xs
xsm
sm
md
lg

สพม.34 แจงเหตุ นร.ชวดเรียนต่อไต้หวัน ยันตามเงินคืน ผู้ปกครองเล็งฟ้องศาลปกครอง-ดีเอสไอ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - สพม.34 ตั้งโต๊ะแถลงหลังผู้ปกครอง นักเรียนโวยชวดไปโครงการศึกษาต่อไต้หวัน ระบุรู้เรื่องจริงแต่ช่วยแค่ประสานงาน ประชาสัมพันธ์ แจงตรวจสอบโครงการน่าเชื่อถือถึง ปชส.ให้ แต่ท้ายสุดวีซ่ากลับไม่ผ่านทั้งกลุ่ม ยันจะติดตามเงิน 40,000 ที่จ่ายมูลนิธิไปแล้วคืนมาให้ได้ ด้านผู้ปกครองโวยเห็น สพม. โรงเรียนรับรองเลยเอาลูกเข้าโครงการ จี้เร่งเยียวยาพร้อมเตรียมฟ้องศาลปกครอง-ดีเอสไอ หาคนรับผิดชอบ

สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา (สพม.) เขต 34 นำโดยนายวิเชียร ชมพูพล รองผู้อำนวยการ สพม.34 รักษาราชการแทนผู้อำนวยการ สพม.34 แถลงข่าวต่อสื่อมวลชนในวันนี้ (13 ก.ย.) ถึงกรณีที่กลุ่มผู้ปกครอง และนักเรียนรวมตัวกันเข้าแจ้งความกรณีเข้าร่วมโครงการศึกษาต่อที่ไต้หวัน แต่กลับไม่ได้เดินทางไปศึกษาต่อตามที่มีการประกาศไว้ ที่สถานีตำรวจภูธรช้างเผือกเมื่อวานนี้ (12 ก.ย.)

นายวิเชียร กล่าวชี้แจงว่า เมื่อเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา ทาง สพม.ได้รับการประสานจากมูลนิธิทางการศึกษาแห่งหนึ่งจากไต้หวัน เพื่อนำเสนอโครงการจัดการศึกษาต่อที่ไต้หวัน หลังจากที่ทางมูลนิธิได้ประสานไปยังโรงเรียนมัธยมต่างๆ ในสังกัด สพม.34 มาแล้วก่อนหน้านี้

โครงการดังกล่าวะบุว่า จะเปิดโอกาสให้นักเรียนที่สำเร็จการศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนปลายสมารถสมัครเข้าร่วมโครงการเพื่อศึกษาต่อมในหมาวิทยาลัยต่างๆ ในไต้หวัน โดยมูลนิธิจะให้การสนับสนุนด้านทุนการศึกษาจนจบระดับปริญญาตรี รวมถึงมีที่พักในระหว่างการศึกษา โดยผู้ที่สมัครเข้าร่วมโครงการจะเสียค่าใช้จ่ายเฉพาะในส่วนของค่าเดินทางประมาณรายละ 40,000 บาท


นายวิเชียร กล่าวว่า หลังจากได้รับการประสานในเรื่องดังกล่าว ทาง สพม.ได้ติดตามตรวจสอบว่ามูลนิธิดังกล่าวมีอยู่จริงหรือไม่ รวมทั้งโครงการดังกล่าวจะดำเนินการขึ้นจริงตามที่ระบุหรือไม่ ซึ่งต่อมา ได้มีการเดินทางไปดูงานที่ไต้หวัน ซึ่งจากได้รับทราบข้อมูลว่าโครงการดังกล่าวมีอยู่จริงและมีความน่าเชื่อ จึงได้มีการลงนามในบันทึกความเข้าใจร่วมกันระหว่างโรงเรียนในสังกัด สพม.34 มหาวิทยาลัยเอกชนในจังหวัดเชียงใหม่ กับมหาวิทยาลัยที่ไต้หวัน โดยมี สพม.34 และมูลนิธิการศึกษาจากไต้หวันร่วมลงนามด้วย จากนั้นจึงมีการประชาสัมพันธ์โครงการดังกล่าวผ่านทางโรงเรียนในสังกัด ซึ่งมีนักเรียนให้ความสนใจสมัครเข้าร่วมโครงการกว่า 200 คน

อย่างไรก็ตาม ภายหลังจากมีการรับสมัครแล้ว ปรากฏว่า นักเรียนที่สมัครเข้าร่วมโครงการไม่สามารถเดินทางไปศึกษาตามระยะเวลาที่กำหนดได้ เนื่องจากสำนักงานเศรษฐกิจและวัฒนธรรมไทเป ประจำประเทศไทย ไม่ยอมออกวีซ่าให้นักเรียนที่เข้าร่วมโครงการทั้งหมดเดินทางไปศึกษาต่อโดยไม่ทราบสาเหตุ

ทำให้ผู้ปกครอง และนักเรียนที่เข้าร่วมโครงการได้รับความเดือดร้อน เนื่องจากต้องเสียโอกาสทางการศึกษา อีกทั้งค่าใช้จ่ายจำนวน 40,000 บาทนั้นได้จ่ายให้แก่ทางมูลนิธิไปแล้ว และนำไปสู่การรวมตัวกันเข้าฟ้องร้องดำนินคดีของกลุ่มผู้ปกครอง และนักเรียน

นายวิเชียร ระบุว่า กรณีดังกล่าว สพม.34 เป็นเพียงผู้ช่วยประชาสัมพันธ์โครงการให้ผู้ที่สนใจได้ทราบ ส่วนการสมัครเข้าร่วมโครงการ และการดำเนินการต่างๆ ทั้งการสมัคร การขอวีซ่า และการยื่นเอกสารต่างๆ ทางผู้ปกครอง และนักเรียนเป็นผู้ดำเนินการเอง แต่ก็อยู่ภายใต้การรับรู้และติดตามจาก สพม.34 มาโดยตลอด

อย่างไรก็ตาม ไม่ทราบว่าเพราะเหตุใดไต้หวันจึงไม่ยินยอมให้วีซ่าเข้าประเทศแก่นักเรียนกลุ่มนี้ โดยในระหว่างที่รอการพิจารณาออกวีซ่านั้นมีการเรียกขอเอกสารต่างๆ เพิ่มเติมหลายครั้ง และมีการเลื่อนระยะเวลาการเดินทางมาโดยตลอด ทำให้มีผู้ปกครอง และนักเรียนส่วนหนึ่งถอนตัวจากโครงการดังกล่าว แต่ก็ยังมีนักเรียนส่วนใหญ่ที่รอการพิจารณาว่ าจะได้เดินทางไปศึกษาต่อ แต่ท้ายที่สุดเมื่อไม่ได้วีซ่าทำให้ไม่สามารถเดินทางไปศึกษาได้

รักษาการผู้อำนวยการ สพม.34 กล่าวว่า สำหรับการแก้ไขปัญหาดังกล่าว ขณะนี้อยู่ในระหว่างการประสานไปยังมูลนิธิซึ่งเป็นผู้ดำเนินโครงการ เพื่อขอให้นำเงินค่าใช้จ่าย จำนวน 40,000 บาทมาคืนให้แก่ทางผู้ปกครอง และนักเรียน เนื่องจากขณะนี้นักเรียนไม่สามารถเดินทางไปศึกษาต่อได้แล้ว

ทั้งนี้ มีนักเรียนที่เข้าร่วมโครงการทั้งสิ้น จำนวน 230 คน แต่มีบางส่วนจำนวนประมาณ 30-40 คนที่ถอนตัวจากโครงการไปก่อน และได้รับเงินคืนไปแล้ว ส่วนที่เหลือนั้นทาง สพม.34 จะติดตามเพื่อนำเงินค่าใช้จ่ายที่เสียไปคืนมา โดยมีการประสานไปยังมูลนิธิแล้ว และได้รับคำตอบว่าจะดำเนินการคืนเงินให้

แต่เมื่อถึงตามกำหนดนัดหมายกลับมีการขอเลื่อนออกไป โดยทางมูลนิธิขอเวลาดำเนินการประมาณ 1 เดือน ซึ่งทาง สพม.34 จะติดตามเรื่องดังกล่าวเพื่อนำเงินมาคืนให้แก่ผู้ปกครอง และนักเรียนให้ได้ทั้งหมด

ขณะเดียวกัน ได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาทั้งในระดับจังหวัด และระดับกระทรวงทราบถึงปัญหาดังกล่าวแล้ว แต่ในส่วนของการเยียวยาด้านอื่นๆ เช่น เวลา หรือโอกาสทางการศึกษาที่เสียไปนั้นคงอยู่นอกเหนืออำนาจที่ สพม.34 จะดำเนินการได้

ขณะที่ ร.ต.ถนอม แสงแก้ว ตัวแทนกลุ่มผู้ปกครองที่ได้รับความเดือดร้อนจากเรื่องดังกล่าวเปิดเผยว่า ผู้ปกครอง และนักเรียนได้รับทราบข้อมูลเกี่ยวกับโครงการดังกล่าว และเห็นว่าเป็นโครงการที่ดีจึงได้สมัครเข้าร่วมโครงการ โดยส่วนหนึ่งที่เชื่อถือในโครงการเป็นเพราะเห็นว่าเป็นการเผยแพร่ผ่านทางโรงเรียน อีกทั้งต้องการให้บุตรหลานได้เดินทางไปศึกษาต่อยังต่างประเทศ

โดยในระหว่างการดำเนินการต่างๆ มี นายพิชิตพล สุทธิสานนท์ ศึกษานิเทศก์เชี่ยวชาญ ผู้อำนวยการกลุ่มนิเทศก์ติดตามและประเมินผลการจัดการศึกษาเป็นผู้ให้ข้อมูลยืนยันว่า โครงการดังกล่าวมีอยู่จริง และเป็นโครงการที่ดี

นายพิชิตพล เคยระบุว่า ให้มาฟ้องร้องตนได้เลยหากนักเรียนไม่สามารถเดินทางไปเรียนต่อได้ แต่ท้ายที่สุด นักเรียนที่ร่วมโครงการซึ่งมาจากหลายๆ จังหวัดในพื้นที่ภาคเหนือก็ไม่สามารถเดินทางไปศึกษาต่อได้ ทำให้ต้องเสียทั้งเวลา เสียโอกาสทางการศึกษา และเสียเงินทองค่าใช้จ่ายต่างๆ

เด็กหลายคนสอบติดในระดับมหาวิทยาลัยแต่เลือกสละสิทธิเพราะต้องการเดินทางไปศึกษาต่อที่ไต้หวัน หลายคนต้องกู้หนี้ยืมสินเพื่อมาใช้เป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินการ หรืออย่างลูกของตนซึ่งสอบเข้าเรียนที่โรงเรียนนายสิบทหารบกได้ แต่ตนก็ให้ลูกสละสิทธิไปเพราะเห็นว่าการไปศึกษาต่อยังต่างประเทศจะเป็นโอกาสที่ดีมากกว่า

ร.ต.ถนอม ระบุว่า กลุ่มผู้ปกครอง และนักเรียนขอเสนอข้อเรียกร้องรวม 4 ข้อ เพื่อให้ สพม.34 และหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องได้ดำเนินการแก้ไขปัญหาดังกล่าว ประกอบด้วย

1.ต้องนำเงินทุกบาททุกสตางค์ที่จ่ายให้แก่ทางมูลนิธิมาคืนกลุ่มผู้ปกครอง และนักเรียน

2.ขอให้มีการเยียวยาด้วยการจ่ายเงินชดเชยในส่วนที่ผู้ปกครอง และนักเรียนต้องใช้ในระหว่างการดำเนินการ เช่น ค่าแปลกเอกสาร ค่าเดินทางไปประสานงานเรื่องการขอวีซ่า เป็นต้น

3.ขอให้มีมาตรการช่วยเหลือนักเรียนกว่า 200 คน ที่ต้องสูญเสียโอกาสทางการศึกษาจากเหตุดังกล่าว และ 4. กระบวนการเยียวยาขอให้มีการกำหนดระยะเวลาชัดเจนว่าจะดำเนินการเมื่อใด

ร.ต.ถนอม กล่าวเพิ่มเติมว่า ขณะนี้กลุ่มผู้ปกครอง และนักเรียนได้เข้าแจ้งความที่สถานีตำรวจภูธรช้างเผือก และมีการแจ้งความในพื้นที่อื่นๆ ที่ผู้ได้รับผลกระทบสะดวก โดยในวันจันทร์ที่ 16 ก.ย.นี้ ทางกลุ่มจะเดินทางมาชุมนุมที่ศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ โดยนัดเรียนจะสวมสูทที่ทางโครงการได้ตัดให้แก่นักเรียนทุกคนมาในวันดังกล่าว

นอกจากนั้น จะมีการเข้ายื่นเรื่องต่อศาลปกครอง และศูนย์ปฏิบัติการคดีพิเศษพื้นที่ภาคเหนือ กรมสอบสวนคดีพิเศษ เพื่อติดตามหาตัวผู้รับผิดชอบในเรื่องดังกล่าวต่อไป
นายวิเชียร ชมพูพล รองผู้อำนวยการ สพม.34
ร้อยตรีถนอม แสงแก้ว ตัวแทนกลุ่มผู้ปกครอง
กำลังโหลดความคิดเห็น