คอลัมน์ : ฝ่าเกลียวคลื่น
โดย...บรรจง นะแส
“เย็นนี้ไอ้หมานจะมานอนที่บ้านนะ” คุณตาจ้อนบอกคุณยาย
ไอ้หมานของคุณตาคือ “ป๊ะหมาน” ของพวกเรา ป๊ะหมานเป็นมุสลิมที่อยู่ไกลจากหมู่บ้านของพวกเรามาก อยู่กันคนละตำบล คนละอำเภอ บางครั้งคุณตากับคุณยายก็หายไปจากบ้านทีละหลายๆ วัน น้าๆ บอกว่า คุณตาคุณยายไปซื้อมะพร้าวจากหมู่บ้านของป๊ะหมาน ขากลับก็จะมีพวกใบจากสำหรับมวนใบยาสูบ กะปิ ปลาเค็ม ปลาแห้ง ปูดำ กลับมาด้วยทุกครั้ง จ้อนหวังไว้ว่าสักวันจะได้ไปที่หมู่บ้านของป๊ะหมานบ้าง ฟังคุณตาเล่าเรื่องหมู่บ้านป๊ะหมานที่บอกว่า มีคนออกทะเลไปจับปลา มีเรือให้นั่งออกทะเล มีชายหาดขาวๆ
“ป๊ะหมานคือ ญาติของพวกเอ็ง พ่อมันไปเข้าแขกเมื่อนานมาแล้ว”
“พ่อมันเป็นนักเลง มีเรื่องกับเขาไปทั่ว สุดท้ายยกพวกไปปล้นเจ้าของโรงสีที่บ่อยาง พรรคพวกถูกยิงตาย บางคนถูกจับได้โดนขังคุกอยู่ในตัวเมือง พ่อไอ้หมานมันรอดหนีออกมาได้ แต่กลับมาอยู่ในหมู่บ้านไม่ได้ หนีตำรวจไปอยู่กับพรรคพวกมันที่นั่น ซึ่งเป็นหมู่บ้านชุมชนคนหาปลา พวกเขานับถือศาสนาอิสลาม พ่อไอ้หมานเลยไปได้ลูกได้เมียที่นั่น กลายเป็นแขก ไอ้หมานมันจึงเป็นแขกไปด้วย”
“แขกก็คือ เขาไม่กินหมู ไม่บวชเป็นพระ แต่ไปมัสยิดทุกวันศุกร์ ละหมาดวันละห้าเวลา และเวลาตายเขาไม่เผา แต่เอาไปฝัง” คือ คำอธิบายความหมายคำว่า แขกของคุณตา
ดังนั้น เวลาป๊ะหมานมาพักที่บ้าน คุณตาคุณยายก็จะจัดการหลายๆ อย่างที่เป็นกิจวัตรของป๊ะหมาน อย่างน้อยๆ ในครัวจะต้องไม่มีกับข้าวที่เป็นข้อห้ามในทางศาสนาที่ป๊ะหมานเคยบอกว่าทานไม่ได้ เช่น หมู สัตว์มีเขี้ยวเล็ก สัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ และสัตว์เลื้อยคลาน
พวกหลานๆ คุณตา รวมทั้งจ้อน ก็จะประจบป๊ะหมานด้วยการนำเอาเสื่อใบเตยที่คุณยายสานไว้สำหรับป๊ะหมานละหมาดโดยเฉพาะ เสื่อผืนนั้นจะถูกแย่งกันเอาลงมาจากที่ผูก เอามาปัดเช็ดถูให้สะอาด เวลาป๊ะหมานทำพิธีละหมาดบรรดาหลานๆ ก็จะนั่งล้อมวงดูการทำพิธีละหมาดของป๊ะหมาน เสร็จพิธีละหมาดของป๊ะหมาน ทุกคนก็จะแย่งกันเก็บเสื่อผืนนั้นไปไว้ที่เดิม เสื่อผืนนั้นเป็นข้อห้ามสำหรับทุกๆ คนในบ้านคุณยาย ห้ามเอาลงมาปูนั่งเล่น หรือนำไปใช้เด็ดขาด เสมือนสิ่งต้องห้ามที่ศักดิ์สิทธิ์ที่ใครๆ จะละเมิดไม่ได้โดยเด็ดขาด
รางวัลที่หลานๆ จะได้รับจากป๊ะหมาน คือ เปลือกหอยแปลกๆ สวยๆ เสมอๆ จ้อนได้ก้ามปูดำขนาดใหญ่ที่ถูกแกะเนื้อออก ตัดด้านก้ามที่แหลมออก ทำเป็นรูประฆัง ใส่กระดิ่งเล็กๆ ด้านล่างผูกใบตาล เวลาลมพัดกระดิ่งก้ามปูดำของจ้อนก็จะส่งเสียงระรัว เป็นของรักของหวงที่จ้อนลังเลหลายหนว่า จะเอาไปมอบให้แก่แจ่มจันทร์ สาวผมยาว เพื่อนร่วมชั้นที่โรงเรียนดีหรือไม่
หลายๆ ครั้งเวลาจ้อนไปนอนค้างที่บ้านคุณยาย ก็มักพบคนแปลกหน้ามาสุมหัวกันที่ขนำหน้าบ้านคุณยายยามค่ำคืน พวกเขามากันสี่ห้าคน รวมกับชายฉกรรจ์ในหมู่บ้านของจ้อนอีกสี่ห้าคน ส่วนใหญ่ที่เป็นคนในหมู่บ้านที่จ้อนรู้จัก ก็มักเป็นคนที่เป็นที่รับรู้กันในหมู่บ้านว่า นี่คือกลุ่มคนที่ประกอบอาชีพ หรือทำมาหากินที่ผิดไปจากคนในหมู่บ้าน คุณยายมักดุจ้อนว่าอย่าไปเข้าใกล้คนพวกนั้น เพราะพวกนั้นคิดแต่เรื่องการไปปล้นคนโน้นคนนั้น มีแต่เรื่องวางแผนไปลักวัวบ้านโน้นบ้านนั้น กลางวันนอน กลางคืนออกหากินด้วยการไปปล้น หรือลักขโมยอะไรทำนองนั้น
เงาตะคุ่มๆ จากริมชายป่าถัดจากทุ่งนาหน้าบ้านของคุณตาของจ้อนขยับเข้ามาเรื่อยๆ จ้อนพาเพื่อนๆ ไปยืนรอตรงปากทางเข้าบ้านคุณตา จากเงาตะคุ่มดำๆ เริ่มปรากฏเป็นภาพของชายชราบนหลังม้าสีหมอกใกล้เข้ามาๆ ป๊ะหมาน มากับม้าคู่ชีวิตของแก ม้าเป็นสิ่งแปลกใหม่สำหรับพวกจ้อน คนอื่นๆ ที่โรงเรียนอาจจะเคยเห็นแต่ภาพในหนังสือ แต่สำหรับพวกจ้อนได้เห็นม้าตัวเป็นๆ ป๊ะหมานโบกไม้โบกมือทักทาย แต่พวกจ้อนส่วนใหญ่สายตาเล็งไปที่ย่ามใบใหญ่ที่ป๊ะหมานสะพายมาด้วย ต่างคนต่างจินตนาการไปต่างๆ นานา ว่าในนั้นจะมีอะไรที่จะเป็นของตัวเองสักชิ้นแน่นอน
ป๊ะหมาน ลงจากหลังม้าสีหมอกของแก ขาข้างหนึ่งของป๊ะหมานมีปัญหาเดินสูงต่ำไม่เท่ากัน คุณตาเคยเล่าว่า แกเคยถูกยิงตอนออกไปปล้นสมัยหนุ่มๆ แกเงอะๆ งะๆ ปลดของพะรุงพะรังสองข้างพุงม้าที่พกพามา แล้วจูงม้าไปผูกกับต้นหมากใกล้บ่อน้ำหน้าบ้านคุณตา ซึ่งเป็นที่ประจำสำหรับผูกม้า แน่นอนกองหญ้าที่คุณตาไปตัดเตรียมไว้ และถังใส่น้ำสำหรับม้าที่คุณยายเอาไปตั้งแล้วให้พวกจ้อนตักน้ำใส่ไว้จนเต็มถังรออยู่แล้ว
“ทำไมวันนี้มึงถึงมาใกล้ค่ำ” คุณตาทักทาย
“ไอ้แพล้มที่บ้านควนมันเรื่องมาก คุยกันตั้งนานกว่าจะตกลง” ป๊ะหมานตอบสั้นๆ ห้วนๆ
แสงไฟจากตะเกียงน้ำมันก๊าดที่ขนำหน้าบ้านคุณตาส่องแสงสลัวๆ พอที่จะทำให้มองหน้ากันได้ ป๊ะหมานนั่งพิงเสาขนำคนละต้นกับคุณตา ชายฉกรรจ์สี่ห้าคนที่เดินทางมาสมทบ ส่วนหนึ่งจ้อนจำหน้าได้ว่าเคยมากับป๊ะหมานบ่อยๆ ส่วนหนึ่งก็เป็นกลุ่มคนในหมู่บ้านที่คุณยายไม่ค่อยชอบขี้หน้า จ้อนยืนแทะก้ามปูสดๆ ที่คุณยายเพิ่งต้มเสร็จใหม่ๆ มันคือก้ามปูดำรสหวานที่ถูกใส่กระสอบบนหลังม้าสีหมอกของป๊ะหมานมาเมื่อตอนเย็นนั่นเอง
“ไอ้แพล้มบอกว่า มันมักจะมากันสามถึงสี่คน ข่าวว่ามีปืนสั้นสองกระบอก” ป๊ะหมานเปรยๆ
“เพื่อนผมที่บ่อยางบอกว่า พวกมันจะเดินผ่านบ้านลุงแพล้มในวันอาทิตย์นี้แหละ เห็นว่าจะใช้เส้นทางเกวียน” ชายแปลกหน้าเสริมขึ้น
“ไอ้เปรตนี่หน้าเลือด เพื่อนผมที่บ่อยางไปสืบมาแล้ว มันรวยเพราะเอาเปรียบเพื่อน โรงฝิ่นในเมืองของคนอื่นๆ เขาปิดกันหมดแล้ว แต่ที่บ้านมันมีทั้งโรงฝิ่น เปิดเล่นไพ่สารพัดทั้งวันทั้งคืน ข่าวว่ามันร่วมมือกับผู้กองเหลิม” น้าเริญตัวแสบในหมู่บ้านที่คุณยายไม่ชอบขี้หน้าเสริมขึ้น
“เวลามันเอาทองเอาเพชรไปขายต่างอำเภอ มันไม่เคยไว้ใจใคร มันจะเอาไปเองกับลูกน้องสามสี่คน ไอ้จีนฉ้องที่จะนะบอกกูมายั่งงั้น” ป๊ะหมานกล่าวเนิบๆ
“ก็ตกลงตามนั้น วันอาทิตย์นี้ ไอ้เริญมึงเอาพรรคพวกไปยิงปืนขึ้นฟ้าที่หลา (ศาลา) ยายเอี้ยงสักสองสามนัด ไอ้มุ๊มึงไปแอบดูว่า พอมีเสียงปืนดังขึ้นพวกมันชักปืนออกกันมากี่กระบอก พอรู้จำนวนปืนแล้วมึงอ้อมมาทางหัวควน กูจะรออยู่ที่นั่น” ข้อสรุปบทสนทนาท่ามกลางแสงไฟสลัวคืนนั้นได้ข้อสรุป
จ้อนเดินถอยออกมาจากขนำเดินขึ้นไปซุกตัวนอนในผ้าถึงคุณยายใกล้ๆ กับที่นอนของป๊ะหมานที่คุณยายเตรียมไว้ ...บทรำพึงของเด็กน้อยจ้อนก่อนหลับไปในคืนนี้ เขามีคำถามในใจว่า “อีกแล้ว..มาวางแผนปล้นกันอีกแล้ว แต่หนนี้ข่าวว่าจะปล้นเถ้าแก่ร้านทอง พ่อค้าเพชรคนสำคัญของเมืองบ่อยางเสียด้วย แต่ทำไมต้องเป็นที่บ้านคุณตา และทำไมมักมาพร้อมๆ กับเปลือกหอยสวยๆ ปูดำตัวใหญ่ๆ และม้าสีหมอกตัวนั้น”