื่อถอนแจ้งความ เพราะผู้เกี่ยวข้องจะไม่ปฏิบัติตามที่รับปากกับผู้เสียหายไว้ เท่ากับว่าจะเป็นการหลงกลถูกหลอกลวงซ้ำรอบสอง