xs
xsm
sm
md
lg

ผู้ว่าฯ สุราษฎร์ฯ สั่งตรวจสอบที่ทำกิน 2 พ่อลูกที่เวียงสระ หลังเข้าทำกินในสวนยางไม่ได้

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


สุราษฎร์ธานี - ผู้ว่าฯ สุราษฎร์ธานี สั่งเจ้าหน้าที่เร่งตรวจสอบสิทธิทำกิน 2 พ่อลูกชาวสวนยางพาราในอำเภอเวียงสระ หลังจากถูกเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติใต้ร่มเย็น บุกตัดโค่นต้นยางพาราอายุกว่า 7 ปี เสียหายกว่า 500 ต้น เมื่อปลายปี 2555 ที่ผ่านมา ทั้งที่ไม่มีคดีความ ผอ.ส่วนอุทยานแห่งชาติ ถึงกับเต้นสั่งล่าผู้กระทำความผิดมาลงโทษ พร้อมเตรียมดำเนินคดีต่อเจ้าหน้าที่อุทยานฯ ส่วนผู้เสียหายคาดเป็นการใส่ร้ายป้ายสีให้ตกเป็นแพะ

นายฉัตรป้อง ฉัตรภูติ ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้มีคำสั่งด่วนให้เจ้าหน้าที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย เจ้าหน้าที่สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 4 สุราษฎร์ธานี เจ้าหน้าที่สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เจ้าหน้าที่อุทยานใต้ร่มเย็น เจ้าหน้าที่ตำรวจป่าไม้ เจ้าหน้าที่ศูนย์ดำรงธรรม นายอำเภอเวียงสระ และผู้นำชุมชน พร้อมมอบหมายให้นายวงศศิริ พรหมชนะ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี เป็นประธานการตรวจสอบข้อเท็จจริงลงตรวจสอบพื้นที่เกิดเหตุ

กรณีเมื่อวันที่ 21 ธันวาคม 2555 สวนยางพาราของนายโสภณ ดีหนู อายุ 70ปี พร้อม น.ส.ภัณฑิลา ดีหนู อายุ 40 ปี ลูกสาว 2 พ่อลูก ถูกเจ้าหน้าที่อุทยานใต้ร่มเย็น บุกเข้าตัดโค่นต้นยางพาราที่มีอายุกว่า 7 ปี จำนวนกว่า 500 ต้น ในพื้นที่บ้านสวนกล้วย หมู่ที่ 17 ตำบลบ้านส้อง อำเภอเวียงสระ จังหวัดสุราษฎร์ธานี ซึ่งการตัดต้นยางพาราเป็นการฝ่าฝืนคำสั่ง นายเชิดศักดิ์ ชูศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี ในขณะนั้น จนผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้มีคำสั่งที่ 2318/2555 ลงวันที่ 12 กรกฎาคม 2555 แต่งตั้งคณะกรรมการไตรภาคี เพื่อแก้ไขปัญหาราษฎรที่อาศัยอยู่ในบริเวณเขตอุทยานแห่งชาติใต้ร่มเย็นได้ประกาศเขตทับซ้อนที่ดินทำกินของราษฎรในพื้นที่ อ.บ้านนาสาร อ.กาญจนดิษฐ์ และ อ.เวียงสระ ประมาณ 28,770 ไร่ เมื่อปี 2534 หลังจาก 2 พ่อลูกได้ยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมถึง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 31 สิงหาคมที่ผ่านมา

นายมนตรี บัวแก้ว ผู้อำนวยการส่วนอุทยานแห่งชาติสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 4 สุราษฎร์ธานี หัวชุดนำกำลังเข้าตรวจสอบพื้นที่ ได้เปิดเผยว่า วันนี้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดได้เข้าตรวจสอบพื้นที่แปลงดังกล่าวโดยดำเนินการจับพิกัดดาวเทียม (GPS) เพื่อนำไปตรวจสอบกับภาพถ่ายดาวเทียมว่าพื้นที่แปลงดังกล่าวอยู่ในแนวเขตพื้นที่เตรียมการจะประกาศเพิกถอนหรือไม่ โดยจะเร่งดำเนินเสนอผู้ว่าราชการจังหวัดสรุปโดยเร็ว

และในการตรวจสอบพื้นที่ยังพบว่า พื้นที่รอยแนวต่อกับแปลงดังกล่าวมีกลุ่มบุคคลนำเครื่องเลื่อยโซ่ยนต์บุกรุกตัดโค่นต้นไม้ขนาดใหญ่ได้รับความเสียหายเป็นบริเวณกว้าง จึงได้สั่งการให้ทำการตรวจยึด และติดตามผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดี พร้อมเตรียมตั้งกรรมการสอบสวนเอาผิดต่อเจ้าหน้าที่ที่มีการปล่อยปละละเลยให้มีการบุกรุกป่าเพิ่ม ซึ่งคาดว่าทางเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องน่าจะมีส่วนรู้เห็นเป็นใจ เนื่องจากการตัดโค่นต้นไม้ชาวบ้านธรรมดาไม่สามารถดำเนินการได้

ในขณะที่ นายโสภณ ดีหนู ได้ระบุว่า หลังจากเกิดปัญหามาประมาณ 10 เดือน ตนและครอบครัวไม่กล้าเข้าพื้นที่ ได้แต่ต่อสู้เรียกร้องสิทธิตามขั้นตอนของกฎหมายมาตลอด ส่วนการบุกรุกตัดโค่นป่านั้น ตนตั้งข้อสังเกตว่า ดูจากการตัดโค่นต้นไม้ที่เป็นแนวรอยต่อจากพื้นที่ของตนแล้วคาดว่าน่าจะเป็นเจตนาใส่ร้ายป้ายสีให้ตนตกเป็นจำเลยของเจ้าหน้าที่เสียมากกว่า ที่จะเป็นการบุกรุกพื้นที่ป่าเพื่อเอาที่ เนื่องจากตนเป็นคู่กรณีของเจ้าหน้าที่อุทยานฯ ซึ่งการตัดต้นไม้ต้องใช้เครื่องเลื่อยโซ่ยนต์ขนาดใหญ่ และมีการตัดมานานกว่า 1 เดือน เจ้าหน้าที่เพิ่งจะมารู้ตอนขึ้นมาตรวจสอบพื้นที่ในวันนี้ ซึ่งเป็นไปไม่ได้อย่างยิ่ง




 
 

กำลังโหลดความคิดเห็น