xs
xsm
sm
md
lg

ชาวสุราษฎร์ฯ กว่า 300 เตรียมยื่นศาลปกครอง อุทยานใต้ร่มเย็นประกาศทับที่ทำกิน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


สุราษฎร์ธานี - ชาวบ้านกว่า 300 ครัวเรือนในอำเภอเวียงสระ จังหวัดสุราษฎร์ธานี รวมตัวเตรียมพร้อมยื่นฟ้องศาลปกครองเพื่อเพิกถอนที่ดินทำกินจำนวนกว่า 5,000 ไร่ ที่ถูกอุทยานใต้ร่มเย็นประกาศทับที่ทำกิน

จากกรณีนายโสภณ ดีหนู อายุ 70 ปี พร้อม น.ส.ภัณฑิลา ดีหนู อายุ 40 ปี ชาวสวนยาง 2 พ่อลูก ที่อาศัยอยู่ที่ หมู่ที่ 17 บ้านสวนกล้วย ต.บ้านส้อง อ.เวียงสระ จ.สุราษฎร์ธานี ได้ร้องเรียนขอความเป็นธรรมต่อสื่อมวลชน ว่า ถูกเจ้าหน้าที่อุทยานใต้ร่มเย็นจำนวนหนึ่งบุกเข้าตัดโค่นต้นยางพาราที่มีอายุกว่า 7 ปี จำนวนกว่า 500 ต้น ในพื้นที่ประมาณ 10 ไร่ เมื่อวันที่ 21 ธันวาคม 2555 ที่ผ่านมา โดยระบุว่า ที่ดินดังกล่าวได้เข้ามาอาศัยอยู่ในพื้นที่มาตั้งแต่ปี 2505 โดยมีเอกสารการเสียภาษีที่ดินกับทางอำเภอยืนยัน แต่ทางอุทยานแห่งชาติใต้ร่มเย็นได้ประกาศพื้นที่ทับพื้นที่การเกษตรหมู่ที่ 17 จำนวน 5,000 กว่าไร่ ส่งผลให้ประชาชนกว่า 300 ครัวเรือนเดือดร้อนหนักมาตั้งแต่ปี 2534 ชาวบ้านได้รวมตัวต่อสู้เรียกร้องให้ภาครัฐลงมาแก้ปัญหาแต่เรื่องไม่คืบหน้า

ความคืบหน้าล่าสุด เรื่องทราบถึงนายมนตรี เพชรขุ้ม นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้ส่งนายสมบูรณ์ ทองพัฒน์ ทนายความประจำตัว และเป็นที่ปรึกษาด้านกฎหมายลงพื้นที่ให้การช่วยเหลือด้านกฎหมายแก่ผู้ได้รับผลกระทบ โดยพบกับชาวบ้านที่ศาลาประชุมบ้านสวนกล้วย หมู่ที่ 17 โดยมีชาวบ้านกว่า 300 ครัวเรือนนำเอกสารที่สำคัญเข้าร้องเรียนขอความช่วยเหลือดำเนินการทางด้านกฎหมาย นำที่ดินทำกินที่ถูกทางการประกาศทับกลับมาหากินได้ตามปกติ ซึ่งชาวบ้านจำนวนนับ 10 รายต่างระบุว่า ต้นยางพาราที่หมดอายุไม่สามารถตัดโค่นเพื่อดำเนินการปลูกใหม่ ทั้งที่กองทุนสวนยางได้อนุมัติทุนสนับสนุนแล้วก็ตาม บางรายนำเอกสารทางหน่วยงานด้านการเกษตรมายืนยันว่า พื้นที่อยู่นอกเขตอุทยานก็ตาม

หลังจากรับเรื่องร้องเรียนแล้ว นายสมบูรณ์ ได้สรุปในเบื้องต้นว่า จะรวบรวมพยานหลักฐานที่สำคัญต่างๆ พร้อมนำเรื่องเข้าสภาทนายความ ภาค 8 เพื่อดำเนินการฟ้องต่อศาลปกครอง เพื่อขอให้คุ้มครองสิทธิ และเพิกถอนการประกาศทับที่ดินทำกินทั้งหมด

นายสุทิน อินทร์คง อายุ 50 ปี ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 17 ได้กล่าวว่า ทางชาวบ้านในพื้นที่ 3 อำเภอ ประกอบด้วย อ.เวียงสระ อ.บ้านนาสาร และ อ.กาญจดิษฐ์ ที่ถูกทางการประกาศทับที่ดินทำกินจำนวน 28,770 ไร่ ได้รวมตัวเป็นเครือข่ายประชาชนผู้ได้รับผลกระทบจากการประกาศเขตอุทยานแห่งชาติใต้ร่มเย็น เรียกร้องให้ภาครัฐเพิกถอนที่ดินทั้งหมด แต่ยังไม่มีความคืบหน้า เมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม 2555 กลุ่มเครือข่ายฯ ได้เข้าร้องเรียนให้แก้ไขปัญหาเกี่ยวกับการพิสูจน์สิทธิ การครอบครองที่ดินในพื้นที่ป่าอนุรักษ์เขตอุทยานแห่งชาติใต้ร่มเย็น และการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนเฉพาะหน้า เรื่องการขอตัดโค่นไม้ยางที่หมดสภาพ และปลูกแทนใหม่ รวมทั้งการเพิกถอนพื้นที่ทับซ้อนที่ทำกินของประชาชน ต่อนายเชิดศักดิ์ ชูศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี

จนผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้มีคำสั่งที่ 2318/2555 ลงวันที่ 12 กรกฎาคม 2555 แต่งตั้งคณะกรรมการไตรภาคี เพื่อแก้ไขปัญหาราษฎรที่อาศัยอยู่ในบริเวณเขตอุทยานแห่งชาติใต้ร่มเย็น อำเภอบ้านนาสาร อำเภอกาญจนดิษฐ์ และอำเภอเวียงสระ พร้อมมีคำสั่งขอให้ระงับการตัดฟันรื้อถอนผลอาสินของราษฎรในพื้นที่ทับซ้อนการประกาศเขตอุทยานออกไปก่อน รอจนกว่าการพิสูจน์การครอบครองที่ดินที่ตกค้างให้แล้วเสร็จ แต่ทางเจ้าหน้าที่อุทยานได้ดำเนินการตัดทำลายพืชผลอาสินอย่างต่อเนื่อง โดยอ้างว่ามีอำนาจพิเศษ โดยไม่สนใจคำสั่งผู้ว่าราชการจังหวัดแต่อย่างใด

ด้านนายนิคม ดำกุล ประธานเครือข่ายฯ ได้กล่าวว่า การประกาศเขตอุทยานแห่งชาติใต้ร่มเย็น เมื่อวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ.2534 เป็นการประกาศที่ไม่คำนึงถึงการมีส่วนร่วมของประชาชน ไม่เป็นธรรมต่อประชาชนที่อยู่อาศัยมาก่อน ตั้งแต่ปี พ.ศ.2500 โดยมีเอกสารอ้างอิง ประวัติหมู่บ้าน ซึ่งเป็นการทับซ้อนบนที่ดินทำกินของราษฎร ได้สร้างความเดือดร้อนให้ถึง 3 อำเภอ 58 หมู่บ้าน ซึ่งราษฎรได้รวมตัวกันเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องแก้ไขปัญหาอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งปี 2546 ในการประชุมของคณะกรรมการอุทยานแห่งชาติ ครั้งที่ 1/2546 ระเบียบวาระที่ 4.4 ที่ประชุมมีมติเห็นชอบในหลักการให้เพิกถอนพื้นที่อุทยานบางส่วนที่ทับซ้อนที่ดินทำกินของราษฎร ประมาณ 28,770 ไร่ และอยู่ในระหว่างการดำเนินการเพื่อเสนอร่างพระราชกฤษฎีกาประกาศเพิกถอน แต่จนบัดนี้ยังไม่มีการดำเนินการใดๆ ซ้ำยังถูกจับกุมดำเนินคดีราษฎรหลายรายในพื้นที่ อันเป็นการซ้ำเติมความเดื่อดร้อนทุกข์ยากให้ราษฎรเหล่านี้เป็นอย่างยิ่ง








กำลังโหลดความคิดเห็น