xs
xsm
sm
md
lg

เรือนกาหลง ตอนที่ 4

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เรือนกาหลง ตอนที่ 4

แม่กลอยไม่พอใจที่กาเหว่าหายตัวไป

“บ๊ะ...ลูกคนนี้มาลูกคนนั้นหาย มันเวรกรรมอะไรของข้า”
“ยายมาตาสร บอกว่าเห็นกาเหว่ามันลงเรือไปกับพ่อค้า” ชบาบอก
แม่กลอยถอนใจ
“นั่นปะไร...ไอ้นี่หาเรื่องหนีเที่ยวอีกแล้ว”
“พ่อค้าเร่เอาของไปขาย วันพรุ่งก็คงกลับ กาเหว่ามันก็โตพอจะเอาตัวรอดได้ แม่ไม่ต้องห่วงหรอกจ้ะ” กาหลงออกความเห็น
“คอยดูเถิด...กลับมาแม่จะล่ามโซ่ขังไว้ให้เข็ดหลาบเสียทีเดียว ไปนังชบา...กลับเรือน”
แม่กลอยเดินนำออกไป ชบาจะเดินออกไป กาหลงเข้าไปจับมือ
“ข้าขอบใจเอ็งที่เป็นห่วงข้า ข้ารักเอ็งนะชบา”
กาหลงเข้าสวมกอด ชบาดันตัวออก
“รักฉันก็อย่าให้ฉันเสียใจ”
กาหลงแปลกใจ
“ข้าทำอะไรให้เอ็งไม่พอใจ”
ชบาอยากบอกว่ารักไม้ แต่ก็พูดไม่ได้ ได้แต่กระฟัดกระเฟียดเดินตามแม่กลอยกลับเรือน กาหลงมองทั้งสอง ยิ้มสุขใจที่รอดชีวิตมาได้ เธอมองเรือน...
“พี่ไม้...พี่เป็นยังไงบ้าง ฉันรอพี่อยู่นะ”

ค่ำนั้น...ไม้เดินนำมาที่ดงตาล
“พ้นเขตดงตาล...อีกไม่กี่ชั่วยามก็ถึงบ้านบัวสีแล้ว”
โขงเหนื่อยหอบ
“ไม่ใกล้เลยนะพี่ อีกไกลโข”
จอกหอบทรุดลง
“ใช่...ฉันหมดเรี่ยวหมดแรงแล้ว คืนนี้พักค้างเสียสักคืน...ไก่โห่แล้วเดินทางต่อ”
ไม้กังวล
“ข้าเป็นห่วงกาหลง หากเอ็งสองคนไม่ไหว พักเสียเถอะ ข้าจะเร่งนำไป”
“งั้นฉันขอพักล่ะ” จอกล้มตัวลงนอนทันที
“ไม่ได้ มาด้วยกันก็ไปด้วยกัน เลือดบ้านบัวสีเอ๋ย”
จอกกรนออกมา
“คร่อก”
“เอ้า...ไอ้นี่...ตื่นๆ”
โขงเข้ามาปลุก จอกไม่ยอมตื่น แสร้งนอนหลับด้วยความเหนื่อย ทันใดนั้น มีโจรโพกปิดหน้าเข้ามาสองคน ถือดาบตรงเข้ามาหา ไม้แปลกใจ โขงเห็นโจรก็ตกใจรีบบอกจอก
“โจรปล้น”
จอกสะดุ้งตื่นตกใจ ลุกขึ้นมองตรงหน้า
“จะโจร”
จอกยืนฉี่ราดทันที ไม้เข้าไปประจันหน้าพวกโจร
“พวกเอ็งมาขวางเอาอะไร”
สักที่ปลอมเป็นโจรตะคอก
“รักตัวกลัวตายส่งเงินทองของติดตัวมา”
ไม้หยิบถุงเงินขึ้นมา
“ถุงเงินนี้มันคือชีวิตของข้า หากเอ็งต้องการก็มาเอาชีวิตข้าไป”
ไม้หยิบดาบออกมา พร้อมต่อสู้ โจรสองคนบุกเข้ามารุม ไม้ต่อสู้ โขงและจอกชักดาบเข้าไปช่วย...ไม้ต่อสู้กับสักอย่างจริงจัง โขงและจอกต่อสู้กับแก้ว...สักฟันฉับใส่ ไม้หลบแล้วล้มลง สักเข้าไปคว้าห่อผ้ายื้อแย่งเอาถุงใส่เงิน ไม้ถีบสักล้มลงถุงเงินกระเด็นออกไป...สักจะพุ่งเข้าไปแย่งถุงเงิน จอกเข้ามากระทืบเท้าอย่างแรงหมายจะเหยียบมือสัก
“ฮ่ะฮ่า เอ็งเอาถุงเงินไม่ได้ดอก”
เท้าของจอกกระทืบลงพื้น ไม่โดนมือสัก
“เฮ้ย”
สักดึงขาจอกล้มลง ก้นกระแทก สักคว้าถุงเงินวิ่งหนีออกไป ไม้รีบวิ่งตามไล่สักเพื่อเอาถุงเงิน จอกเจ็บใจ
“เล่นข้าซะระบม...เอ็งตาย”
จอกจะวิ่งตามไม้เพื่อไปเล่นงานสัก แต่โขงดึงตัวไว้
“ช่วยข้าก่อน”
แก้วเข้ามาฟัน จอกเข้าไปช่วยโขงต่อสู้

สักวิ่งหนีไม้วิ่งไล่ตามจนทันเข้าไปต่อสู้แล้วฟันดาบปาดไปที่หน้า ผ้าที่โพกขาดหลุดจากหน้า
“ไอ้สัก เอาเงินข้าคืนมา”
“เอ็งลบหน้าข้า อย่าหมายจะได้เงินหรือชีวิตกลับไป”
สักพุ่งเข้ามาฟันดาบใส่ ไม้เริ่มอ่อนแรงเพราะต่อยมวยมาทั้งวัน สักพุ่งเข้ามาฟันไม่ยั้ง ไม้กลายเป็นฝ่ายตั้งรับ...ไม้ฮึดสู้ เข้าไปฟันดาบใส่สัก...จอกและโขงฟันดาบสู้กับแก้ว...แก้วล้มลง โขงใช้ดาบสะกิดผ้าปิดหน้าออกเผยให้รู้ว่าเป็นแก้ว...
“อย่าทำข้าเลย ปล่อยข้าไปเถอะ”
“ไอ้พวกแพ้แล้วพาล หวังชิงเงินรางวัล งั้นข้าจะให้เอ็งไป เอารางวัลที่นรก”
จอกฮึกเหิมเข้าไปจะฟัน แต่แก้วเอาดินปาใส่หน้าจอก...
“ช่วยด้วย ข้ามองอะไรไม่เห็น”
จอกหันรีหันขวางไม่เห็น แก้วลุกขึ้นมาถีบจอกคว้าดาบจะฟัน โขงเข้ามาช่วยจอกไว้แล้วถีบจนดาบร่วงตกพื้น แก้วจะหยิบดาบ โขงเหยียบมือจะฟัน จอกมองอะไรไม่เห็น เข้ามาจับตัวโขงไว้
“ช่วยข้าด้วย...ข้าตาบอด”
จอกจับตัวโขงไว้ แก้วได้ทีวิ่งหนีออกไป...
“ปล่อยข้า...มันหนีไปแล้ว”
โขงจะตามแก้วไป แต่จอกล้มลงกอดขาโขงไว้
“อย่าทิ้งข้า ข้าตาบอด ช่วยข้าด้วย”
โขงจำใจต้องปล่อยแก้วไป หันมาช่วยจอก

สักเสียท่า ดาบร่วงลงพื้น ไม้เข้าไปเตะถุงเงินตกพื้น...ไม้เข้ามาหยิบถุงเงินแล้วเดินตรงไปหาสักถือดาบตั้งท่าจะฟัน...แต่แล้วถูกไม้ท่อนนึง ฟาดเข้าด้านหลังไม้ทรุดตัวลง แก้วนั่นเองที่มาช่วยสัก ไม้เจ็บหลัง พยายามจะลุกขึ้น สักคว้าดาบได้
“อวดเก่งนัก ตายเสียเถอะเอ็ง”
สักแทงดาบใส่ ไม้ตาค้าง...

กาหลงเฝ้ารอไม้ จนหลับอยู่ที่เรือน เธอสะดุ้งตื่นตกใจ หลังจากฝันร้ายว่าไม้ถูกแทง
“พี่ไม้”
กาหลงได้สติ รู้ตัวว่าฝันก็กังวลใจ คิดทำอะไรบางอย่าง...

ไม้อยู่ที่พื้นพยายามจะลุกขึ้น สักเข้าไปเตะ ไม้สลบไป...สักถือดาบไว้ในมือเดินตรงไปหาไม้แล้วแทงลงไปที่ข้างตัวไม้ แก้วมองอย่างแปลกใจ
“ไม่ฆ่ามันเสีย”
“เลือดเปื้อนดาบข้าเสียเปล่า หมายลบหน้าข้ามันต้องไม่ตายดี”
สักยืนมองร่างไม้ที่หมดสติ แก้วแปลกใจว่าสักจะทำอย่างไร

โขงเอาน้ำในกระบอกไม้ไผ่ราดหน้าจอกที่หลับตาอยู่...
“ช่วยด้วย ข้ามองไม่เห็น”
โขงตบหัว
“เอ็งก็ลืมตาสิวะ”
จอกค่อยๆลืมตา มองไปข้างหน้ามองเห็นดงตาล ไม่เห็นโขง จอกใจเสีย
“ข้ามองไม่เห็นเอ็ง ข้าตาบอดแล้ว”
โขงตบหัว
“ข้าอยู่นี่”
จอกกลับหลังหันไปเจอโขงก็หน้าจ๋อย
“เต็มๆตา...”
โขงนึกได้
“พี่ไม้”
“รึมันลวงพี่ไม้ไปฆ่า”
จอกและโขงนึกเป็นห่วงไม้ รีบวิ่งตามหา

สักและแก้วโยนร่างไม้ลงในหลุมที่ขุดไว้
“ไม่โหดไปเหรอวะ...”
“มันต้องโดนฝังตายทั้งเป็น”
สักหัวเราะชอบใจ แก้วและสักตักดินโยนกลบร่างไม้

กาหลงเดินตรงมายังวัดมองไปยังโบสถ์แล้วเดินต่อไป...

ร่างของไม้นอนอยู่ในหลุม สักและแก้วโกยดินลงไป ดินเริ่มกลบหน้ายังโผล่มาให้เห็นบางส่วน...สักยกถุงเงินขึ้น
“หวงเงินยิ่งกว่าชีวิต เงินนี้คงมีค่ากับเอ็งมาก ข้าจะให้เงินเอ็งไปฝากยมบาล”
สักหยิบเหรียญเงินจากถุง โยนลงใส่ในหลุม ใกล้หน้าไม้...ทันใดนั้นฟ้าคำราม ฟ้าแลบแปลบปลาบสะท้อนหน้าไม้ที่นอนนิ่งอยู่ในหลุม เสียงจอกดังมา
“พี่ไม้ พี่ไม้”
ตามด้วยเสียงโขง
“พี่อยู่ไหน”
สักและแก้วหยุดชะงัก เมื่อรู้ว่ามีคนเข้ามา
“แค่นี้มันก็ตายแล้ว”
สักและแก้วรีบหนีไป...

กาหลงเดินมายืนหน้าโบสถ์ มองเข้าไปที่พระประธาน...เสียงฟ้าคำราม แสงฟ้าแลบแปลบปลาบทาบองค์พระประธานดูน่าเกรงขาม...กาหลงเดินตรงเข้าไป

ไม้นอนอยู่ในหลุมไม่ได้สติ...จอกและโขงตะโกนเรียก
“พี่ไม้”
“พี่ไม้”
จอกและโขงตะโกนเรียก โดยไม่เห็นหลุมที่ฝังไม้ ฟ้าแลบแปลบปลาบ สะท้อนใบหน้าไม้ที่นอนนิ่งอยู่ในหลุมดิน...

กาหลงนั่งพนมมือไหว้ขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในโบสถ์
“คุณพระคุณเจ้า สิ่งศักดิ์สิทธิ์เทพพยาดาทั้งหลาย...โปรดคุ้มครองพี่ไม้ด้วยเถิดเจ้าค่ะ”
กาหลงพนมมือไหว้ด้วยความเป็นห่วงไม้...ฟ้าผ่าข้างโบสถ์ กาหลงสะดุ้งตกใจ...

ฝนตกลงมาหยดฝนตกลงบนใบหน้าไม้ ดินที่เปื้อนหน้า ค่อยๆกระเด็นออกจากหน้าเผยให้เห็นหน้าไม้ชัดขึ้น ไม้ค่อยๆรู้สึกตัวลืมตาขึ้นมองเห็นดงตาล เริ่มรู้ตัวว่าถูกจับฝังดิน ไม้ตกใจ...จอกและโขงตะโกนเรียก
“พี่ไม้ พี่อยู่ไหน”
ไม้อยู่ในหลุม เห็นด้านหลังจอกและโขงจะตะโกนเรียกแต่ไม่มีแรงเสียงแผ่วเบามาก
“โขง...”
จอกและโขงตะโกนเรียกหาไม้ต่อไป
“พี่ไม้ พี่ไม้”
ไม้พยายามส่งเสียงเรียกแต่ไม่มีเสียง เขาน้ำตาไหลไม่มีแรงเรียก

เสียงฟ้าร้อง พร้อมสายฝนที่ตกลงมาที่โบสถ์ห่าใหญ่...กาหลงนั่งพนมมือไหว้วิงวอนน้ำตาไหลเป็นห่วงไม้มาก เพราะเห็นฝนตกหนัก

ไม้นอนอยู่ในหลุมดิน...ฝนที่ตกหนัก น้ำฝนเริ่มไหลนองจากพื้น ไหลลงมาที่หลุมดิน ไม้เหลือบตามมองน้ำที่ไหลมาอย่างวลใจ หากน้ำไหลมาเต็มหลุม เขาต้องสำลักน้ำตาย โขงยังคงตะโกนเรียก
“พี่ไม้”
“พี่ไม้อาจวิ่งไล่ไปด้านโน้น...ไปเถอะ” จอกชวน
โขงหันไปมองผ่านหลุมอีกครั้งก็ไม่เห็นจึงพยักหน้ายอมออกไป
“ท่าจะจริงของเอ็ง”
ไม้นอนอยู่ในหลุม ได้ยินทั้งสองคุยกัน กำลังจะเดินออกไป เขาใจเสีย...

เสียงฟ้าร้อง กาหลงสะดุ้งตกใจหลับตา อธิษฐานจิตช่วยเหลือไม้

ไม้อยู่ในหลุม น้ำฝนไหลนองมาจะท่วมใบหน้า เขาคิดถึงกาหลง...ภาพเหตุการณ์ที่เขาสวมกอดกาหลง...นั่งขี่ควายด้วยกัน...ว่ายน้ำอยู่ในบึงบัว...เขาจะแทงตัวตาย หากยกกาหลงให้โชติ...เขาสาบานต่อศาลเจ้าแม่ไทรงาม...แว่บเข้ามา
จอกและโขงกำลังจะเดินออกไป...ไม้รวบแรงพลังใจเฮือกใหญ่ตะโกนไป
“ข้าอยู่นี่”
โขงและจอกเดินออกไป...เสียงฟ้าร้องดังกลบเสียงไม้ โขงและจอกเดินห่างออกไป...ไม้นอนอย่างหมดหวัง น้ำเริ่มไหลเข้ามาจะท่วมมิดหน้า แสงฟ้าแลบฟ้าร้อง กาหลงยืนอยู่ที่ดงตาลมองไม้อย่างสงสาร คิดทำอะไรบางอย่าง เดินออกไป

น้ำไหลจะมิดหน้า ไม้ตัดสินใจรวบแรงแรงใจเฮือกสุดท้าย ตะโกนออกไปสุดเสียง
“ข้าอยู่นี่”
โขงและจอกไม่ได้ยินเสียง เพราะฝนตกหนัก กาหลงยืนอยู่ด้านหลังโขงและจอก ตะโกนสุดเสียง
“ข้าอยู่นี่”
โขงและจอกจะเดินออกไป ได้ยินเสียงไม้ดังชัด ทั้งสองหันกลับมามองที่ด้านหลัง แล้วมองหา ทั้งสองวิ่งหาที่มาของเสียงแต่มองไม่เห็น...ไม้นอนอยู่ในหลุม เฝ้ามองลุ้นให้โขงและจอกเห็นเขา จอกวิ่งหาไม้ กาหลงโผล่เข้ามาผลักจอกล้มลงกับพื้น แล้วมองไปตรงหน้า เห็นไม้นอนอยู่ในหลุม จอกดีใจ ตะโกนลั่น
“พี่ไม้”
โขงได้ยินเสียงจอกก็วิ่งเข้ามาหามองไป เห็นไม้นอนอยู่ในหลุมก็ดีใจ

จอกและโขงช่วยกันวักดินออกจากหลุม กาหลงยืนมองด้วยความดีใจ ที่จอกและโขงมาช่วยชีวิตไม้ไว้ได้...

ภายในโบสถ์ ฝนหยุดตก...กาหลงค่อยๆลืมตาขึ้นยิ้มทั้งน้ำตา ค่อยคลายความกังวล เธอยกมือไหว้พระประธานแล้วก้มลงกราบ หวังว่าไม้จะกลับมาได้อย่างปลอดภัย

ไม้ในสภาพอ่อนแรงพยายามจะลุกเดินเพื่อไปตามทวงเงิน...
“พี่ไม้หยุดเถอะ” จอกห้ามไว้
จอกและโขงพยายามเข้าไปรั้งตัวไว้...ไม้ไม่ยอม
“ปล่อยข้า...ข้าจะไปเอาเงินของข้าคืน”
“พี่เดินยังไม่ไหวจะเอาแรงไหนไปสู้มัน” โขงบอก
ไม้ไม่ฟังเสียงห้าม จะเดินต่อไป...จอกเข้าไปห้ามอีก
“ป่านนี้มันหลบหน้าไปซ่อนตัว ไม่นั่งรอให้พี่ไปทวงเงินคืนหรอก”
ไม้ไม่ฟัง ปัดมือจอกและโขงออก จะเดินไปแต่ไม่มีแรง ทรุดตัวลงกองกับพื้น...ไม้ฝืนกายจะลุก แต่ก็ทรุดลง...จอกและโขงยืนมองด้วยความสงสาร ไม้รู้ตัวว่าหมดแรง ไม่สามารถไปต่อสู้เอาเงินคืนได้
“กาหลง พี่ไม่มีสินสอดไปขอเอ็งแล้ว” ไม้ร้องไห้โฮ
“อย่างน้อยพี่ก็ยังมีชีวิตกลับไป...กลับไปหากาหลง” จอกปลอบใจ
โขงมองหน้าไม้
“กาหลง...รอคอยพี่อยู่”
ไม้คิดได้ นึกเป็นห่วงและสงสารกาหลง...

เช้าวันใหม่...บรรรยากาศริมบึงบัวหยดน้ำฝนค้างอยู่บนใบบัว ลมพัดใบบัวหยดน้ำไหลลงสู่บึงน้ำ...น้ำฝนหยดลงจากหลังคาเรือนหยดลงใส่หน้ากาหลง เสมือนเป็นหยดน้ำตา กาหลงปาดน้ำฝนที่ใบหน้าแล้วมองไปตรงหน้าเรือน....สายตาของเธอเบลอๆ ค่อยๆชัดเห็นไม้ในสภาพอิดโรยเดินตรงเข้ามา
“พี่ไม้”
“กาหลง”
กาหลงวิ่งลงจากเรือน ไม้วิ่งเข้าหา ทั้งสองวิ่งเข้ามาสวมกอดกัน กาหลงร้องไห้ออกมา
“พี่กลับมาแล้ว ฉันฝันไปแน่แล้ว”
ไม้มองหน้ากาหลงแล้วเช็ดน้ำตาให้
“พี่สัญญากับกาหลง...พี่ต้องกลับมาสิ”
กาหลงดีใจสวมกอดไม้แนบแน่นซึ้งใจมาก แล้วเธอก็ได้ยินเสียงสะอื้นก็แปลกใจ ไม้กอดกาหลง น้ำตาไหลออกมา กาหลงหันมามองหน้าเขา
“พี่ไม้....พี่ร้องไห้ทำจ๊ะ”
ไม้ทรุดตัวลงร้องไห้ขอโทษ กาหลงยืนนิ่งอึ้ง
“พี่ต่อยมวยพนันชนะได้เงินมาอักโข แต่มันปล้นเงินไปหมดแล้ว...กาหลง พี่ขอโทษ พี่ไม่มีเงินขึ้นหอแต่งกับกาหลง”
ไม้ร้องไห้โฮ กาหลงยิ้มทั้งน้ำตานั่งลงเช็ดน้ำตาให้
“ไม่ต้องร้องไห้จ้ะพี่ เงินทองเป็นของนอกกาย ช่างมันปะไร ฉันขอแค่พี่กลับมารับสบาย...ฉันก็สุขใจแล้ว”
กาหลงเข้าสวมกอด ทั้งสองร้องไห้ด้วยความรัก...

แม่กลอยชะเง้อรอ หวังว่าไม้และกาหลงจะมาหา...ชบาวิ่งเข้ามาหา
“แม่...พี่ไม้กลับมาแล้ว”
แม่กลอยเผลอตัวแสดงความเป็นห่วงใย
“มันอยู่ดีหรือ”
“จ้ะ แม่ก็ห่วงใยพี่ไม้ไม่ต่างจากฉัน”
แม่กลอยกลบเกลื่อน
“ข้าไม่ได้ห่วงมัน ข้าหมายจะได้เงินค่าสินสอดต่างหากเล่า...เอ็งรู้ไหม มันหาเงินมาได้เท่าใด”

ชบาหน้าสลดลง เพราะรู้ว่าไม้ถูกปล้นเงินไปหมดแล้ว

ไม้กอดกาหลงด้วยความรัก
“พี่ต้องทำไงล่ะ แม่กลอยถึงจะรับให้พี่ร่วมหอลงโรง กับกาหลงแต่โดยดี”
“พี่ไม่ต้องห่วงไม่ต้องใยอะไรทั้งนั้น พี่เสียสละให้ฉันไปหมดแล้ว ไม่ว่าอะไรจะเกิด ฉันก็ยังรักมั่นในพี่”
ไม้มองกาหลงด้วยความซึ้งใจ แม่กลอยเดินเข้ามา ชบาตามมาด้านหลัง
“ข้ามารับสินสอด”
ไม้และกาหลงตกใจ กาหลงเข้าไปจะขอร้องแม่
“แม่จ๋าพี่ไม้หาเงินมาได้แล้วเทียวแต่ถูกลอบ”
แม่กลอยขัดขึ้น
“เอ็งไม่ต้องมาครวญคราง นังชบาเล่าเรื่องราวให้ข้าฟังเสียสิ้น”
“น้ากลอยรู้ความแจ้งแก่ใจ น้ากลอยคงเห็นใจฉัน”
“เห็นแต่ใจน่ะมันไม่พอ เอ็งจะให้ข้ากลืนน้ำลายตัวงั้นรึ หากหาเงินมาไม่ได้ตามนัด ข้าจะยกกาหลง ให้กับคนที่เหมาะจะเลี้ยงดูลูกสาวข้าได้”
ไม้และกาหลงผิดหวังและเสียใจ พวกสัปเหร่อขาวยกพวกเฮเข้ามา
“เอ็งจะยกกาหลงให้ใครไม่ได้” สัปเหร่อขาวพูดเสียงเข้ม
แม่กลอยหันไปมอง เห็นเฟื้อง จอก โขงถือดาบเข้ามา แม่กลอยตกใจ ไม้และกาหลงแปลกใจว่าพวกสัปเหร่อขาวจะทำการใด

นวลบอกพุดจีบ ซึ่งนั่งปักผ้าอยู่บนเรือน
“พวกสัปเหร่อขาวถือดาบแล่นไปเรือนกาหลง หมายจะชิงตัวกาหลงเป็นแม่นแท้ คุณพุดจีบเร่งไปห้ามปรามอย่าให้รบราฆ่าฟันกันเถอะเจ้าค่ะ”
พุดจีบนั่งปักผ้าไม่สะทกสะท้านใดๆ
“อย่าได้เล่าความเรื่องกาหลงกับพี่ไม้อีก ฉันไม่อยากรับฟัง”
พุดจีบนั่งปักผ้าต่อไป นวลพยายามตื๊อ
“คุณพุดจีบไม่ห่วงแม่กาหลง พ่อไม้หรือเจ้าคะ”
พุดจีบวางผ้าลง
“ฉันพูดอย่างไรก็หมายความอย่างนั้น”
พุดจีบเดินตรงเข้าไปในเรือน นวลกังวลใจ
“ป่านนี้ไม่ตีรันฟันแทง หัวร้างข้างแตกแล้วรึ”
นวลอยากรู้เรื่องราว เร่งวิ่งไปจากเรือน

พวกสัปเหร่อขาวเดินรุกเข้าหาแม่กลอย เฟื้อง จอกและโขง ถือดาบเข้ามาดูน่ากลัว แม่กลอยตกใจถอยหนี
“พวกเอ็งคิดทำการใด”
ชบาหน้าตื่น
“พวกลุง น้า ป้าหมายจะชิงตัวพี่กาหลง”
“เอาสิวะ เอ็งฉุดลูกสาวข้า ข้าจะไปร้องให้ผู้ใหญ่จับพวกเอ็ง ไปตัดตีนสินมือ หรือไม่ก็จำตรุ ไม่ให้เห็นเดือนเห็นตะวัน”
สัปเหร่อขาวจ้องหน้าแล้วพูดขึ้น
“พวกข้ามาดี หาใช่เป็นโจรเถื่อนถ่อย”
“พวกข้าถือดาบมาคุ้มครองป้องกัน ไม่ให้โจรมาชิงสินสอด ต่างหาก” เฟื้องบอก
ไม้และกาหลงแปลกใจ
“สินสอด”
จันมองไม้กับกาหลงอย่างเห็นใจ
“ชาวบ้านสงสารเอ็งนักหนา ช่วยกันเรี่ยไรเงินตามมีตามเกิด มาสงเคราะห์เป็นสินสอดให้เอ็ง”
ไม้และกาหลงซึ้งในน้ำใจของชาวบ้าน แม่กลอยรีบบอก
“เอาสินสอดมาให้ข้าได้ชื่นใจ”
จันเปิดผ้าออก เผยให้เห็นเงินที่อยู่ในพาน แม่กลอยไม่พอใจ
“มีแค่หยิบมือ”
สัปเหร่อขาวแทรกขึ้น
“มันไม่มากพอจะซื้อทองสองเส้น แต่ก็ไม่น้อยราคาให้ใครหมิ่น”
พันและเอียดจูงควายเข้ามา แล้วตะโกนบอกไม้และกาหลง
“ฉันยกควายให้สักตัว ตอบแทนความดีที่พวกเอ็งมีบุญคุณช่วยชีวิตข้ากับเมีย”
ยายมาและตาสรวิ่งเข้ามาสมทบ
“รอประเดี๋ยว” ตาสรหันไปบอกยายมา “แม่มึงถอดซะ”
ยายมาตั้งท่าจะถอดผ้าแถบ ตาสรรีบห้าม
“ไม่ใช่ ถอดนั่นน่ะ”
“ยายมานึกได้ ถอดเข็มขัดนากยื่นใส่พาน”
“เข็มขัดนากอีกสักเส้น ให้สมน้ำสมเนื้อกับความงามของ แม่กาหลง”
สัปเหร่อขาวยิ้มพอใจ
“เอาละเหวยสินสอดมากโขพอสมควร รับไว้เถอะแม่”
จันยื่นพานให้แม่กลอยไม้และกาหลงมองลุ้น แม่กลอยรับพานมา ไม้และกาหลง ชาวบ้านต่างยิ้มดีใจ แต่แม่กลอยโยนทิ้ง
“ข้าไม่เอา”
ทุกคนตกใจ
“บ๊ะ มันลบหน้าหักหาญน้ำใจกันมากไปเสียแล้ว เดี๋ยวพ่อฟันให้ สักเฉอะ”
เฟื้องของขึ้นเงื้อดาบ จอกและโขงยั้งมือไว้ แม่กลอยตวาด
“หยุดกวนใจข้าให้เสียเส้น ไอ้ไม้คำพูดของข้ามันมีสัจจะ ไม่มีทองสองเส้น ไม่ได้ควายสองตัว อย่าหมายคุยกัน”
ไม้และกาหลงเสียใจ กาหลงร้องไห้ ไม้เดินเข้ามาหาแม่กลอย แล้วก้มลงกราบเท้า
“น้ากลอยจ๋าโปรดเห็นใจฉันเถิด”
แม่กลอยมองหน้า แล้วชักเท้าถอยห่าง ไม้เข้าไปอ้อนวอน

“น้าก็รู้ว่าฉันเกิดมาไม่ทันบวชเรียนก็ต้องกำพร้าพ่อกำพร้าแม่ ชีวิตฉันไม่มีใคร ฉันมีแต่กาหลง”

เรือนกาหลง ตอนที่ 4 (ต่อ)

ในอดีต ไม้ในวัยเด็กนั่งร้องไห้ที่หน้าเชิงตะกอนศพของพ่อแม่ กาหลงในวัยเด็กเดินเข้ามาหา ไม้เงยหน้ามองดู
“พ่อแม่พี่ไปสวรรค์แล้ว ไม่ต้องร้องนะจ๊ะ”
กาหลงเข้ามาเช็ดน้ำตาให้แล้วลงไปนั่งกอดเข่า อยู่เป็นเพื่อนไม้
ไม้ล้างบาตรกาหลงเดินตรงเข้ามา แล้วยื่นกะลาใส่ขนมให้ ไม้รับขนมมากินด้วยความหิวและอร่อย กาหลงยิ้มดีใจ เข้าไปช่วยไม้ล้างบาตร

ไม้บอกแม่กลอย
“ในชีวิตฉัน หามีใครดีและรักฉันเท่ากาหลงไม่เห็นอีกแล้ว ขอน้ากลอยเมตตาไอ้ไม้ด้วยเถิด”
กาหลงเข้ามาพูดเสริม
“ฉันเองก็ไม่ต่างจากพี่ไม้”
แม่กลอยขัดขึ้น
“หนักเกินไปละ มันจะเหมือนได้ยังไง เอ็งใช่ตัวเปล่าเล่าเปลือย เอ็งมีข้ากับน้องอีกสองหัว”
“มีก็เหมือนไม่มี”
แม่กลอยมองไม่พอใจ
“หลังเผาศพพ่อฉันรู้ว่าแม่กลุ้มใจไม่มีใครช่วยทำกิน แม่จำต้องเข้าบ่อน หาเงินมาเลี้ยงดูพวกฉันฉันอยากจะช่วยงาน หวังใจช่วยแม่เลี้ยงดูน้อง”
กาหลงปักดำนา มีอาการเหนื่อยล้า ทันใดนั้นมีมือหนึ่งมาปักกล้าอยู่ข้างๆ กาหลงหันไปมอง ไม้ยิ้มให้ แล้วปักกล้าดำนาต่อไป กาหลงเห็นแล้วยิ้มสุขใจ
แสงแผดที่แรงกล้ากาหลงดำนาแล้วหน้ามืดเป็นลมล้มลงในนา ไม้ตกใจวิ่งเข้ามาหาแล้วอุ้มกาหลงออกไป
กาหลงได้สติ ลืมตานอนอยู่บนแคร่ในห้างนา ไม้วิ่งเอายามาให้ แล้วป้อน
“กินยานะหลวงพ่อต้มยามาให้”
ไม้ป้อนยาให้ กาหลงกินยาเสร็จจะลุกออกไป
“กาหลงจะไปไหน”
“ฉันจะไปปักกล้าดำนา”
ไม้ยิ้มให้ กาหลงแปลกใจหันไปมองเห็นต้นกล้าอยู่เต็มแปลงนา ไม้ได้ดำเสร็จแล้ว
“นอนพักก่อนพี่จะกล่อมให้”
ไม้ให้กาหลงมานอนหนุนตัก แล้วเขาก็ดึงขลุ่ยออกจากเอวเป่ากล่อม กาหลงนอนฟังเพลง รู้สึกดีที่ไม้คอยช่วยเหลือยิ้มทั้งน้ำตา

“ฉันมีชีวิตรอดมาได้มีพี่ไม้คอยดูแล พี่ไม้ไม่ผิดจากพ่อ พี่ชาย เพื่อน”
ไม้มองด้วยความอิ่มใจและซึ้งใจ
“รักจริงที่ฉันมีให้พี่ไม้ในกาลเก่าถึงวันนี้ ไม่เคยถอยลง แต่กลับมากขึ้นหลายเท่า จนฉันแม่นใจว่าพี่ไม้คือชายที่ฉันจะฝากชีวิตไว้แน่แท้ชาตินี้ จะหาใครรักฉันเท่าพี่ไม้ไม่ได้อีกแล้วจ้ะ”
ทุกคนฟังอย่างซึ้งใจกินใจ ไม้เข้าไปวิงวอนแม่กลอย
“น้ากลอยจ๋าเห็นใจฉันกับกาหลงด้วยเถอะจ้ะ”
แม่กลอยตวาดใส่
“หยุดละเมอเพ้อพกสักที ข้าไม่หลงกลคำหวานอ้อนอกของเอ็ง นังกาหลงกลับเรือนไปเสียเดี๋ยวนี้”
กาหลงผิดหวังที่แม่ไม่ยอม เธอนั่งอยู่เคียงข้างไม้จับมือเขาไว้ แม่กลอยไม่พอใจ หันไปสั่งชบา
“นังชบา ลากพี่สาวเอ็งกลับเรือน”
ชบายืนร้องไห้น้ำตาไหลพราก ไม่อยากทำร้ายจิตใจกาหลง แม่กลอยผลักชบา
“เอ็งพลอยเป็นบ้าไปกับมัน”
แม่กลอยผลักชบาล้มลง แล้วเข้าไปดึงกระชากกาหลง
“ข้าสั่งให้กลับเรือน”
“แม่จ๋าเห็นใจฉันเถอะ”
กาหลงพยายามขอร้อง จับมือไม้ไว้ แม่กลอยเข้าไปดึงกระชาก ไม้จับมือกาหลงไว้แน่น
“ฉันไม่มีกาหลงแล้วฉันจะอยู่ยังไง”
แม่กลอยไม่พอใจเข้าไปตบหน้าไม้
“จะเป็นจะตาย ช่างหัวเอ็งปะไร”
แม่กลอยเข้าไปกระชากกาหลงจะพาออกไป ไม้ยืนมอง เห็นภาพแม่กลอยจะพากาหลงออกไป เขาตะโกนลั่น
“เรือนนี้ฉันปลูกให้กาหลง ถ้าผิดไม่ได้เป็นเรือนหอ ก็ขอให้เป็นเรือนตาย”
กาหลงตกใจ หันไปมองไม้เดินเข้าไปยังเรือน กาหลงยื้อแม่ไว้ แปลกใจว่าไม้จะทำอะไรนวลเข้ามาที่มุมหนึ่ง มองไปว่าเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้น ไม้หยิบตะเกียงน้ำมันก๊าดออกมาจากเรือน แล้วเทน้ำมันราดลงที่พื้นเรือน พวกสัปเหร่อขาวตกใจ กาหลงตะลึง นวลตกใจรีบวิ่งออกไป

พุดจีบนั่งอยู่ในห้องพยายามเลิกคิดเรื่องของไม้กับกาหลง นวลเข้ามาเคาะประตูห้อง
“คุณพุดจีบเจ้าคะ แย่แล้วเจ้าค่ะ”
พุดจีบอยู่ในห้อง นั่งอยู่ที่เตียงแปลกใจว่าเกิดอะไรขึ้น แต่นั่งนิ่ง
“แม่กลอยใจแข็งไม่ยกกาหลง พ่อไม้ถึงกับจะเผาเรือน”
พุดจีบตกใจ นวลเคาะประตูห้อง
“คุณพุดจีบเร่งไปเถอะเจ้าค่ะ เกิดไถลไป พี่ไม้ต้องตายเป็นแน่เทียว”
พุดจีบฟังก็นั่งนิ่ง ไม่ยอมออกไป นวลเคาะประตูห้อง แต่พุดจีบไม่เปิดประตู
“ครานี้ท่าจะถอดใจเสียแล้วกระมัง” นวลทรุดตัวยกมือไหว้ท่วมหัว “ธัมโมพุธโธแล้วแต่บุญกรรมจะนำพา”
พุดจีบนั่งอยู่ในห้อง น้ำตาไหล ร้องไห้สงสารไม้และกาหลง

เฟื้องแปลกใจว่าไม้จะทำอะไร
“ไม้มันจะทำอะไร”
จอกกับโขงส่ายหน้า
“ฉันไม่รู้”
ไม้ถือคบไฟเดินตรงมาหาแม่กลอย กาหลงตกใจ
“พี่ไม้”
ไม้ส่งคบไฟให้แม่กลอย
“เรือนหลังนี้ช่างอาภัพเหมือนชีวิตฉัน ปลูกมาเกิดมาก็ไร้ค่า ฉันวานน้าช่วยเผาเรือนเสียให้สิ้นซาก”

“เอ็งอย่ามาท้าข้า”

แม่กลอยรับคบไฟมาถือไว้ ไม้มองหน้ากาหลง แล้วเดินกลับไปที่เรือน พวกสัปเหร่อขาวแปลกใจว่าไม้จะทำอะไร ไม้นั่งลงที่กลางเรือน คุกเข่าต่อหน้าทุกคน
“ในเมื่อน้ากลอยตัดหัวใจฉัน ฉันจะมีชีวิตอยู่ได้อย่างไร เผาเรือนแล้วเผาฉันเสีย”
กาหลงตกใจ
“พี่ไม้”
พวกสัปเหร่อขาวตกใจที่ไม้ตัดสินใจลาตาย แม่กลอยสั่งกาหลง
“ไปลากมันลงมา”
กาหลงพูดทั้งน้ำตา
“ฉันจะทำตามแต่ใจพี่ไม้ฉันไม่ขวาง”
แม่กลอยไม่พอใจ
“เอ็งสมคบคิดกดดันข้า”
“ฉันตกอยู่ที่นั่งกลืนไม่เข้าคายไม่ออก คนหนึ่งคือชายคนรัก อีกหนึ่งคือแม่บังเกิดเกล้า ฉันสัญญากับแม่จะไม่ตัดช่องน้อยทิ้งแม่ทิ้งน้อง ฉันจำใส่ใจไว้เป็นแท้หากชาติหน้ามีจริง ขอให้ฉันได้อยู่คู่พี่ไม้คนรักของฉัน”
กาหลงทรุดตัวร้องไห้อยู่ข้างแม่ มองไปยังไม้ที่นั่งร้องไห้อยู่กลางเรือนตะโกนบอกแม่กลอย
“ช่วยปล่อยพันธนาการให้ฉัน โยนคบไฟใส่เรือนฉันเถิด”
“เอ็งคิดว่าข้าไม่กล้างั้นสิ”
แม่กลอยไม่พอใจจะเขวี้ยงคบไฟใส่เรือน สัปเหร่อขาวเข้าไปบอกแม่กลอย
“มันรักลูกสาวเอ็งกว่าอื่นใด เอ็งยังจะใจจืดใจดำได้ลงคอเทียว”
“เอ็งไม่ได้ฆ่าเพียงไม้ แต่เอ็งกำลังฆ่าลูกสาวด้วยน้ำมือเอ็ง” จันโมโห
“ผิดบาปไม่ได้อยู่แค่ทำชั่วทำเลว แต่มันอยู่ที่ใจของคนไร้สำนึก” เฟื้องเสริม
ยายมาไม่พอใจ
“ข้าจะโพทะนะบอกคนทั้งบางว่าเอ็งมันใจยักษ์ใจมาร”
“หลังจากนี้อย่าหวังว่าข้าจะขายผักขายปลาให้เอ็งกิน” ตาสรเสียงเข้ม
ทุกคนเข้ามารุมด่าแม่กลอย จอกและโขงเข้ามาหน้าตาขึงขังแม่กลอยมองๆ โขงเข้ามาตรงหน้า
“พี่ไม้ยอมเสี่ยงตายเสี่ยงชีวิตเพื่อกาหลง”
จอกเข้ามาอีกคน
“อย่าหักอกหักใจกันเลย ฉันไหว้ล่ะ”
จอกนั่งลงคุกเข่าไหว้วิงวอนแม่กลอย ชบาเข้ามายกมือไหว้ ร้องขอแม่
“ฉันขอล่ะจ๊ะแม่ สงสารพี่กาหลงเถิด”
ชาวบ้านต่างมองวิงวอน แม่กลอยถือคบไฟมองไปยังไม้ ที่นั่งร้องอยู่บนเรือน ไม้หน้าตามุ่งมั่นพร้อมยอมตาย แม่กลอยมองกาหลงที่นั่งร้องไห้อยู่ข้างๆ แม่กลอยคิดตัดสินใจ ทิ้งคบไฟร่วงตกพื้น ไม้และกาหลงแปลกใจ
“แม่”
แม่กลอยต่อว่ากาหลง
“เอ็งมันไม่รักดี อยากกัดก้อนเกลือกิน ตกระกำลำบากอย่ามาร้องให้ข้าช่วยเหลือ”
จอกอึ้ง
“พูดอย่างนี้หมายความว่า...”
โขงดีใจ
“ยอมให้พี่ไม้อยู่กินกับกาหลงได้แล้ว”
ทุกคนเฮดีใจ กาหลงรีบวิ่งเข้าไปหาไม้ กอดกันบนเรือน
“พี่ไม้”
“กาหลง”
ทุกคนมองไม้และกาหลง ยิ้มทั้งน้ำตาที่ทั้งสองได้สมหวังในรักเสียที

งามและเผื่อนวิ่งร้อนรนเข้าไปบอกอบเชย
“คุณอบเชยเจ้าคะ คุณอบเชยเจ้าขา”
อบเชยเข้ามาตำหนิ
“เป็นกุลสตรีกริยาให้งามชดช้อย หาใช่ส่งเสียงเอ็ดตะโร”
งามและเผื่อนแปลกใจที่อบเชยมีกริยางามชดช้อย
“จะมาชดมาช้อยไม่ทันการแล้วเจ้าค่ะ” งามร้อนใจ
“แม่กลอยยกกาหลงให้พี่ไม้แล้ว” เผื่อนโพล่งออกมา
อบเชยนิ่งรักษาท่าที
“ไม่จริง”
สองบ่าวพูดพร้อมกัน
“จริงเจ้าค่ะ”
อบเชยเริ่มออกอาการ
“ไม่จริง”
สองบ่าวน้ำเสียงหนักแน่น
“จริงเจ้าค่ะ”
อบเชยส่ายหน้า งามและเผื่อนผงกหน้ายืนยัน อบเชยใจเสีย กรี๊ดเสียงดังลั่น
“ไม่จริ๊ง”
อบเชยเสียใจวิ่งหนีเข้าห้องไปร้องไห้ งามถอนใจ
“ทำใจไม่ได้พิโถพิถัง”
“นังกาหลงคงหัวร่อเย้ยหยัยล่ะทีนี้”
สิงเดินเข้ามามุมหนึ่ง ได้ยินเผื่อนและงามพูดถึงกาหลงก็แปลกใจ

ไม้จูงมือกาหลง ลงมานั่งตรงหน้า แม่กลอยมองไม่พอใจนัก ไม้และกาหลงก้มกราบ
“ฉันขอบคุณน้ำใจน้าที่ยอมรับฉันเป็นเขย ฉันสัญญาจะรักและดูกาหลงชั่วชีวิตของฉัน”
“ไม่ต้องพูดมาก ตั้งขันหมากไปสู่ขอตามประเพณี อย่าให้เสียครรลอง”
จันแทรกขึ้น
“ไม่ต้องห่วง จะแห่แหนเอาอ้อยกล้วย ตั้งขบวนให้สมเกียรติ”
สัปขาวเหร่อขาวยิ้มหน้าบาน
“ฉันล่ะดีใจ แต่ไหนแต่ไรคิดว่าแม่จะใจยักษ์ใจหิน”
แม่กลอยมองดุ สัปเหร่อขาวรีบเปลี่ยนคำพูด
“แต่เนื้อแท้ทองใน แม่ดั่งนางฟ้านางสวรรค์ ยอมยกกาหลงให้ด้วยใจ สินสอดนี้คงมิสลักสำคัญแล้วฉันจะเอาไปจ่ายแจกคืนผู้อุปถัมภ์”
สัปเหร่อขาวพูดไม่ทันจบ แม่กลอยคว้าพานสินสอดมาไว้
“ดำเนินไปตามขนบ อย่าให้เสียครรลอง”
สัปเหร่อขาวและพวกเฟื้องเซ็ง ที่แม่กลอยยังเอาสินสอด แม่กลอยหันไปสั่งชบา
“ชบาเอ็งจูงควายกลับเรือน”
จอกแซวทันที
“อย่าให้เสียครรลอง”
แม่กลอยหันขวับมา โขงรีบปิดปากจอก ก่อนจอกจะทำเสียเรื่อง แม่กลอยถือพานสินสอดและชบาจูงควายเดินออกไป ไม้เข้าไปโอบกอดกาหลงดีใจที่จะได้แต่งงานกันเฟื้องยิ้มยินดี
“สมหวังแล้วนะไอ้ไม้ลูกพ่อ”
สัปเหร่อขาวดันเฟื้องออก
“ลูกข้าเว้ยเฮ้ย”
จันสวน
“ลูกข้า”

ชาวบ้านต่างแย่งเข้าไปรุมกอดไม้และกาหลง ชื่นชมในตัวทั้งสองคน

เผื่อนและงามจะเดินออกจากเรือน สิงเข้ามาถาม
“เมื่อกี้เอ็งพูดอะไรกัน”
“ข้ามาแจ้งความว่าพี่ไม้ไปสู่ขอกาหลงแล้ว” เผื่อนบอก
“นังกาหลงสิยิ้มหน้าบานเป็นกระด้ง” งามเสริม
“ไม่จริงพวกเอ็งพูดปด”
สิงไม่พอใจผลักเผื่อนและงามเดินออกไปจากเรือนทันที เผื่อนและงามงง มองหน้ากัน
“ทำไมต้องมาพาลโกรธกันด้วย”

โชติอยู่ที่กระท่อมสิง โชติตบหน้าสิงอย่างแรง
“อย่ามากุเรื่องโกหกข้า”
“ฉันพูดความจริง นังเผื่อนนังงามมันโพทะนาว่าไอ้ไม้เอาสินสอดไปขอกาหลง กาหลงอยู่ที่เรือน”
“พวกมันเพี้ยนกันยกใหญ่ กาหลงถูกจับถ่วงน้ำจะมีชีวิตรอดได้อย่างไร”
โชติคิดตัดสินใจบางอย่าง แล้วเดินออกไป
“พี่โชติจะไปไหน”
“ข้าจะไปแลให้เห็นกับตา”

กาหลงจะเดินเข้าขึ้นไปที่เรือนแม่บุญอิ่มเพื่อหาพุดจีบ นวลกันท่าไว้
“เข้าไปไม่ได้จ้ะ”
“พี่นวลอย่ากันท่าฉันเลย ฉันจะไปแจ้งข่าวกับพุดจีบเพื่อนฉัน”
“คุณพุดจีบตัวร้อนรุมๆนอนพักจ้ะ”
กาหลงเป็นห่วง
“เป็นไข้หนักหนาหรือ ฉันจะไปแลอาการช่วยเช็ด เนื้อเช็ดตัว”
“เอ่อค่อยทุเลาแล้วจ้ะ”
“ทุเลาก็ดีฉันจะเข้าไปเยี่ยมเยียนถามไถ่”
“ไม่ได้จ้ะ”
นวลกันไว้ จนกาหลงรู้ถูกกันท่า
“พี่นวลกันท่าตามคำสั่งน้าบุญอิ่ม หรือพุดจีบเพื่อนฉันสั่งการ”
นวลอ้ำอึ้ง กาหลงเห็นอาการก็รู้ว่าพุดจีบยังโกรธเธอ เป็นคนสั่งนวล
“ฉันพอรู้ความแล้ววานพี่ไปบอกเพื่อนฉันในวันพรุ่ง ฉันอยากให้เพื่อนฉันไปร่วมพิธีเป็นสักขีพยานในงานแต่งที่เรือนฉัน”
“จ้ะ”
กาหลงเดินออกไป พุดจีบยืนอยู่มุมหนึ่งฟังเรื่องราวทั้งหมด ยังคงน้อยใจกาหลง

ค่ำนั้น โชติเดินตรงมาหยุดยืนที่หน้าเรือนกาหลง มองตรงไปอยากรู้ว่ากาหลงจะอยู่หรือไม่ โชติใจหวั่นว่าสิ่งที่สิงได้ยินมา เป็นจริงหรือไม่ เขาเดินตรงไปยังเรือนกาหลงก้าวเท้าขึ้นไปบนเรือน
โชติผลักประตูเข้าไปด้านใน ไม่มีใครอยู่ก็แปลกใจ เดินเข้าไปในเรือนกาหลงมองไปภายในเรือนไม่เจอใครเริ่มมั่นใจว่ากาหลงไม่อยู่ที่นี่ กาหลงตายไปแล้ว
“มันจะอยู่ได้ยังไง มันกลายเป็นผีเฝ้าบึงบัวไปแล้ว”
โชติยิ้มเย้ย แล้วหันหลังจะกลับออกไปจากเรือน โชติเจอกาหลงถือตะเกียงอยู่ตรงหน้าผงะตกใจถอยหลัง
“กาหลง”
กาหลงยิ้มให้โชติ
“เอ็งตระหนกนักสิที่เห็นว่าข้ายังไม่ตาย”
โชติอยู่ห่างจากกาหลง
“เอ็งเป็นผี อย่ามาหลอกหลอนข้าเลย”
“หากข้าตายเป็นผี ข้าจะไม่ยอมทนยืนคุยกับเอ็งอย่างนี้ ข้าจะบีบคอฆ่าเอ็งเสียทันที”
กาหลงเดินตรงเข้ามาหาอย่างสุขุม โชติเริ่มไม่แน่ใจว่ากาหลงเป็นคนหรือผี ถอยห่าง
“ข้าสั่งให้พวกไอ้ขาบฆ่าเอ็งแล้ว”
“ข้าคงทำบุญสร้างกรรมดีไว้มาก ถึงได้เอาตัวรอดมาได้ แต่คนที่ทำกรรมชั่วอย่างเอ็งสมควรตาย”
กาหลงชักดาบที่ติดไว้ที่ฝาเรือน ออกมาจะทำร้าย โชติกลัวกาหลง รีบวิ่งหนีออกไปจากเรือน

โชติวิ่งออกจากเรือน พื้นบันไดเรือนกาหลงเปียกน้ำ โชติวิ่งเหยียบน้ำ ลื่นตกลงไปล้มลงกองกับพื้นด้านล่าง กาหลงเดินตรงออกจากเรือนถือดาบเดินลงบันไดตรงไปหา โชติพยายามตะกายจะลุกขึ้นแต่เจ็บเท้าเพราะตกจากบันได
“กาหลง เอ็งจะทำอะไร”
กาหลงเงื้อดาบจะฟัน โชติตกใจกลัวมาก
“อย่า”
กาหลงถือดาบแล้วเอาดาบลง หัวเราะ
“ข้าจะไม่ต่อเวรสร้างกรรมอีก ให้ต้องรับโทษตกตายตามเอ็ง ข้าจะต้องมีชีวิตอยู่เพื่อพี่ไม้”
สิงวิ่งเข้ามาหาโชติ เข้าไปประคองไว้
“พี่โชติ”
สิงประคองโชติลุกขึ้น โชติเห็นว่าสิงมาช่วย ก็อุ่นใจคลายความกังวล กาหลงจ้องหน้าข่มขู่
“อย่าลืมเสียว่ามีชนักติดหลัง เร่งออกไปจากเรือนแล้วอย่ามาเหยียบที่นี่อีก ไม่งั้นข้าจะบอกทุกคนว่าเอ็งคิดขืนใจและจับข้าถ่วงน้ำ”
โชติเจ็บใจ
“นับว่าเป็นบุญที่เอ็งรอดตายมาได้ แต่อย่าริขู่หรือเอาความแม้นเอ็งเล่นเอาเรื่องทั้งหมดไปแจ้งใครแม้คนเดียว ข้าจะจัดการแม่เอ็งน้องเอ็งให้ตายยกครัว”
กาหลงหวั่นวิตก
“เอ็งก็รู้ว่าพ่อข้ามีกำลังมากพอจะทำผิดเป็นถูก เอ็งมีแต่เสียท่า”
“ที่ข้ารอดตายมาได้ข้าไม่รู้สึกเกรงต่อความตายอีกแล้ว หากเอ็งข่มเหงจนข้าหมดทาง ข้าจะลุกขึ้นสู้สุดแรง ตาต่อตาฟันต่อฟัน”
กาหลงขู่ โชติรู้สึกประหวั่นกลัวแล้วออกไปจากเรือนพร้อมสิง กาหลงมองตามทิ้งดาบลงกับพื้นยิ้มทั้งน้ำตาขอให้ทุกอย่างกลับมาเป็นปกติสุขเสียที
“ข้าจะถือว่าที่ผ่านมาเป็นการชดใช้กรรมที่เราเคยร่วมก่อกันมาในอดีตชาติขอให้หมดเวรหมดกรรมกันแต่เพียงนี้เถิดข้าจะเริ่มต้นชีวิตใหม่เสียที”
กาหลงเงยหน้ามองดวงดาวบนท้องฟ้า ที่ส่องแสงสว่างกาหลงยืนมองดวงดาวอย่างมีความสุข

โชติกับสิงกลับมาที่กระท่อม โชติโวยวาย
“นังกาหลงไม่ตาย ข้าไม่อยากเชื่อเลย”
“ฉันกับพี่ก็เห็นกับตาว่ามันมีชีวิตรอด”
“มันเกิดอะไรขึ้น” โชตินึกได้ “เอ็งไปตามพวกไอ้ขาบมาหาข้า ข้าจะเอาให้หนัก โทษฐานที่มันไม่ฆ่านังกาหลง”
สิงพยักหน้ารับแล้วออกไป โชติยืนคิด ด้วยความแปลกใจ
“เอ็งไม่ตายก็ดีข้าจะเสพสุขเอ็งให้ได้”

โชติคิดจะขืนใจกาหลงอีก

วันใหม่เรือเข้าเทียบท่าที่หมู่บ้านแห่งหนึ่ง กาเหว่ามองดูเห็นว่าเรือเทียบท่า หันซ้ายหันขวาไม่เห็นพวกขาบ ก็ออกจากที่ซ่อน นายเรือเห็นกาเหว่าก็แปลกใจ
“เฮ่ยไอ้หนู เอ็งซ่อนตัวอยู่ในเรือข้าตั้งแต่เมื่อใด รึว่าเอ็งมาขโมยของ”
“ไม่ใช่จ้ะ ฉันหนีพวกโจรมันฆ่าพี่สาวฉัน แล้วก็จะฆ่าฉันด้วย”
“เป็นเด็กเป็นเล็กพูดจาไม่เป็นประสา”
“ฉันพูดจริงจ้ะน้า ตะวันลง น้าจะกลับบ้านบัวสีเลยใช่มั้ยจ๊ะ”
“ยังก่อน รุ่งเช้าข้าจะล่องเรือเข้าไปบางกอก”
กาเหว่าตกใจ
“ไม่ได้นะจ๊ะน้า ฉันต้องกลับไปหาแม่ ไปงมศพพี่สาว”
“เรื่องคอขาดบาดตายอย่ามาเอาพูดเล่น ใครฆ่าพี่สาวเอ็ง”
กาเหว่าจะเล่าเรื่องราว แต่แล้วมองเห็นขาบพายเรือเข้ามา มั่นเห็นกาเหว่ายืนอยู่ที่ท่าน้ำ
“ไอ้กาเหว่าอยู่นั่น”
กาเหว่าตกใจรีบวิ่งหนีไปบนฝั่งทันที ขาบรีบพายเรือเพื่อเข้าไปที่ท่าตามไล่จับกาเหว่า
“ไอ้กาเหว่าอย่าริหนีข้า” มั่นตะโกน

บริเวณวัด สัปเหร่อขาวตะโกนบอกจัน
“เอาละเหวยเจ้าบ่าวรูปงามมาแล้ววา”
พวกนักดนตรีเป่าปี่ตีกลองรับ ไม้แต่งชุดหล่อ สะอาดสะอ้าน จันเห็นแล้วตื่นเต้นชื่นชม
“แม่เจ้าเว้ยลูกชายข้า มันงามยิ่งกว่าเทวดาแปลงกาย มาม๊ะแม่หอมให้ชื่นใจ”
จันจะเข้าไปหอมแก้ม สัปเหร่อขาวกระชากตัวไว้
“มันโตจะได้เมียเลิกหอมแก้มมันที ประเดี๋ยวจะช้ำก่อนเข้าหอ”
“ก็ลูกจะออกจากอกแม่ไปดูแลแม่หญิงอื่น ข้าก็อยากจะหอมอำลาให้สาแก่ใจ”
“มานี่เลยมาหอมแก้มผัวให้ฉ่ำชื่น”
สัปเหร่อขาวยื่นแก้มให้ จันเห็นหน้าแล้วหมดอารมณ์
“อนิจจัง สังขารหนอเห็นแล้วอยากลาบวชชีเสียสักสี่ห้าพรรษา จันจับหน้าสามี
“พอมีเวลาเอาหน้าไปทาบหม้อไฟให้หายยับเสียบ้าง”
นักดนตรีเป่าปี่ ตีกลองรับจังหวะตลกแล้วหัวเราะชอบใจ ไม้พูดขึ้น
“ทุกคนพร้อมหน้ากันแล้ว จัดแห่ขันหมากไปหากาหลงเถิดจ้า”
นักดนตรีเป่าปี ตีกลองจะแห่ออกไป แต่แล้วเฟื้องถือขันน้ำมนต์เข้ามาขวาง
“หยุดประเดี๋ยวนี้”
ทุกคนหันไปมองด้วยความแปลกใจ เฟื้องเข้ามา แล้วท่องคาถาพรมน้ำมนต์ใส่ตัวไม้แล้วสวดคาถาเมตตาชนะภัย
“อิติปิโสภะคะวาอะอามะอะอุอิสวาสะ เมตตากรุณา มุฑิตา อุเบกขา นะโมพุทธายะนะชาลิติ พุทธัง สะระณัง นาถัง...”
ตาสรขัดขึ้น
“มัคทายกทำอะไร เจ้าบ่าวเปียกแฉะหมดแล้ว”
“ข้าเอาน้ำมนต์จากหลวงพ่อมารดให้ มันจะได้หมดเคราะห์หมดโศก ศัตรูภัยพาลอย่าได้กร้ำกราย”
ตาสรเซ็งๆ
“ไม้มันไปแต่งเมียไม่ได้ออกศึก”
“ไปประเดี๋ยวจะเสียฤกษ์เสียชัย” ยายมาเสริม
สัปเหร่อขาวมองหา
“แล้วนี่ไอ้จอก ไอ้โขงมันหายหัวไปไหน”
“ฉันวานให้ไปเด็ดดอกบัวทำพิธีจ้ะ นัดหมายให้ที่เรือนกาหลง” ไม้บอก
เฟื่องตัดบท
“งั้นเร่งไป ป่านนี้เจ้าสาวคอยท่าตั้งตารอเจ้าบ่าวลูกข้าแล้ว”
“เอ้าละเหวยโห่”
สัปเหร่อขาวโห่นำ ทุกคนร้องรับ
“ฮิ้ว”
สัปเหรอขาวและเฟื้อง ร้องรำทำเพลงพื้นบ้าน

กาหลงนั่งผัดหน้าอยู่ที่กระจก เท้าใครคนหนึ่งเดินเข้ามา เธอคิดว่าเป็นชบา
“ชบาเอ็งพาแม่มาแล้วรึ”
พุดจีบเดินเข้ามาสะท้อนอยู่ในกระจกที่กาหลงนั่งส่อง กาหลงดีใจและแปลกใจ
“พุดจีบ”
กาหลงหันไปหา พุดจีบถือพานพุ่มจัดดอกไม้ประดิษฐ์สวยงามอยู่ในมือ

โขงจะเดินไปที่บึง ผ่านต้นไทรงาม แล้วหันไปมองไม่เห็นจอก
“ไอ้จอก”
จอกอยู่มุมหนึ่งบริเวณนั้น กำลังยืนฉี่
“ข้าอยู่นี่”
“เฮ้ยไอ้นี่วอนซะแล้ว”
โขงตกใจที่เห็นจอกยืนฉี่บริเวณต้นไทรงาม ซึ่งอยู่ในบริเวณศาลเจ้าแม่ไทรงาม

กาหลงเข้าไปคุยกับพุดจีบ
“ฉันท้อใจว่าพุดจีบไม่มาเสียแล้ว”
“เพื่อนฉันแต่งงานทั้งที ไม่มาได้อย่างไร ฉันจัดพานดอกไม้มาประดับให้งามตา ฉันตื้นตันใจที่กาหลงสมหวังในรักเสียที”
กาหลงรับพานดอกไม้
“พุดจีบหายเคืองฉันแล้วหรือ”
“อย่าไปพูดถึงเรื่องกาลเก่า ฉันมาตรองคิดเสียใจก็เก็บทุกข์ไว้กับตัว ใจขุ่นมัวเสียป่วยการ ฉันระลึกได้ว่า หากฉันปล่อยวางทุกอย่างเสีย ใจฉันก็นิ่งสงบพบความสุขที่แท้จริง”
กาหลงยิ้มรับ
“คำพูดกินใจฉันเสียเหลือเกิน หากฉันตระหนักคิดได้เพียงน้อยของพุดจีบคงจะดี แต่ฉันกรรมหนัก ยังยึดติดในรักในหลงไหนเลยจะห่วงแม่ห่วงน้อง”
“ฉันคิดได้ เพราะฉันตัวคนเดียว หามีห่วงใดให้กังวล”
“พุดจีบเองก็งามยิ่งกว่าใครในบ้านบัวสี ไม่หมายตาชายใดบ้างรึ รักใคร่ชอบพอใครวานบอก ฉันจะเป็นแม่สื่อแม่ชักนำรักมากลางใจ”
“ฉันมันวาสนาน้อย เห็นท่าจะครองโสดเสียแล้วกระมัง เลิกคุยเถิดกาหลงยังไม่ได้ผัดหน้าทาปาก ประเดี๋ยวเจ้าบ่าวยกขันหมากหนี”
“แช่งฉันหนักข้อจริงเทียว รึอยากให้ฉันเป็นหม้ายขันหมาก”
พุดจีบนึกได้ รู้สึกผิด
“ฉันขอโทษ ฉันไม่ได้ตั้งใจ”
กาหลงหัวเราะที่พุดจีบกังวลใจ
“ฉันพูดจาสนุกปาก อย่าได้ถือสา มาเถอะ มาช่วยฉันผัดหน้า”

กาหลงจับมือพุดจีบให้ไปช่วยแต่งหน้า

อ่านต่อเวลา 17.00น.

เรือนกาหลง ตอนที่ 4 (ต่อ)
โขงพายเรือ จอกนั่งอยู่หัวเรือ
“ไอ้จอก เอ็งระวังตัวเหอะ เยี่ยวไม่ดูตาม้าตาเรือ ผีสางนางไม้หักคอเอา”
“หักคอไม่กลัว กลัวจะหักใจฮิ้ว”
“อย่ามัวทะลึ่งทะเล้น เก็บบัวได้แล้ว ป่านนี้ขบวนขันหมากจะถึงเรือนแม่กาหลงแล้ว”
จอกลุกขึ้นจะเด็ดดอกบัวแต่แล้วก็ร้องรำทำเพลง จนโขงหมั่นไส้ ลุกขึ้นถีบจอกตกเรือไป
“เด็ดได้แล้ว”
จอกตกน้ำเสียงดังตูมใหญ่แล้วหายไป ไม่โผล่ขึ้นมา
“ไอ้จอกจะเด็ดถอนราก ถอนโคนหรือไง”
โขงมองจอกที่ยังไม่โผล่มา ใจคอไม่ดี
“ไอ้จอก ไอ้จอก”
จอกโผล่หน้ามาทำเสียงแฮ่ใส่ที่ข้างเรือ
“แฮ่”
โขงสะดุ้งหงายหลังบนเรือ
“เฮ้ย”
จอกขำๆ
“กลางวันแสกๆทำกลัวไปได้”
โขงเอาพายตีจอก
“พ่อฟาดด้วยพายให้หน้าแหก”
จอกหลบพาย
“ข้าจะดำน้ำไปเก็บบัวงามที่กลางบึง รอประเดี๋ยว”
จอกพูดจบก็ดำน้ำลงไป โขงนั่งในเรือบ่นๆ
“มัวพิรี้พิไร ประเดี๋ยวจะไม่ทันการ”
จอกดำน้ำ เพื่อไปเก็บบัวที่กลางบึง มองไปตรงหน้าแปลกใจเห็นร่างใครอยู่ในกอบัว จึงว่ายน้ำเข้าไป แหวกสายบัวใต้น้ำแล้วเห็นร่างนั้นหันหลังอยู่ เขาคว้าแขนร่างนั้นให้พลิกหันหน้ามา กาหลงซึ่งตัวแข็ง หน้าซีด ผมยาวสยายลอยอยู่ตรงหน้า จอกช๊อกตกใจกลัว
 
กาหลงนั่งอยู่หน้ากระจก  พุดจีบเข้ามาช่วยผัดหน้าให้ พุดจีบเห็นเหงื่อที่ริมหน้าผากกาหลง
“กาหลงตื่นเต้นเอาการเหงื่อแตกเม็ดเชียว”
กาหลงยิ้มรับ พุดจีบเอาผ้ามาซับเหงื่อแล้วผัดแป้งให้ ทาปากให้ โดยไม่มีใครรู้ว่าที่ท่อนขาของกาหลง มีหยดน้ำไหลออกจากร่างกาย หยดลงไปใต้ถุนเรือน
 
บริเวณทุ่งนา...สัปเหร่อขาวและจันร้องรำทำเพลงสนุกสนาน ในขบวนขันหมาก ไม้เดินอยู่ด้านหน้า ยิ้มมีความสุขที่จะได้แต่งงานกับกาหลง
 
 
โขงอยู่บนเรือตะโกนเรียกจอก
“ไอ้จอก เด็ดดอกบัวได้ยังวะ”
ไม่มีเสียงตอบโขงแปลกใจ
“มันบอกจะดำเด็ดกลางบึง ไหนเลยไม่โผล่มารึว่าเป็นขาแข็งหมดแรงอยู่ใต้น้ำ”
โขงเริ่มตกใจตะโกนเรียก
“ไอ้จอก ไอ้จอก”
จอกโผล่จากน้ำถือดอกบัวอยู่ในมือ ขึ้นที่ฝั่งริมบึงแล้ว จอกยิ้มให้โขง
“ข้าอยู่นี่”
“เฮ้ยไหงขึ้นท่าไปซะนั่น รอข้าด้วย”
จอกถือดอกบัวในมือ แล้วยิ้มเดินออกไป
 
ไม้เดินนำเข้ามายังเรือนกาหลง ในขณะที่สัปเหร่อขาว จัน เฟื้องร้องเพลงพื้นบ้านแห่เข้ามา ทุกคนเดินตรงมาหยุดที่หน้าเรือน สัปเหร่อขาวให้สัญญาณหยุดร้อง ไม้ตะโกนขึ้น
“กาหลงจ๋าพี่ไม้คนงามมาแล้วจ้า”
ทุกคนโห่รับ
“ฮิ้ว”
พุดจีบเดินออกมาจากเรือนยิ้มให้ ไม้ยิ้มตอบ สัปเหร่อขาวแซวเล่น
“ลูกข้าได้เจ้าสาวคนใหม่รึ”
พุดจีบนึกได้  ถอยออกห่างประตู กาหลงแต่งชุดสวยเดินออกมา ไม้ยืนมองตะลึงงันในความสวย
“นางฟ้านางใดมายืนหน้าเรือน เห็นท่าเทวดาจำต้องพานางกลับสวรรค์”
ทุกคนโห่รับ
“ฮิ้ว”
กาหลงยิ้มดีใจ สัปเหร่อขาวตะโกนขึ้น
“เอาล่ะ เจ้าบ่าวเจ้าสาวเข้าหอได้”
ทุกคนโห่รับ
”ฮิ้ว” แล้วนึกได้ “เฮ้ย”
จันโวย
“ยังไม่ได้ทำพิธงพิธีเลยกาหลง แม่เอ็งมาแล้วรึ”
“ยังจ้ะ แม่บอกว่าหากเตรียมการพร้อม ให้คนไปตามมา”
 “มากันครบองค์แล้ว จะรอท่าอะไรไปตามแม่เอ็งมาเสีย” ยายมาบอก
ไม้ขัดขึ้น
“รอประเดี๋ยวจ้ะฉันวานให้จอกกับโขงไปเก็บบัวมาบูชาพระ ป่านนี้ยังไม่มาเลย”
“ไอ้สองตัวนี่ท่าจะทำเสียเรื่อง” สัปเหร่อหันไปสั่ง “ไอ้เฟื้องเอ็งไปตามมันมา”
“ได้” เฟื้องนึกได้ “ชะหน๋อยแน่ มาใช้ข้า เอ็งสิไป”
“เอ็งรักลูกนักหนาก็ไปสิวะ”
สัปเหร่อขาวกับเฟื้องเถียงทะเลาะกัน จันเข้าไปห้าม
“หยุดแก่จะลงโลงยังตีกันให้อายเด็กโน้นไอ้จอกไอ้โขง มาโน่นแล้ว”
จอกถือดอกบัวมา โดยที่โขงวิ่งตามมาด้านหลัง
“เอาล่ะวะเร่งทำพิธี ข้าจะได้กินขนมให้เต็มพุง”
ตาสรน้ำลายไหล รอคอยจะกินอาหารและขนมงานแต่ง
 
จอกเดินถือดอกบัว  ยิ้มเข้ามาหน้าเรือนกาหลง แล้วก็หยุดยืน ทุกคนแปลกใจ ไม้รีบเรียก
“จอกเอาดอกบัวมาสิ”
จอกยังยืนนิ่ง ยิ้มให้ไม้ กาหลงหันไปบอกจอก
“พี่จอกจ๊ะฉันขอดอกบัวด้วยจ้ะ ฉันจะพับกลีบประดับไว้หน้าหิ้งพระ”
จอกยิ้มจ้องมองไปยังกาหลง โขงวิ่งเข้ามาด้านหลังบอกจอก
“ส่งดอกบัวให้กาหลงสิวะ”
กาหลงเดินตรงมาหา จอกนิ่งตาแข็งค้างตัวสั่น ไม้และทุกคนตกใจ
“ไอ้จอกเอ็งเป็นอะไร”
กาหลงตกใจ เข้าไปใกล้เพื่อดูอาการ
“จอก”
จอกดิ้นแล้วก็เป็นลมหมดสติไป ทุกคนตกใจ
“ไอ้จอก”
สัปเหร่อขาวหันมาถามโข่ง
“ไอ้โขงมันไปทำอะไรมา”
“เช้านี้มันเยี่ยวรดใกล้ศาลเจ้าแม่ ท่าจะโดนดีแล้วสิเออ”

จันถอนใจ
“นั่นปะไรเจ้าที่เจ้าทางเล่นงานมันแล้ว”
“พวกเอ็งก็สมอ้างผีสางนางไม้ เมื่อคืนมันซัดยาดอกฉลองชัย ให้ไอ้ไม้ ไม่ได้หลับไม่ได้นอนแล้วต้องไปตากแดดเก็บบัว ท่าจะเป็นลมชัก” เฟื้อง      แย้ง
สัปเหร่อขาวหันมาบอก
“มันโดนผีเล่นงาน รีบพามันไปรดน้ำมนต์”
เฟื้องเถียง
“มันเป็นลมชัก”
ไม้ตัดบท
“จะเป็นอะไรก็ต้องพากลับวัด หยูกยาของหลวงพ่อคงช่วยได้”
พุดจีบแทรกขึ้น
“พี่ไม้น่าจะทำพิธีเสียก่อน นี่ก็ใกล้ถึงเวลามงคลฤกษ์”
ไม้มองจอก
“อาการมันหนักเสียเหลือเกิน”
ไม้คิดตัดสินใจหันไปมองกาหลง เธอเข้าใจความรู้สึกของเขาดี
“ฤกษ์มงคลไม่สำคัญเท่ากับชีวิตคนหรอกจ้ะพี่ พี่พาจอกไปรักษาเถอะ ฉันจะเร่งเตรียมการทางนี้ให้พร้อม”
ยายมารีบบอก
“พวกเอ็งหามมันไปวัด แล้วรีบกลับมา ข้ากับตาสรจะไปตามแม่กลอยมาทำพิธี สองขบวนท่าจะมาบรรจบทันการ”
“เมียข้ามันฉลาดนักเทียว”
ตาสรจูบยายมาทุกคนเห็นด้วยกับยายมา ไม้และโขงช่วยกันหามจอกโดยมี สัปเหร่อขาวเฟื้องและจันตามไป ยายมาและตาสรวิ่งไปเพื่อตามแม่กลอย ชาวบ้านกลุ่มหนึ่งยังอยู่รอที่เรือนกาหลง
 
กาหลงเดินตรงไปหยุดที่ดอกบัว ซึ่งถูกจอกดิ้นนอนทับ เธอหยิบดอกบัวขึ้นมาแล้วปล่อยทิ้ง  จะเดินออกไป พุดจีบเข้ามาถาม
“กาหลงจะไปไหน”
“ฉันจะไปเก็บบัว”
กาหลงจะเดินออกไป พุดจีบเข้าไปรั้งไว้
“โบราณเขาถือ  ไม่ให้เจ้าสาวลงจากเรือนจนกว่าจะเริ่มพิธี ไม่เช่นนั้นผีสางจะชิงตัวไป”
กาหลงฟังแล้วคิดตาม กังวลใจ
“ฉันไปเก็บดอกบัวให้เองจ้ะ”
“ไม่เป็นไรจ้ะ” กาหลงหันไปมองกลุ่มชาวบ้านที่อยู่ที่เรือน “ฉันวานพุดจีบ จัดหาน้ำท่าให้พี่ป้าน้าอาอยู่ทางนี้ ฉันจะเร่งไปเร่งมา”
กาหลงพูดจบก็ออกไปทันที พุดจีบมองตามด้วยความเป็นห่วง
 
กาหลงเดินตรงมายังบริเวณบึงบัวมองไป เห็นบัวชูช่อสวยงามอยู่กลางบึง จึงพายเรือ เพื่อไปยังกลางบึง เก็บดอกบัวสวยๆ ช่วงเวลาเดียวกัน สัปเหร่อขาวถือขันน้ำมนต์มาแล้วพึมพัมคาถาเป่าน้ำมนต์ใส่จอกที่หมดสติ จอกยังนอนนิ่ง
สัปเหร่อขาวจะพ่นน้ำมนต์อีกรอบ เฟื้องเข้ามาขัด
“หยุดได้แล้ว น้ำมนต์น้ำลายเอ็งช่วยไม่ได้ มันไม่ได้โดนผีเข้า มันเป็นลมชัก”
ไม้มองเฟื่องแปลกใจ
“พ่อเอาอะไรมา”
“ข้าไปต้มยาสมุนไพรมาให้ แก้ลมชักชะงัดนัก”
เฟื้องส่งยาให้ไม้ โขงช่วยประคองจอก แล้วจับอ้าปาก ไม้กรอกยาให้จอก ไม้และทุกคนรอดูผล แต่จอกยังนอนนิ่ง สัปเหร่อขาวพูดขึ้น
“มันไม่ได้เป็นลมชัก มันโดนผีสิง ต้องน้ำมนต์ข้า”
สัปเหร่อขาวเป่าน้ำมนต์ใส่อีกรอบ จอกเริ่มรู้สึกตัว ไม้ดีใจ
“จอกฟื้นแล้ว”
“เห็นไหมล่ะน้ำมนต์ข้ามันศักดิ์สิทธิ์” สัปเหร่อขาวโอ่อวดสรรพคุณ
“ยาข้าออกฤทธิ์ต่างหาก” เฟื้องเถียง
สัปเหร่อขาวและเฟื้องทะเลาะกัน จันห้ามไว้
“หยุดทะเลาะสักที ข้าอยากรู้ว่ามันเป็นอะไร”
ไม้หันไปมอง จอกลืมตามองทุกคน
“จอกเอ็งเป็นอะไร” ไม้ถามอย่างสงสัย
“เอ็งดำน้ำหายไปนานสองนาน เอ็งทำอะไร” โขงถามบ้าง
จอกนิ่งคิดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
 
กาหลงเด็ดดอกบัว เด็ดมาได้หนึ่งดอกก็มองไปอีกดอกที่สวยงาม แต่อยู่ห่างออกไป จึงเอื้อมเก็บดอกบัวที่สวย แต่เก็บไม่ถึง เธอขยับตัวไปใกล้แต่พลาดท่าพลัดตกลงไปในน้ำ
 
ไม้ถามจอกซ้ำ
“ว่าไงเอ็งเห็นอะไร”
จอกคิดแล้วตาเหลือกตกใจ
 
กาหลงตกลงมาใต้น้ำพยายามประคองตัวแล้วพลิกตัว เพื่อจะว่ายน้ำขึ้นไป แต่แล้วเธอก็นิ่งอึ้ง เมื่อเห็นศพตัวเองอยู่ตรงหน้า กาหลงนิ่งตกใจ ศพหน้าซีด ผมสยายลอยเข้ามาใกล้ กาหลงตกใจมาก

บริเวณวัดไม้ถามจอกด้วยความสงสัย
“จอกบอกข้ามา เกิดเรื่องอะไร”
“ฉันเห็น”
“เอ็งเห็นอะไร”
ไม้และทุกคนรอลุ้นจอกมองหน้าไม้ แล้วก็ดิ้นเฮือกเดียวแล้วเป็นลมทันที ทุกคนตกใจ
“ไอ้จอก”
สัปเหร่อขาวหันมาบอกเฟื้อง
“ไอ้เฟื้อง มันท่าจะเมายาเอ็ง”
“มันเมาน้ำมนต์น้ำลายเอ็งเป็นแท้” เฟื้องแย้ง
จันส่ายหน้าเอือมๆ
“บ๊ะ ไอ้แก่หงอกสองตัวเลิกกัดซะที ข้าเบื่อห้ามศึก”
สัปเหร่อขาวและเฟื้องจึงหยุดจันหันมาหาไม้
“ไม้เอ็งกลับไปรับพิธีเถิด ประเดี๋ยวจะเสียฤกษ์ไม่เป็นมงคลชีวิต กาหลงคงรอท่าเอ็งเสียแย่แล้ว”
ไม้เป็นห่วงกาหลง รีบออกไป จัน กับโขงดูแลจอกแทน

กาหลงขึ้นจากบึงบัวตัวเปียกน้ำรู้สึกสับสนว่าเรื่องราวที่เกิดขึ้น เธอตั้งสติแล้วหันกลับไปมองที่บึงบัวอีกครั้ง สายตาของเธอมองทะลุบึงน้ำลงไปเห็นซากศพตัวเองที่ลอยอยู่ใต้น้ำ กาหลงสะดุ้งตกใจกลัวแล้วหันหลังจะวิ่งหนีไป แต่สะดุดท่อนไม้ล้มลงกาหลงจะลุกขึ้น เท้าหลวงตาเดินเข้ามากาหลงเงยหน้ามอง แปลกใจว่าเป็นใคร
“หลวงตา”
หลวงตาซึ่งเป็นพระธุดงค์ยืนพินิจเพ่งมองกาหลง รู้เรื่องราวของเธอเป็นอย่างดี

ไม้เดินตรงมายังเรือนกาหลง แปลกใจที่กาหลงยังไม่กลับมา
“อะไรนะ กาหลงยังไม่กลับเรือน”
“ใช่จ้ะ กาหลงออกไปเก็บบัว” พุดจีบบอก
“อะไรนักหนากันเทียวท่าจะเป็นวันมหากาลกิณี”
จันรีบปิดปากสัปเหร่อขาวแล้วแก้ตัวทันที
“วันดีแสนดี ยังกะขี่ช้างไล่จับตั๊กแตนผัวมาเมียหาย”
เฟื้องขัดขึ้น
“รอหน่อยเป็นไร แม่กลอยก็ยังไม่มา”
ยายมาเข้ามาบอก
“มาแล้วจ้า”
“แม่ยายหนังเหนียวเคี้ยวยาก มาแล้ว” ตาสรแดกดัน
แม่กลอยเดินเข้ามา ชบาตามมาด้านหลังแม่กลอยไม่พอใจที่ตาสรพูดว่าหนังเหนียว
“เอ้า มากันพร้อมหน้าก็เป็นอันสำเร็จเสร็จพิธี” สัปเหร่อขาวโพล่งออกมา
ทุกคนสะดุ้ง
“เฮ้ย”
“ลูกสาวข้าอยู่ไหน”
แม่กลอยมองหากาหลง ทุกคนไม่กล้าบอกว่ากาหลงออกไปเก็บบัวยังไม่กลับ

กาหลงยกมือไหว้หลวงตา
“นมัสการเจ้าค่ะ ดิฉันไม่เคยพบเห็นหลวงตามาก่อน”
“อาตมาธุดงค์ผ่านมา ไม่ได้จำพรรษาย่านนี้”
“เจ้าค่ะดิฉันขอนมัสการลาเจ้าค่ะ”
กาหลงต้องการจะลุกหนีออกไป เพราะยังสับสนในตัวเอง เธอลุกขึ้นเดินออกไป หลวงตาพูดไล่หลัง
“ไม่มีใครหนีความจริงได้หรอกโยม”
กาหลงหันกลับมาหาหลวงตา แปลกใจในคำพูด เสมือนหลวงตารู้เรื่องราวของเธอ

แม่กลอยไม่พอใจ หลังรู้ว่ากาหลงไปเก็บบัวไม่กลับมา
“อุบ๊ะ ปล่อยให้รอเสียนานท่าจะไม่อยากแต่ง ข้าจะได้บอกปัดขันหมาก”
สัปเหร่อขาวรีบขัด
“ไม่ได้”
“ฉันจะเร่งไปตามกาหลงกลับมาจ้ะ”
ไม้รีบออกตามกาหลง แม่กลอยและพวกขาว เดินเข้าไปนั่งรอที่เรือน พุดจีบมองตามเป็นห่วงกาหลงแล้วจึงเดินตามออกไป

กาหลงถามหลวงตา
“คำหลวงตาหมายความถึงสิ่งใด”
“โยมรู้ดีมิใช่หรือ ว่าโยมคือใคร โยมเป็นอะไร”
กาหลงตกใจ
“หลวงตาพูดอะไร ดิฉันไม่เข้าใจ”
“จงยอมรับในสิ่งที่โยมเห็นนั่นคือความจริง โยมไม่มีทางหนีตัวเองได้”
“ไม่จริง นั่นเป็นเพียงภาพหลอน ดิฉันยังมีลมหายใจ ดิฉันยังไม่ตาย”
กาหลงปฎิเสธ แล้ววิ่งหนีออกไป หลวงตายืนมองกาหลง ด้วยความเวทนาสงสาร

กาหลงวิ่งหนีจากบึงบัว ไปยังบริเวณทุ่งนา
“ฉันยังไม่ตาย ฉันยังไม่ตาย”
กาหลงวิ่งหนีไป พลางคิดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น...ภาพเหตุการณ์ที่โชติจะขืนใจ เธอคว้ามีดปาดเขาแล้วลุกหนี ภาพสิงเข้าตบเธอสลบโชติสั่งให้ลูกน้องเอาไปฆ่า พวกมั่นยกร่างเธอที่หมดสติ ขึ้นเรือ พวกมั่นมัดเชือกกับก้อนหินที่เท้าเธอ พวกขาบจับเธอโยนลงน้ำที่บึงบัวเธอจมอยู่ใต้น้ำ มีหินถ่วงเท้าไว้...ภาพเหล่านี้แว่บเข้ามาตลอดขณะที่เธอวิ่งไป
กาหลงวิ่งจนเหนื่อย แล้วหยุดหอบ คิดว่าวิ่งหนีหลวงตามาได้ไกล เธอเงยหน้าขึ้นแล้วอึ้งตกใจ เพราะเธอวิ่งกลับมายืนที่เดิม
“ไม่มีใครหนีความตายไปได้”
กาหลงสะดุ้งตกใจ หันหลังกับไปเจอหลวงตา
“หลวงตา”
หลวงตายืนมองกาหลงด้วยความเห็นใจ

ไม้เร่งเดินไปตามกาหลงที่บึงบัว พุดจีบตามมาด้านหลัง เดินตามไม่ทันเพราะเขาเดินนำไปไกล เธอจึงเร่งตาม

กาหลงตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น เธอร้องไห้อย่างหนัก เดินเข้าไปนั่งคุกเข่า ต่อหน้าหลวงตา
“หลวงตาเจ้าขามันเกิดอะไรขึ้นเจ้าคะ”
“ดวงจิตของโยม ได้ละสังขารเสียแล้วตั้งแต่วันนั้น”
“มันจะจริงได้ยังไง ทั้งที่ดิฉันดิ้นรนเอาตัวรอดมาได้”
“โยมหลุดพ้น หรือดวงจิตคิดไปเอง”
กาหลงแปลกใจ คิดตามสิ่งที่หลวงตาพูด แล้วเธอก็เห็นภาพเหตุการณ์ที่พวกมั่นพายเรือพาร่างของเธอไปยังบึงบัว ขาบและปองโยนร่างเธอตกลงใต้น้ำ เธอฟื้นขึ้นมา รู้ตัวว่าถูกจับโยนลงน้ำก็ตกใจรีบแก้เชือกแต่ไม่สามารถแก้เชือกได้ เธอหมดลมหายใจลอยสงบนิ่งอยู่ใต้น้ำ วิญญาณหลุดลอยจากร่าง วิญญาณมองร่างของตัวเองด้วยความตกใจและเสียใจ
กาหลงสะดุ้งตกใจเมื่อรู้ว่าเธอตายแล้ว แต่ไม่ยอมรับความจริง
“ไม่จริงกาหลงยังไม่ตาย หลังจากกาหลงขึ้นจากน้ำ กาหลงยังเจอพุดจีบ ยังกลับเรือนได้
“ดวงจิตโยมยังผูกมั่นมิได้ปล่อยวาง ดวงจิตจึงเดินทางไปในที่ที่โยมต้องการ”
กาหลงคิดตามคำพูดของหลวงตา เธอนึกถึงเหตุการณ์ที่นั่งรอไม้ที่เรือน เป็นห่วงเขาตอนที่เธอฝันว่าไม้ถูกแทงเธอเดินตรงมาที่วัด นั่งหลับตาอธิษฐานจิตส่งไปช่วยไม้
“โยมไปได้ไกลแสนไกลเพื่อช่วยเหลือคนรักของโยม”
กาหลงนึกถึงเหตุการณ์ที่ดงตาลไม้นอนอย่างหมดหวัง น้ำเริ่มไหลเข้ามาจะท่วมมิดหน้าแสงฟ้าแลบฟ้าร้อง เธอยืนมองสงสารคิดทำอะไรบางอย่าง เดินออกไปไม้ตะโกนออกไปเมื่อเห็น โขงและจอกจะออกไป
“ข้าอยู่นี่”
โขงและจอกไม่ได้ยินเสียง เพราะฝนตกหนัก กาหลงยืนอยู่ด้านหลังโขงและจอก ตะโกนสุดเสียง
“ข้าอยู่นี่”
โขงและจอกสะดุ้งได้ยินเสียงดังฟังชัดหันกลับไปมองหาที่มาของเสียง ทั้งสองวิ่งมองหาไม้ กาหลงโผล่เข้ามาผลักจอกล้มลงกับพื้นมองเห็นไม้นอนที่อยู่หลุมจอกและโขงช่วยกันวักดินออกจากหลุม กาหลงยืนมองด้วยความดีใจ ที่จอกและโขงมาช่วยชีวิตไม้ไว้ได้

กาหลงยืนอยู่ สะดุ้งเฮือก แล้วตั้งสติได้อีกครั้งยืนมองสำรวจร่างกายตัวเองอีกครั้งแปลกใจที่ยังดำรงชีวิตอยู่ได้ เธอร้องไห้น้ำตาไหล
“ดิฉันยังมีชีวิตอยู่ได้ มันเกิดขึ้นได้ยังไงเจ้าคะ”
กาหลงเข้ามานั่งไหว้ต่อหน้าหลวงตา
“ปาฎิหาริย์เช่นนี้เกิดขึ้นได้เมื่อดวงชะตาไม่ถึงฆาต ด้วยผลบุญในอดีตชาติที่สั่งสมมาและดวงจิตที่ผูกมั่นในความรัก มีอานุภาพพอที่ทำให้โยมดำรงอยู่ได้ แต่สิ่งที่โยมต้องกระทำในขณะนี้ จำยอมรับความจริงปลดปล่อยอารมณ์ความโกรธแค้นเกลียดชัง ปล่อยวางพันธนาการแห่งความรัก ไปจุติในภพภูมิใหม่เสีย”
กาหลงคิดตัดสินใจ
“กาหลงจากไปแล้วใครจะดูแม่ ดูน้องให้ได้สุข และพี่ไม้จะอยู่ยังไง”
“คนทุกคนต่างเกิดมามีกรรมติดตัวทุกชีวิตล้วนอยู่ใต้กฎแห่งกรรม ไม่มีใครก้าวล่วงกรรมของผู้อื่นได้ โยมจงละมันเสียยอมรับชะตาในตัวเอง อาตมาจะนำบุญส่งโยมให้ไปจุติในภพภูมิใหม่”
“กาหลงไปไม่ได้ หลวงตาเป็นคนพูดเองว่าชะตากาหลงยังไม่ถึงฆาต”
“แต่โยมก็ไม่อาจฝืนธรรมชาติได้ แม้พลังแห่งดวงจิตในวันนี้แข็งแกร่งพอที่ทำให้โยมอยู่ในสภาพเช่นเดิม โยมก็ไม่สามารถหนีพ้นความทุกข์ได้ ทุกข์ที่ต้องการครอบครอง ทุกข์ที่เกิดจากการรักษาไว้ไม่ได้ และทุกข์หนักยิ่งกว่าเดิมเมื่อโยมต้องสูญเสียทุกอย่างไป”
กาหลงคิดตามลังเลใจ
“ปล่อยวางทุกอย่างเสียให้สิ้น ไม่มีผู้ใดหนีพ้นความตายได้ แม้แต่พระพุทธเจ้า”
กาหลงตัดสินใจ ยกมือพนมหลับตาพร้อมที่จะปล่อยวางดวงวิญญาณนี้ หลวงตาพนมมือสวดมนต์ กาหลงพนมมือรับหลับตาน้ำตาไหล ฟังหลวงตาสวดมนต์อยู่ เสียงร้องเรียกของไม้ดังขึ้น
“กาหลง”
กาหลงลืมตาขึ้น หลวงตาชะงักพยายามเตือนสติ
“ละทิ้งทุกอย่าง...นี่คือหนทางแห่งความสุขที่แท้จริง”
กาหลงพยายามที่จะหลับตาอีกครั้ง เสียงไม่ยังคงดังเข้ามา
“กาหลง เอ็งอยู่ไหน กาหลง”
กาหลงลืมตาขึ้น น้ำตาไหล ไม่อาจทิ้งไม้ไว้ได้ ตัดสินใจวิ่งออกไปหาไม้ทันที
“พี่ไม้”
หลวงตาหยุดสวดมนต์ ลืมตามองกาหลง จำยอมปล่อยให้เธอเลือกชะตาชีวิตตัวเอง

ไม้มองหากาหลง ไม่เจอ เขาเป็นห่วงมาก
“กาหลง”
กาหลงปรากฏตัวยืนอยู่ด้านหลังเขา
“พี่ไม้”
ไม้หันกลับไปมอง กาหลงยืนร้องไห้ ไม่กล้าเข้าไปเพราะรู้ว่าตัวเองเป็นผี ไม้เดินเข้ามาหา กาหลงยืนมอง ไม้จับมือ เธอรู้สึกดีที่ร่างกายเธอเป็นปกติ เธอร้องไห้โผเข้าสวมกอดเขาหลวงตายืนมองกาหลงกอดกับไม้
“อาตมาขอให้ดวงวิญญาณดำรงไว้ซึ่งคุณความดี มันจะเป็นเกราะคุ้มกันแต่หากโยมตกอยู่ใต้อำนาจความโกรธ อาฆาตแค้นเมื่อนั้น มันจะทำลายดวงจิตของโยม”
หลวงตาเดินจากไป กาหลงร้องไห้กอดไม้
“กาหลงไปทำอะไรมาเนื้อตัวถึงได้เปียกปอน”
“ฉันเก็บบัวแล้วพลัดตกน้ำ"
ไม้จับเนื้อตัว
“กาหลงเจ็บตรงไหนบ้าง”
“ฉันไม่เป็นไรจ้ะแค่ใจไม่ดี กลัวจะไม่ได้เจอพี่ไม้ ไม่ได้อยู่กับพี่ไม้”
“หยุดคิดเรื่องนั้นเดี๋ยวนี้เทียว วันนี้เป็นวันมงคลของเรา จากมื้อนี้ไป พี่จะได้อยู่ดูแลกาหลงชั่วชีวิต”
กาหลงยิ้มทั้งน้ำตา
“ฉันก็จะอยู่กับพี่ชั่วชีวิต”

ไม้มอง กาหลงเข้าสวมกอดพุดจีบยืนมองที่มุมหนึ่ง เห็นในความรักของทั้งสองก็ถอดใจเดินออกไป

เรือนกาหลง ตอนที่ 4 (ต่อ)

พุดจีบเดินมาพบกับหลวงตา เธอนั่งลง แล้วยกมือไหว้
“นมัสการเจ้าค่ะ”
“คงมีโยมเพียงคนเดียว ที่มีบุญวาสนาพอจะตักเตือนให้สติเพื่อนโยมได้”
พุดจีบแปลกใจ
“หลวงตาหมายถึงใครเจ้าคะ”
“จงปรามเพื่อนโยมให้ยอมรับในความจริง ไม่มีอะไรจีรังยั่งยืน ดังคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า สรรพสิ่งในโลกล้วน อนิจจัง เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป”
พุดจีบนั่งฟังแล้วคิดตาม เธอจีบเงยหน้าขึ้น
“หลวงพ่อสื่อความถึงใครเจ้าคะ ดิฉันไม่เข้าใจ”
หลวงตาไม่ตอบแล้วเดินจากไป พุดจีบแปลกใจพยายามคิด

แม่กลอยบ่นโวยวายไม่พอใจ
“ตะวันโด่เลยเวลาฉันเพล อันไม่ต้องทำพิธี ยกเลิกงานแต่งเสีย”
จันรีบขัด
“ใจเย็นๆจ้ะแม่กลอย อยากได้ลูกเขยดีมันต้องอดใจรอ”
ชบาหันมาบอกแม่
“พี่ไม้มาโน่นแล้วจ้ะแม่”
ไม้ประคองกาหลงเดินเข้ามา ชบาแปลกใจ
“พี่กาหลงไปทำอะไรมา ถึงได้เปียกมะลอกมะแลก”
“หายไปนานสองนาน ท่าจะเข้าหอใต้น้ำเสียสิเออ” ตาสรพูดยิ้มๆ
“เอ็งพูดสัปดน ไม่มีใครทำอย่างเอ็งหรอก”
ยายมาพูดแล้วเขินอาย กาหลงเข้ามา
“ฉันขอโทษทุกคนด้วยจ้ะ ฉันไปเก็บบัวแล้วพลาดท่าตกน้ำ”
ไม้ตัดบท
“เรามาทำพิธีกันเถอะจ้ะ”
แม่กลอยไม่พอใจ
“เลยเวลาฉันเพล พระหน้าไหนจะทำพิธีให้เอ็ง”
สัปเหร่อขาวพูดดักคอ
“อ้างพระอ้างเจ้า อย่าริยกเลิกงานแต่งเป็นเด็ดขาด”
ทุกคนมองข่มแม่กลอย ไม่ยอมให้ยกเลิกงานแต่ง แม่กลอยจำยอม
“ฤกษ์งามยามดีผ่านไปก็ไม่ต้องพิรี้พิไร รักกันก็เข้าหอไปเสีย”
ทุกคนดีใจที่แม่กลอยไม่ขัดขวาง
“ไชๆ โยๆ”
แม่กลอยหันไปสั่งกำชับกาหลง
“แล้วจำคำเอ็งให้มั่น อย่าได้ริทิ้งแม่ทิ้งน้อง”
“ฉันสัญญาจ้ะแม่” กาหลงบอกทุกคน “ฉันกับพี่ไม้ได้สมแก่ใจในมื้อนี้ มีพ่อแม่พี่ป้าน้าอาเกื้อหนุน ทุกคนสละตัวช่วยฉัน ฉันจะไม่ทำให้ลำบากเจ็บใจแน่แท้จ้ะ”
ชาวบ้านทุกคนยิ้มดีใจ เฟื้องแทรกขึ้น
“เอาล่ะวะ พระท่านไม่ได้มาสวดมนต์ให้ศีลให้พร ข้าก็จะเอา น้ำฝนฉ่ำเย็น มารดราดเป็นมงคลขวัญ”
เฟื้องถือขันน้ำใบใหญ่ วักน้ำสาดใส่กาหลง สัปเหร่อขาวจัน ยายมา ตาสรและชาวบ้าน ต่างวิ่งไปตักน้ำในโอ่งใบใหญ่ มาวักใส่กาหลงและไม้ที่ประคองกอดกันท่ามกลางสายน้ำที่ทุกคนสาดมาให้ฉ่ำเย็นใจแม่กลอยยืนมอง ปลื้มใจตื้นตันน้ำตาไหลที่ลูกสาวเข้าพิธีแต่งงาน กาหลงหันไปเห็น แม่กลอยรีบปาดน้ำตา แล้วเดินกลับเรือน กาหลงมองตาม รู้สึกดีที่แม่รักเธอ ไม้เข้ามายิ้มให้กาหลง ประคองกอดไว้

โชติอยู่ในกระท่อม ไม่พอใจเมื่อรู้ว่าพวกขาบหายไป
“เอ็งว่าอะไรนะ พวกไอ้ขาบมันหายหัว”
“ฉันถามชาวบ้าน ได้ความว่าพวกมันเอาเรือพายไปจากท่า หลายวันก่อน”
“ข้าสั่งให้ฆ่ากาหลง พวกมันคงกลัวถูกทางการจำตรุ ใจอ่อนยอมปล่อยนังกาหลงรอดตาย”
สิงสงสัย
“แล้วทำไมมันต้องหนีไป”
“มันกลัวข้าเล่นงานมันสิวะ ใจปลาซิวอย่างพวกมันปล่อยไว้ไม่ได้ มันอาจปากสว่างไปแจ้งผิดเอาความข้า”
“พี่จะให้ฉันจัดการมันยังไง”
“เร่งตามตัวมันแล้วฆ่าเสีย”
โชติสั่งให้สิงไปตามล่าพวกขาบทันที

พวกมั่นตะโกนเรียกหากาเหว่า ที่บริเวณสวนกล้วย
“ไอ้กาเหว่า ออกมา”
กาเหว่ากำลังเด็ดกล้วยจากเครือด้วยความหิวโหย สะดุ้งตกใจ ขาบตบหัวมั่น
“เอ็งตะโกนลั่นป่ากล้วย มันคงออกมาให้เอ็งจับตัวหรอก”
มั่นรีบหุบปากทันที แล้วมองหา กาเหว่าหลบที่หลังต้นกล้วย กลัวถูกจับได้ พวกมั่นแยกย้ายกันเดิน

กาเหว่ากินกล้วย แล้วทิ้งเปลือกกล้วย เลี่ยงมาหลบที่มุมหนึ่ง มั่นเดินตามหาทำเสียงยังกะเรียกไก่
“กาเหว่ากุ๊กๆ”
มั่นเดินเข้าใกล้เข้ามากาเหว่ากลัวถูกจับได้ย่องหนี แต่เหยียบใบกล้วยแห้งเสียงดัง มั่นยิ้มดีใจเมื่อเห็นกาเหว่า
“ไอ้กาเหว่า เอ็งเสร็จข้า”
กาเหว่าตกใจ มั่นกระโดดตะครุบตัว แต่เหยียบเปลือกกล้วย ลื่นล้มมั่นตะโกนเรียกเพื่อนๆ
“ไอ้กาเหว่ามันอยู่...”
กาเหว่าเอากล้วยในมือยัดปากมั่น แล้ววิ่งหนีไป มั่นพูดไม่ออก รีบกลืนกินกล้วยแล้วตะโกนบอกเพื่อนๆ
“กาเหว่ามันหนีไปเสียแล้ว”
ขาบและปองหันไปมอง เห็นกาเหว่าวิ่งหนีออกไปจากป่ากล้วยพวกขาบรีบวิ่งตามกาเหว่าทันที
กาเหว่าวิ่งหนีเข้ามาบริเวณตลาดวิ่งชนชาวบ้าน ชนข้าวของกระจัดกระจาย เพชร ตำรวจจากหัวเมืองที่ปลอมตัวมาเป็นพ่อค้าเร่ กำลังร้องขายสมุนไพร

“ฉันมีกำมะถันดินประสิว ดินสอพองมาขายจ้ะ ของดีทั้งนั้น”

ชาวบ้านรับห่อใส่ดินสอพองจากเพชรไปดู กาเหว่าวิ่งชนชาวบ้าน ทำให้ดินสอพองตกพื้นกระจาย เพชรตกใจ
“เฮ้ยไอ้หนู”
กาเหว่าหันมายกมือไหว้ขอโทษ
“ฉันไม่ได้ตั้งใจจ้ะ ฉันช่วยเก็บ”
กาเหว่าจะมาช่วยเก็บดินสอพอง มั่นวิ่งเข้ามาตะโกนเสียงดัง
“มันอยู่นั่น”
กาเหว่าตกใจรีบวิ่งหนีไป เพชรมองด้วยความแปลกใจ ก้มลงเก็บดินสอพอง แต่แล้วพวกมั่นวิ่งมาเหยียบดินสอพองแตกแล้ววิ่งไปไม่สนใจ เพชรรีบบอก
“พี่ชายทำของฉันเสียหาย พี่ชายต้องชดใช้”
พวกมั่นไม่สนใจ วิ่งตามกาเหว่าไป เพชรมองตามคิดอะไรบางอย่าง

กาเหว่าวิ่งหนี หันกลับไปดูพวกมั่น แล้วหันกลับมาโดยไม่ทันระวัง ชนชาวบ้านที่แบกของกาเหว่าล้มลง พวกมั่นวิ่งเข้ามาล้อม
“ช่วยด้วย ช่วยฉันด้วยจ้ะ” กาเหว่าตกใจร้องให้คนช่วย
ชาวบ้านหันมามอง พวกขาบตะโกนบอกชาวบ้าน
“ฉันเป็นตำรวจของทางการ ไล่จับไอ้หัวขโมย ไม่อยากตกเป็นคดีความถอยออกไป”
ชาวบ้านกลัวพวกขาบ ถอยหนีมั่นยิ้มเหี้ยม
“เอ็งมันถึงที่ตายแล้วไอ้กาเหว่า”
“พวกเอ็งฆ่าพี่กาหลง ข้าจะบอกตำรวจให้ริดหัวพวกเอ็ง” กาเหว่าโวยวาย “คนที่จะโดนริดหัวคือเอ็ง”
พวกขาบหัวเราะชอบใจ กาเหว่ากลัวถอยหนีกับพื้นขาบชักดายตั้งท่าจะฟัน กาเหว่ายกมือพนมไหว้
“ผีพี่กาหลงช่วยฉันด้วย” กาเหว่าหลับตาอธิษฐาน
ขาบจะฟันดาบใส่ ร่างของกาเหว่าถูกดึงออกไป ดาบฟันเข้าที่พื้นดิน กาเหว่าลืมตาขึ้นด้วยความแปลกใจ
“พี่กาหลงช่วยฉัน...”
กาเหว่าหันไปมองเห็นหน้าเพชรที่กำลังจับตัวเขาลุกขึ้น กาเหว่าหลบหลังเพชรทันที
“เอ็งเป็นใคร” ปองถามเสียงเข้ม
เพชรยกมือไหว้
“สวัสดีจ้ะพี่ฉันชื่อเพชร เป็นพ่อค้ามาจากลพบุรี เอาพวกเครื่องยาเครื่องธาตุมาขายจ้ะ”
“ไอ้พ่อค้าหน้าคม เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเอ็ง ข้าจะจัดการหัวขโมย มันขโมยสร้อยทอง” มั่นใส่ความ
กาเหว่าเถียงทันที
“ไม่จริง มันโกหก”
ขาบเข้าไปจะจับตัว กาเหว่าดิ้นหนี เพชรเข้าไปพยายามช่วยดึงกาเหว่าไว้ พูดจาสุภาพอ่อนน้อม
“อย่าทำร้ายเด็กเลยจ้ะพี่”
เพชรผลักขาบออก ขาบต่อย เพชรหลบแล้วต่อยขาบกระเด็นออกไปเพชรยกมือไหว้
“ขอโทษจ้ะ ฉันไม่ได้ตั้งใจ”
ขาบโกรธมาก
“เอ็งคิดลองดีกับข้า”
“เปล่าจ้ะ” เพชรยกมือไหว้ “ฉันไม่สู้คนจ้ะ”
พวกมั่นเข้ามาจะต่อย เพชรปัดป้องเล่นงานมั่นกระเด็นออกไป เพชรจะเข้าไปดูแลมั่น
“ขอโทษจ้ะพี่ชายเจ็บตรงไหนบ้าง”
ปองคว้าดาบจะเข้ามาฟัน เพชรหลบต่อสู้กับปอง จนดาบปองหลุดมือ ปองนอนครางกับพื้นกาเหว่ายืนมองด้วยความตกตะลึง ไม่คิดว่าเพชรพ่อค้าจะเก่งกาจเชิงมวย ขาบถือดาบจะเข้ามาฟัน เพชรคว้าดาบปองขึ้นมาสู้ พวกมั่นและปองคว้าดาบเข้ามารุมฟันเพชร ดาบในมือเพชรหลุดมือ แต่เขาคว้าไม้หาบที่อยู่ใกล้ๆขึ้นมาต่อสู้กับพวกขาบ กาเหว่าเห็นแล้วทึ่งในฝีมือ ระหว่างที่เพชรต่อสู้กับขาบ มั่นซึ่งนอนกองกับพื้น จะคว้าดาบไปฟันกาเหว่าเหยียบดาบแล้วรัวหมัดต่อยหน้า มั่นสลบไป กาเหว่าดีใจแต่เจ็บมือ เพชรต่อสู้กับขาบและปอง จนทั้งสองล้มลงกองกับพื้นกาเหว่าสะใจเข้าไปรัวหมัดจะต่อยปองและขาบ เพชรรีบคว้าตัวกาเหว่าวิ่งหนีออกไป
“ไอ้หนูไปเร็ว”

ค่ำคืนเดือนหงาย ดวงจันทร์ลอยเด่นเต็มดวงหิ่งห้อยบินวนเวียนอยู่ท่าน้ำ กาหลงยืนมองแล้วเอามือจับหิ่งห้อย เธอมองแล้วปล่อยให้หิ่งห้อยบินออกไป กาหลงจับมือตัวเองแล้วจับต้องหน้าร่างกาย
“ฉันยังเหมือนเดิม ฉันก็ต้องใช้ชีวิตต่อไปได้”
กาหลงยิ้มดีใจที่จะใช้ชีวิตเป็นคน เสียงขลุ่ยดังแว่วเข้ามา กาหลงแปลกใจหันกลับไปมองเห็นไม้เดินเป่าขลุ่ยมาหา กาหลงยิ้มให้ ไม้เก็บขลุ่ยเหน็บเอวแล้วตั้งท่าร้องรำลิเก
“โอ้แม่ดอกรักพบพักตร์ชื่นจิต ได้เคียงคู่แม่บัวบาน มิขอพบพานหญิงใด”
กาหลงร้องตอบ
“ด้วยรักจึงฟันฝ่าอุปสรรคนานาหาหวั่นไหว ด้วยรักพี่ไม้สุดหัวใจ ฝากชีวีให้พี่ยา”
ทั้งสองร่ายรำลิเกเข้ามาประคองกอด ไม้ยิ้มให้กาหลง
“กาหลงพี่มีความสุขคะนองใจที่สุด พี่คอยมาแสนนานที่จะโอบกอดกาหลงชั่วชีวิตพี่”
กาหลงยิ้มให้แล้วนั่งลงตรงหน้าก้มกราบ ไม้ก้มลงประคอง
“ชีวิตของฉันขึ้นกับพี่ ฉันขอฝากชีวิตไว้ที่พี่ หากวันหน้าพี่ปันใจไม่ใยดีฉัน ฉันก็จะไป”
“หยุดคิดเถิดเราจะอยู่คู่กัน มีแค่ความตายเท่านั้น ที่จะแปรเราเป็นอื่น”
กาหลงเอามือปิดปากเขาไว้ แล้วตอบ
“แม้ความตายก็ไม่อาจพรากเราจากกัน”

ไม้มองกาหลง แล้วจับมือเธอมาหอม เขาเข้าไปหอมแก้มจะจูบ กาหลงหลบแล้วนอนหนุนตัก ไม้หยิบขลุ่ยขึ้นมาเป่าอีกครั้ง กาหลงนอนฟังเขาเป่าขลุ่ยด้วยความสุขใจ หิ่งห้อยบินลอยท่าน้ำ

อ่านต่อเวล 17.00น.

กาเหว่านั่งร้องไห้ เล่าเรื่องราวให้เพชรฟังที่บริเวณท่าน้ำ  
“พวกมันจับพี่สาวฉันถ่วงน้ำ พี่กาหลงตายแล้ว”
“น่าเวทนานัก” เพชรเช็ดน้ำตาให้ “หยุดร้องเถอะ เดี๋ยวข้าพาลร้องด้วย”
“พี่ชายฉันอยากกลับบ้าน ช่วยฉันด้วยเถิด”
“บ้านเอ็งอยู่คุ้งใด”
“บ้านบัวสีจ้ะ”
เพชรครุ่นคิดในใจ
“ช่วยพาฉันไปส่ง ฉันไม่มีเงินติดตัว แล้วฉันจะช่วยวิดน้ำขัดเรือตอบแทน” กาเหว่าขอร้อง
“ประจวบเหมาะนักเทียว ข้าตั้งใจจะเอาของไปขายที่บ้านบัวสี”
กาเหว่า  เข้าสวมกอดเพชร
“ฉันขอบใจพี่มาก” กาเหว่ากอดไว้แน่น
“พอแล้ว เสื้อผ้าข้าเปียกน้ำตาเอ็งหมด ไปลงเรือไป”
กาเหว่าดีใจรีบวิ่งขึ้นเรือไปทันที เพชรยืนมองยิ้มอย่างพอใจที่จะได้ไปบ้านบัวสี
 
เช้าวันใหม่ ทุ่งนาสวยงามบรรยากาศสดชื่น ไม้นอนหลับพลิกตัวไปกอดกาหลงจะหอมแก้มแต่ไม่เจอ ไม้แปลกใจดีดตัวขึ้นมา ร้องเรียกหา
“กาหลง”
“ฉันอยู่นี่จ้ะ”
ไม้หันไป เห็นกาหลงนั่งเฝ้าอยู่อีกด้านหนึ่งของเขา
“กาหลงมานั่งทำอะไรตรงนี้”
“ฉันนั่งเฝ้าพี่กลัวพี่จะหายไป”
“พี่ไม่ใช่วัวไม่ใช่ควาย ไม่มีใครปล้นไปหรอก”
“ฉันไม่อยากอยู่ห่างพี่”
“พี่ก็ไม่ห่างกาหลง”
ไม้เข้าสวมกอดหอมแก้มกาหลงหลายฟอด
“แต่พอการเถอะ ฉันจะไปทำกับข้าวกับปลา”
“พี่ยังไม่หิว แค่ได้กอดได้หอมก็ชื่นใจเป็นแท้”
ไม้เข้าหอมกอดกาหลงไม่ปล่อยวาง มองหน้าจะจูบ ทันใดนั้นเสียงโขงดังขึ้น
“พี่ไม้...พี่ไม้”
“ไอ้โขง”
ไม้และกาหลงแปลกใจที่โขงมาเรียกแต่เช้า
 
โขงรายงานไม้
“จอกมันฟื้นแล้วพี่”
 “มันเป็นไงบ้าง” ไม้ดีใจ
“มันไม่พูดไม่จา เอาแต่นั่งยิ้มแฉ่งแล้วก็มันบ่นเรียกชื่อพี่ อยากเจอพี่”
“ไปสิข้าอยากไปเยี่ยมมัน”
ไม้จะออกไปกับโขง กาหลงเดินเข้ามา
“ขอฉันไปด้วยคนสิจ๊ะ”
“จอกมันคงดีใจ ที่รู้ว่าเอ็งเป็นห่วงเป็นใยมัน”
ไม้พากาหลงออกไปกับโขง
 
เรือของเพชรลอยลำมาตามลำคลอง กาเหว่าเข้ามายืนที่หัวเรือ ตะโกนบอก
“ผ่านคุ้งนี้ไป ก็ใกล้ถึงเรือนฉันแล้วจ้ะพี่”
กาหลงเดินมากับไม้และโขงตามหลัง กาเหว่ายืนที่หัวเรือมองตรงไป เกือบจะเห็นพวกกาหลง เพชรตะโกนบอก
“มัวดีใจอยู่นั่นล่ะ มาช่วยข้าวิดน้ำออก”
“ได้จ้ะพี่”
กาเหว่าเดินไปวิดน้ำที่เรือออก ก้มหน้าวิดเทน้ำไปอีกทาง กาหลงและไม้เดินผ่านไปไม่เห็นกาเหว่า
 
จอกนั่งยิ้มอยู่มุมหนึ่งในวัด ยิ้มให้สัปเหร่อขาว เฟื้อง จันที่นั่งมองอยู่
“จอกเอ๊ย”
จอกยิ้มตอบ
“เอ๊ย”
“เอ็งเล่าได้ยังว่าเอ็งเป็นอะไรเอ๊ย”
“เอ๊ย”
“เอ็งโดนผีเข้าสิง”
“เอ๊ย”
สัปเหร่อขาวดีใจที่รู้จอกตอบว่าใช่ เฟื้องรีบถามจอกทันที
“เอ็งเป็นลมแดด”
“เอ๊ย”
เฟื้องดีใจที่จอกตอบว่าเป็นลมแดดไม่ได้โดนผีสิง สัปเหร่อขาวต่อว่าเฟื้อง
“ไอ้เฟื้องเอ็งอย่าขัดสิวะ” สัปเหร่อขาวหันไปถามจอกต่อ “เอ็งโดนผีสิง”
“เอ๊ย”
เฟื้องถามแทรก
“เอ็งเป็นลมแดด”
“เอ๊ย”
สัปเหร่อขาวชักฉุน
“ข้าบอกว่าอย่าขัด”
“เอ็งนั่นแหละขัดข้า”
สัปเหร่อขาวและเฟื้องทะเลาะกัน จันเข้ามาห้ามโวยวายลั่น
“ข้าเหนื่อยปรามแล้ว อยากทะเลาะกันนัก ไปโน่นเลย ไปต่อยกลางลานให้รู้แพ้ รู้ชนะ”
เฟื้องตั้งกราดพร้อมต่อย
“ไปเลย ใครแพ้เป็นหมา”
“ไม่ไป พระเอกยี่เกจะสู้ครูมวยได้ไงวะ” สัปเหร่อขาวหันไปด่าจัน “นังจัน”
“จ๋า”
“อย่าริทำเสียงหวาน เอ็งเข้าข้างไอ้เฟื้อง หวังให้มันต่อยข้าตาย เอ็งจะได้อยู่กินกับมัน”
จันเผลอรับคำ
“จ้ะ...เฮ่ยอย่ามาพาลหัวเสียใส่ฉัน ฉันกับมันไม่เคยมีอะไรกัน รึอยากให้มีก็ท่าจะดี มีผัวเป็นครูมวย ดีกว่ามีผัวเป็นหมอผี”
“ชะรอยวันทองสองใจ”

สัปเหร่อขาวโวยวายใส่ จันจะตอบโต้กลับพวกไม้เดินตรงเข้ามาพอดี
“พ่อ...จอกมันเป็นยังไงบ้าง”
จอกเห็นไม้ ก็ยิ้มแล้วเรียกชื่อ
“พี่ไม้”
“จอกเอ็งจำชื่อข้าได้”
“พี่ไม้...พี่ไม้รู้มั้ย”
โขงแทรกขึ้น
“ไม่รู้”
จอกพยายามเล่า
“ฉันดำน้ำไปเก็บบัว”
โขงแทรกอีก
“ข้ารู้ว่าเอ็งไปเก็บบัว ไม่ได้เก็บหอย”
“แล้วฉันก็เห็น...”
โขงสวน
“เห็นบัวรึเห็นหอย”
ทุกคนมองดุ โขงรีบหลบไปทันที ไม้หันมาถาม
“เอ็งเห็นอะไร”
“ฉันเห็น...”
จอกชะงัก ไม้และทุกคนรอฟังด้วยความตื่นเต้น กาหลงเดินเข้ามา จอกตกใจ
“กาหลง”
ไม้และทุกคนหันไปมองด้านหลัง กาหลงยืนอยู่ยิ้มให้ จอกมองหน้ากาหลงนึกถึงเหตุการณ์ตอนที่เขาไปเก็บดอกบัวกับโขง...จอกหลบไม้พายของโขง
“ข้าจะดำน้ำไปเก็บบัวงามที่กลางบึง รอประเดี๋ยว”
จอกพูดจบดำน้ำลงไป โขงนั่งในเรือบ่นๆ
“มัวพิรี้พิไร ประเดี๋ยวจะไม่ทันการ”
จอกดำน้ำ เพื่อไปเก็บบัวที่กลางบึง มองไปตรงหน้าแปลกใจเมื่อเห็นร่างใครอยู่ในกอบัว เขาว่ายน้ำเข้าไป แหวกสายบัวใต้น้ำ แล้วเห็นร่างนั้นหันหลังจึงคว้าแขนร่างนั้นให้พลิกหันหน้ามา ศพกาหลงซึ่งตัวแข็งหน้าซีด ผมยาวสยายลอยอยู่ตรงหน้า จอกช๊อกตกใจกลัว
 
กาหลงยืนยิ้มให้ไม้ จอกยืนมองกาหลงที่เดินตรงมาหายิ้มให้
“จำฉันได้ไหม”
จอกมองกาหลง ภาพตรงหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นภาพกาหลงหน้าซีดเป็นผี จอกตกใจกลัวตัวสั่น ทุกคนตกใจ
“เฮ้ยไอ้จอก”
“ผีสิงยังไม่ออกจากร่าง ช่วยกันจับไว้ ข้าจะไปเอาน้ำมนต์มาไล่ผี” สัปเหร่อขาวสั่ง
“ลมตีกลับต่างหากจับมันไว้” เฟื้องแย้ง
ทุกคนจะเข้าไปจับตัว จอกตัวสั่นแล้ววิ่งหนีไป
“ช่วยด้วย...ช่วยด้วย”
 “จอก กลับมาก่อน” ไม้ตกใจ
ทุกคนวิ่งไล่ตามจับตัวจอก กาหลงยืนมองด้วยความแปลกใจ
 
เพชรเอาเชือกมาผูกเรือไว้             
“จอดเรือไว้ที่นี่ เดินไปไม่ไกล ก็ถึงเรือนฉัน” กาเหว่าบอก
“แล้วของกับเรือข้าล่ะ”
“ไม่ต้องกลัวของกลัวเรือหายหรอกพี่ คนบ้านบัวสีมีศีลธรรมเร่งไปเถอะ ข้าอยากเจอแม่  อยากบอกเรื่องพี่กาหลง”
เพชรจำใจผูกเรือแล้วเดินตามกาเหว่าไป แม้ว่าจะพะวงกับของในเรือ
“รอข้าด้วย”
เพชรวิ่งไล่ตามกาเหว่าไป
 
จอกตะโกนลั่นวิ่งหนีไป
“ช่วยด้วยอย่าทำข้าเลย”
โขงวิ่งตามพยายามเรียก
“ไอ้จอก หยุดก่อน”
กาหลงเดินเข้ามามองอย่างกังวลใจ
“จอกกลัวกาหลง”
ไม้ปลอบ
“อย่าวิตกไป สติมันฟั่นเฟือน จับตัวมาซักความจริงให้รู้ว่ามันเห็นอะไร กาหลงรอพี่ที่นี้ล่ะ”
“จ้ะ”
ไม้รีบออกไปช่วยพวกโขง กาหลงยืนรอ ยังคงกังวลใจ
 
ชบาเดินมาที่ท่าน้ำ เพื่อจะรอคอยกาเหว่า
“กาเหว่าเมื่อใดเอ็งจะกลับเรือน ข้าเป็นห่วงเอ็งนะ”
ชบาบ่นๆหันไปเห็นเรือของเพชร ก็แปลกใจ
“เรือใคร”
 
จอกวิ่งหนีไปรอบโบสถ์ ทุกคนวิ่งไล่ตามแล้วหยุดเหนื่อยหอบ
“มันเอาแรงจากไหนวิ่งไวนัก” โขงบ่นอย่างหอบเหนื่อย
สัปเหร่อขาวหอบแฮ่กแล้วพูดขึ้น
“มันโดนผีเข้าสิงสิวะ”
“มันยังหนุ่มยังแน่นแรงมันเยอะ” เฟื้องขัด
ทั้งสามวิ่งไล่ตามจอกต่อไป
 
กาเหว่าเดินนำมาถึงบริเวณที่มีป้าย บ้านบัวสีแต่คำว่าสีเลือนลาง กาเหว่าดีใจ
“เข้าเขตบ้านฉันแล้วจ้ะ”
เพชรอ่านป้าย
“บ้านบัว...”
เพชรเพ่งมอง     
“บ้านบัวสีจ้ะ” กาเหว่ายิ้มแย้มบอก
กาเหว่าเดินนำไป เพชรรั้งมือไว้
“ข้าลืมถุงเงินในเรือ กลับไปเอาถุงเงินก่อน”
“พี่กลับไปแล้วกัน แล้วเดินตามทางนี้ ไม่ไกลก็ถึงเรือนฉัน ฉันไปเตรียมน้ำท่ารอพี่ที่เรือน”
กาเหว่าพูดจบรีบวิ่งไปไม่สนใจเพชร
“แม่จ๋า...กาเหว่ากลับมาแล้ว”
เพชรยืนมอง ที่กาเหว่าตื่นเต้นได้กลับเรือน เขาเดินกลับไปที่ท่าน้ำ
จบตอนที่ 4

อ่านต่อ ตอนที่ 5 พรุ่งนี้ เวลา09.30น.
กำลังโหลดความคิดเห็น