พรรคเพื่ออนาคต เรียกร้อง กกต.ประกาศการรับสมัครเลือกตั้ง ส.ส.เป็นโมฆะ พร้อมถอนแจ้งความ หวั่นเกิดการสูญเสียเพิ่ม ด้านเลขาฯ กกต.ส่งเอกสารถึง กกต.จังหวัด ยืนยันเดินหน้าสมัครเลือกตั้ง ส.ส.ระบบเขตพรุ่งนี้ โดยให้ใช้ดุลพินิจหากถูกขัดขวางจนไม่สามารถสมัครได้ พร้อมให้แจ้งความไว้เป็นหลักฐาน
ที่อาคารกีฬาเวสน์ 2 ศูนย์เยาวชน (ไทย-ญี่ปุ่น) สถานที่รับสมัคร ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ วันนี้ (27 ธ.ค.) นายสยามสิน วลิตวรางค์กูร เลขาธิการพรรคเพื่ออนาคต ซึ่งเดินทางมายังสถานรับสมัคร ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ ได้เรียกร้องให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ประเมินสถานการณ์ความขัดแย้งทางการเมืองในภาพรวม เพื่อจะได้ทราบว่าการเลือกตั้งในเวลานี้ไม่ใช่ทางออกจากวิกฤตทางการเมือง ดังนั้น กกต.จะต้องตัดสินใจด้วยตนเองภายใต้สถานการณ์ที่เป็นอยู่ว่าการจัดการเลือกตั้งสมควรดำเนินต่อไปหรือไม่ และการรับสมัครการเลือกตั้งไม่ควรเกิดขึ้น รวมถึง กกต.ควรลดเงื่อนไขความขัดแย้ง ด้วยการประกาศยกเลิกการรับสมัครเลือกตั้ง ตั้งแต่วันที่ 23 ธ.ค. 56 ต้องประกาศให้เป็นโมฆะ เพราะมีหลายเรื่องที่หมิ่นเหม่ต่อการกระทำผิดกฎหมาย
ทั้งนี้ ขอให้ กกต.และพรรคการเมืองทุกพรรคถอนแจ้งความลงบันทึกประจำวัน กรณีที่ถูกปิดกั้นจนไม่สามารถเข้าไปยังสถานที่รับสมัครได้ เพื่อไม่ให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งนำไปเป็นหลักฐานเอาผิดผู้ชุมนุม หรือ กกต. และพรรคการเมือง ซึ่งจะทำให้ กกต.และพรรคการเมืองต้องตกอยู่ในสภาพคู่ขัดแย้ง อย่างไรก็ตาม พรรคเพื่ออนาคตขอตัดสินใจไม่ลงสมัครรับเลือกตั้งในครั้งนี้ เพราะเห็นว่าเป็นการเลือกตั้งที่เริ่มต้นด้วยการเปื้อนเลือด และเชื่อว่าจะนำไปสู่การสูญเสียมากขึ้น
ผู้สื่อข่าวรายงานจากสำนักงานคณะกรรมารการเลือกตั้ง (กกต.) ว่า เมื่อเวลา 10.00 น.วันเดียวกัน นายภุชงค์ นุตราวงศ์ เลขาธิการ กกต.เป็นประธานการประชุมผู้บริหารของสำนักงาน กกต.และผู้ที่เกี่ยวข้องกับการจัดการเลือกตั้ง โดยได้กล่าวขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกคนทื่ทำหน้าที่เป็นอย่างดีในระหว่างการรับสมัครเลือกตั้ง ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อที่ผ่านมา แม้จะมีเหตุที่บริเวณสถานที่รับสมัคร แต่ยังคงยืนยันที่จะดำเนินการรับสมัครต่อไป โดยเฉพาะ ส.ส.แบบแบ่งเขตในระหว่างวันที่ 28 ธ.ค. 56 - 1 ม.ค. 57
นายภุชงค์กล่าวว่า ในเช้าวันนี้ได้ส่งเอกสารถึงประธานกรรมการการเลือกตั้งทุกจังหวัดและกรุงเทพมหานคร เพื่อเป็นการยืนยันว่าขณะนี้ยังคงมีพระราชกฤษฎีกาเลือกตั้งและการรับสมัครเลือกตั้ง ส.ส.แบบแบ่งเขตจะยังคงดำเนินต่อไปตามกำหนดเดิม แม้จะมีเหตุความรุนแรงของกลุ่มผู้แสดงความคิดเห็นทางการเมืองที่ต้องการให้เลื่อนวันเลือกตั้งออกไป จนทำให้การรับสมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อประสบปัญหา
“เพื่อไม่ให้สับสนในการปฏิบัติหน้าที่ จึงขอให้ผู้อำนวยการเลือกตั้งประจำจังหวัดแจ้ง ผอ.เขต กกต.ประจำเขตเลือกตั้งปฏิบัติหน้าที่ในการรับสมัคร ส.ส.แบบแบ่งเขตตามกฎหมาย ระเบียบ และประกาศของ กกต.ตามหน้าที่ หากมีปัญหาในการรับสมัคร เช่น ถูกปิดล้อมสถานที่ มีการขัดขวางการปฏิบัติงาน หรือมีการข่มขู่คุกคามที่อาจส่งผลต่อความปลอดภัยในชีวิตและร่างกายของเจ้าหน้าที่ ผู้ปฏิบัติงานและผู้สมัครจนเป็นเหตุสุดวิสัยไม่สามารถปฏิบัติงานได้ให้ ผอ.ประจำเขตเลือกตั้งสามารถใช้ดุลพินิจได้ตามเหมาะสม แล้วรายงานให้ ผอ.เขต, กกต.จังหวัด รับทราบโดยเร็ว พร้อมกับไปลงบันทึกประจำวันที่สถานีตำรวจเพื่อเป็นหลักฐานแล้วรายงานมายัง กกต.กลางโดยด่วน”
นายภุชงค์ยังแถลงด้วยว่า ตามที่ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีได้หารือถึงกระบวนการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนในโครงการบริหารจัดการน้ำ 3.5 แสนล้านบาท ตามคำพิพากษาของศาลที่ให้ดำเนินการรับฟังความคิดเห็น ซึ่งทางสำนักนายกฯ ได้ดำเนินการไปแล้วใน 74 จังหวัด เหลืออีก 3 จังหวัด คือ นครปฐม กาญจนบุรี และกรุงเทพฯ ทางปลัดสำนักนายฯ จึงได้หารือมายังสำนักงาน กกต.ว่าในช่วงระหว่างที่มีพระราชกฤษฎีกาเลือกตั้งควรจะดำเนินการอย่างไร ซึ่งทางปลัดสำนักนายกฯ ก็ได้ส่งเจ้าหน้าที่มาชี้แจงต่อ กกต.และ กกต.มีมติเห็นควรให้เลื่อนการรับฟังความคิดเห็นไปก่อน แม้จะเป็นเรื่องของการรับฟังความคิดเห็น แต่อาจมีผลกระทบกับรัฐบาลและการเลือกตั้ง โดยเฉพาะเรื่องการใช้ทรัพยากรของราชการ กกต.จึงเห็นควรว่าควรเลื่อนออกไปจนกว่าการเลือกตั้งจะแล้วเสร็จ