ยะลา - ศอ.บต.เผยผลสำรวจความคิดเห็น “สันติภาพที่ประชาชนในจังหวัดชายแดนภาคใต้ต้องการในอนาคต” ประชาชนในพื้นที่ต้องการอัตลักษณ์วัฒนธรรมอิสลาม และมลายู มากกว่าเรื่องการเมืองการปกครอง
เมื่อเวลา 09.30 น. วันนี้ (9 พ.ย ) ที่ห้องประชุมชั้น 3 อาคารศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) พล.ต.ต.จำรูญ เด่นอุดม หัวหน้าคณะทำงาน สำรวจความคิดเห็นของประชาชน เรื่องสันติภาพที่ประชาชนในจังหวัดชายแดนภาคใต้ต้องการในอนาคต พร้อมด้วย นายสัมพันธ์ มูซอดี ผู้ช่วยเลขาธิการ ศอ.บต. นายอับดุลการีม อัสมะแอ คณะทำงานจากสถาบันอัสสลาม ม.อิสลามยะลา ได้ร่วมกันแถลงข่าวผลการสำรวจคิดเห็นของประชาชน เรื่องสันติภาพที่ประชาชนในจังหวัดชายแดนภาคใต้ต้องการในอนาคต
นายอับดุลการีม อัสมะแอ คณะทำงานจากสถาบันอัสสลาม ม.อิสลามยะลา กล่าวว่า สำหรับรายงานการสำรวจความคิดเห็นของประชาชน เรื่องสันติภาพที่ประชาชนในจังวัดชายแดนภาคใต้ต้องการในอนาคต ในครั้งนี้ เพื่อเป็นเวทีสาธารณะรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนเรื่องสันติภาพที่ประชาชนต้องการในอนาคต โดยคณะกรรมการสถานีวิทยุและโทรทัศน์ภาษามลายู ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ เป็นผู้ดำเนินการโครงการ และสถาบันอัสสลาม มหาวิทยาลัยอิสลามยะลา เป็นผู้ประมวลผลการสำรวจ วิธีการศึกษาวิจัยใช้รูปแบบการวิจัยเชิงปริมาณ โดยใช้แบบสอบถามในการเก็บข้อมูล เพื่อให้ทราบความคิดเห็นของประชาชนตามประเด็นการสำรวจตามวัตถุประสงค์ที่กำหนด จากกลุ่มตัวอย่างจำนวนทั้งสิ้น 1,046 คน
นายอับดุลการีม กล่าวสรุปว่า กลุ่มตัวอย่างที่เป็นผู้ตอบแบบสอบถาม จำนวน 1,046 คน พบรายละเอียดดังนี้ ผู้ตอบแบบสอบถามเกินครึ่งหนึ่ง คิดเป็นร้อยละ 55.7 เป็นเพศชาย ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่ คิดเป็นร้อยละ 88.9 นับถือศาสนาอิสลาม รองลงมาคิดเป็นร้อยละ 8.2 นับถือศาสนาพุทธ ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่เกือบครึ่งหนึ่ง คิดเป็นร้อยละ 40.3 อาศัยอยู่ใน จ.นราธิวาส รองลงมาคิดเป็นร้อยละ 24.9 อาศัยอยู่ใน จ.ยะลา และผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่เกือบครึ่งหนึ่ง คิดเป็นร้อยละ 42.2 อาชีพเกษตร รองลงมาคิดเป็นร้อยละ 35.3 อาชีพอื่นๆ ได้แก่ ลูกจ้าง, แม่บ้าน, นักศึกษา
นอกจากนี้ ยังระบุอีกว่าความคิดเห็นของประชาชน เรื่องสันติภาพที่ประชาชนในจังวัดชายแดนภาคใต้ต้องการในอนาคตโดยรวม กลุ่มตัวอย่างมีความคิดเห็นอยู่ในระดับสูงค่าเฉลี่ย 3.30 เมื่อพิจารณาเป็นรายด้านว่าต้องการให้รัฐแก้ไขในเรื่องใดก่อนหลังมากที่สุด ได้แก่ ด้านประเด็นทางสังคม ค่าเฉลี่ย 3.38 รองลงมา คือ ด้านประเด็นทางเศรษฐกิจ ค่าเฉลี่ย 3.33 และด้านประเด็นทางการเมืองและการปกครอง ค่าเฉลี่ย 3.20 ตามลำดับ
ส่วนความคิดเห็นของประชาชน เรื่องการแก้ไขปัญหาของรัฐจะต้องแก้ไขในเรื่องใดก่อนหลัง ด้านประเด็นทางสังคมเรียงตามลำดับ 1-8 ดังนี้ ลำดับ
1.ให้ยอมรับวัฒนธรรมอิสลาม และมลายูเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมไทย
2.ส่งเสริมการใช้ภาษามลายู และพัฒนาหลักสูตรในโรงเรียนทุกระดับ
3.ให้ทุกคนมีการศึกษาระดับสูงอย่างเป็นธรรม
4.แก้ไขปัญหายาเสพติดอย่างจริงจัง
5.ประชาชนได้รับความเป็นธรรมทางกฎหมาย และปกป้องชีวิตทรัพย์สินอย่างเท่าเทียม
6.กำหนดหลักสูตรการศึกษาโดยท้องถิ่นเอง
7.แก้ไขปัญหาสินค้าเถื่อน หนีภาษีให้หมดไป
8.แก้ไขปัญหาผู้ก่อการร้ายให้หมดไป
ส่วนความคิดเห็นของประชาชน เรื่องการแก้ไขปัญหาของรัฐในเรื่องใดก่อนหลัง ด้านประเด็นทางเศรษฐกิจ เรียงตามลำดับ 1-6 ดังนี้
1.ให้ประชาชนทุกคนมีอาชีพและมีงานทำ
2.แก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ ลดราคาสินค้า
3.ส่งเสริมสินค้าเกษตรให้ขายได้มีราคา
4.ให้ประชาชนมีสิทธิดูแลทรัพยากรธรรมชาติ
5.จัดสรรที่ดินให้ผู้ยากจนที่ไม่มีที่อยู่และที่ทำกิน
6.แก้ไขปัญหานาร้าง
ส่วนเรื่องการแก้ไขปัญหาของรัฐจะต้องแก้ไขในเรื่องใดก่อนหลัง ด้านประเด็นทางการเมืองและการปกครอง เรียงตามลำดับ 1-8 ดังนี้
1.ให้นักการเมืองรับฟังความเห็นประชาชน
2.แก้ไขปัญหาคอร์รัปชัน การทุจริตประพฤติมิชอบ
3.ให้ประชาชนมีอำนาจในการตัดสินใจในปัญหาท้องถิ่นมากขึ้นปกครองตนเอง
4.ให้มีการกระจายอำนาจสู่องค์กรปกครองท้องถิ่นให้มากขึ้น
5.การออกเสียงประชามติเกี่ยวกับอนาคต จชต.
6.รูปแบบการปกครองที่อยากให้เป็น ให้ 3 จังหวัดรวมเป็น 1 เขตปกครองเลือกตั้งผู้นำสูงสุด ยกเลิก อบจ.อื่นๆ เหมือนเดิม
7.รูปแบบการปกครองที่อยากให้เป็น ให้มีองค์กรปกครองท้องถิ่น และภูมิภาคเหมือนเดิม แต่อยู่ภายใต้ ศอ.บต.
8.รูปแบบการปกครองที่อยากให้เป็น แยกแต่ละจังหวัดเป็น 3-4 เขต, เลือกตั้งผู้ว่าการฯ ยกเลิกนายก อบจ. อื่นๆ เหมือนเดิม
นายอับดุลการีม ยังระบุอีกว่า สำหรับด้านการพูดคุยสันติภาพ โดยรวม กลุ่มตัวอย่างมีความคิดเห็นอยู่ในระดับสูง ค่าเฉลี่ย 3.01 เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อมีความคิดเห็นด้านการพูดคุยสันติภาพมากที่สุด ได้แก่ เรื่องเห็นด้วยกับการพูดคุยเจรจาสันติภาพ ค่าเฉลี่ย 3.34 รองลงมา เรื่องเชื่อว่าการพูดคุยและการเจรจาจะไปสู่สันติภาพได้สำเร็จ ค่าเฉลี่ย 2.96 ต่อมาเรื่องเห็นด้วยกับตัวแทนบีอาร์เอ็นที่อ้างตัวเป็นตัวแทนชาวมาลายูมุสลิมในจังหวัดชายแดนใต้ และเรื่องเห็นด้วยกับตัวแทนฝ่ายไทยที่นำโดย พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร และคณะ ค่าเฉลี่ย 2.87 ตามลำดับ
สำหรับด้านสิ่งที่ประชาชนต้องการในอนาคต โดยรวม กลุ่มตัวอย่างมีความคิดเห็นอยู่ในระดับสูง ค่าเฉลี่ย 3.38 เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อมีความคิดเห็นด้านสิ่งที่ประชาชนต้องการในอนาคตมากที่สุด ได้แก่ เรื่องมีหลักสูตรการเรียนการสอนภาษามลายูที่เป็นมาตรฐานในโรงเรียนทุกระดับ ค่าเฉลี่ย 3.53 รองลงมา เรื่องมีสถาบันพัฒนาภาษามลายูอันเป็นที่ยอมรับโดยรัฐและประชาชน ค่าเฉลี่ย 3.50 และกลุ่มตัวอย่างที่มีความคิดเห็นด้านสิ่งที่ประชาชนต้องการในอนาคตน้อยที่สุด เรื่องผู้ต้องขังผู้ต้องโทษคดีความมั่นคงได้รับการอภัยโทษ และปล่อยตัวให้เป็นอิสระ ค่าเฉลี่ย 3.24 ตามลำดับ
ทั้งนี้ สรุปได้ว่า จากการสำรวจโดยปรากฏผลว่าประชาชนให้ความสำคัญมากเป็นอันดับแรกของสันติภาพในอนาคตที่ประชาชนต้องการคือ เรื่องอัตลักษณ์ วัฒนธรรมอิสลาม และมลายู การใช้ภาษามลายู โดยให้มีการเรียนการสอนภาษามลายูในโรงเรียนที่เป็นมาตรฐาน มากกว่าด้านสังคมในเรื่องอื่นๆ เช่น ด้านเศรษฐกิจ การเมือง และการปกครอง